วันต่อมา
วันวาเลนไทน์มาถึงแล้ว และทุกอย่างก็ดูจะวุ่นวายไปหมด
หลินเช่อนั่งห่อเ**่ยวอยู่บนเก้าอี้ในกองถ่าย ฉินเสี่ยวหยวนที่เพิ่งเดินมาทางมาถึงนั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง
ทั้งสองไม่ค่อยมีฉากที่ต้องแสดงร่วมกันมากนัก ทั้งคู่จึงไม่ค่อยได้พบหน้ากันเท่าไหร่ บางทีอาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าพวกเธอทั้งสองคนเข้ากันได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้กำกับจงใจที่จะเลื่อนการถ่ายทำฉากของทั้งสองออกไปก่อน และผลที่ตามมาก็คือทำให้ทั้งสองไม่มีอะไรให้ต้องพูดจากันเมื่อพบหน้า ต่างคนจึงต่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองและไม่ยุ่งเกี่ยวกัน
ไม่ช้ากู้จิ้งอวี่ก็เดินเข้ามาหา เขามองหน้าหลินเช่อ “แล้วนี่ทำไมเธอถึงได้อยู่คนเดียววันวาเลนไทน์ล่ะ”
“ฉันก็ใช้เวลากับพวกคุณนี่ไงคะ” หลินเช่อตอบ
กู้จิ้งอวี่ยังซักไซ้ “แล้วนี่สามีของเธอไปไหน”
“แล้วเขาต้องอยู่กับฉันด้วยหรือคะ”
ชายหนุ่มชักเริ่มรู้สึกไม่ค่อยเชื่อถือคำประกาศที่ว่า ‘แต่งงานแล้ว’ ของหลินเช่อขึ้นมาทันที
“ฉันรู้สึกเหมือนว่าชีวิตแต่งงานของเธอจะมีปัญหานะ” เขาพูดขึ้น
หลินเช่อหันมามอง “ปัญหาอะไรคะ”
“ต่อให้นี่เป็นการแต่งงานที่ต้องปิดบังเอาไว้ แต่เธอก็ไม่ต้องแอบซ่อนมันขนาดนี้ก็ได้ ดูตัวเองเข้าสิ มันดูเหมือนเธออยู่ตัวคนเดียวตลอดเวลา ท่าทางเธอก็ไม่เห็นเหมือนคนที่มีผู้ชายในชีวิตเลยซักนิด หึๆ หน้าแบบนี้เนี่ยนะ” เขาหยิกแก้มเธอ
“เฮ้ เฮ้ เฮ้” หลินเช่อร้อง “เราเป็นคู่แต่งงานแก่ๆ น่ะ เราไม่ได้เหม็นขี้หน้ากันหรอกนะคะ ถ้าคุณหมายความว่าอย่างนั้นละก็ คุณไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการแต่งงานหรอก นี่แหละค่ะ! ก็แค่คนสองคนที่อยู่ด้วยกันจนชินเสียแล้ว”
“ฮึ ผู้จัดการของฉันแต่งงานมาสองปีแล้ว ยังได้ของขวัญวาเลนไทน์ในวันนี้อยู่เลย แถมยังขอหยุดด้วย บอกว่าพวกเขาอยากไปใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ในขณะที่ตัวเธอเองเนี่ย…”
“อีตาบ้า…พวกเราแค่ไม่ชอบทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวแบบนั้นก็เท่านั้นเอง โอเค้”
“อืม ฉันคิดว่า…สามีเธอน่าจะไม่ได้อยู่ในเมืองบีนี่ด้วยซ้ำ เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเธอยังมีตัวตนอยู่น่ะ หึๆ ลูกน้องของเขาน่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากกว่าเธอด้วยซ้ำ การแต่งงานของพวกเธอมันมีความหมายอะไรกันล่ะเนี่ย บ้านของเธอกลายเป็นโรงแรม แล้วตัวเธอก็กลายเป็นแค่ของตกแต่ง หรือเธอจะว่าไง…”
คำพูดเหล่านั้นแล่นเข้ากระทบใจหลินเช่อ
บางทีกู้จิ้งอวี่อาจจะแค่พูดติดตลกหรือล้อเธอเล่นเท่านั้น แต่คำพูดของเขากรีดลงกลางใจจนเธอเจ็บแล้วเจ็บอีก
ใช่แล้วละ การแต่งงานของเธอเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ถ้าเรียกให้เหมาะน่าจะเรียกว่าเป็นการร่วมงานกันเสียมากกว่า
อันที่จริงแล้ว ความตั้งใจแรกเลยของเขาก็คือ การได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นภรรยาของเขา
หลินเช่อมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชิงชัง “กู้จิ้งอวี่ นี่คุณไม่อยากให้คนอื่นมีความสุขใช่มั้ย คนปากเสีย!”
“เอาละ เอาละ เย็นไว้ อย่าเพิ่งอาละวาด ถ้าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน งั้นเดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง คืนนี้ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”
“คงไม่ดีหรอกค่ะ” หลินเช่อคิดว่าถ้าเป็นวันอื่นคงไม่เท่าไหร่ แต่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ถ้าเธอกับเขาไปกินข้าวกันเพียงสองคน ข่าวเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะแก้ไขได้ยากทีเดียว
ราวกับจะเข้าใจความกังวลใจของหลินเช่อได้ กู้จิ้งอวี่จึงบอกว่า “ก็ได้ ก็ได้ งั้นก็ไปกันทั้งกลุ่มนี่แหละ ฉันจะเชิญเจ้าพวกคนโสดทั้งหลายในทีมงานไป แล้วเธอจะได้ตามไปด้วย สบายใจได้ เธอจะไม่ต้องเป็นข่าวเสียหายหรอก”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ดวงตาของหลินเช่อก็เป็นประกายเมื่อเธอเงยหน้ามองอีกฝ่าย “อา จริงหรือคะ แหมก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก โอเค โอเคค่ะ ฉันไปด้วย”
กู้จิ้งอวี่ส่ายหน้าและมองหลินเช่อ ยัยบื้อนี่กลัวนักกลัวหนาว่าจะตกเป็นข่าวกับเขา นี่เขาใส่ใจเธอมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
คืนนั้น
เมื่อหลินเช่อและกู้จิ้งอวี่มาถึง พวกเขาก็พบว่ามันกลายเป็นงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ทีเดียว ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหาร และเมื่อเห็นทั้งคู่มาถึง ทุกคนก็พากันแซ่ซ้องขอบคุณกู้จิ้งอวี่ที่ใจดีจัดงานนี้ขึ้น
หลินเช่อและกู้จิ้งอวี่นั่งลงด้วยกัน
ชายหนุ่มหันไปช่วยเตรียมอาหารให้หลินเช่อรับประทาน
หญิงสาวรีบร้องห้าม “คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันไม่ได้เป็นเด็กช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ซักหน่อย ฉันกินเองได้น่า”
“หลินเช่อบอกฉันหน่อยซิ ในงานนี่มีใครบ้างที่ไม่อยากให้ฉันช่วยเสิร์ฟอาหารให้พวกเขา ทีนี้หันมาดูตัวเธอเองบ้าง ฉันกำลังตักอาหารให้เธอขนาดนี้ ยังไม่รู้จักซาบซึ้งบุญคุณอีก”
แต่เธอไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด
เมื่อเหลียวมองดูรอบๆ แล้ว เธอก็เห็นว่าทุกคนกำลังแอบมองเธอกับเขาอยู่
ถึงแม้ว่าจะมีคนคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลาที่เธอกับเขาปรากฏตัวพร้อมกัน แต่หลินเช่อก็ทำใจให้ชินไม่ได้ซักที
แล้วใครบางคนก็ร้องตะโกนขึ้นจากด้านข้างว่า “อา จิ้งอวี่ พี่ชายคนรองของคุณออกข่าวแน่ะ”
กู้จิ้งอวี่หันไปมอง “พี่ชายรองเหรอ”
“กู้จิ้งอวี่งั้นรึ”
“ฮ่า ข่าวของเขางั้นรึ อีกเดี๋ยวก็คงถูกสั่งลบไปทั่วทั้งประเทศนั่นแหละ หมอนี่ไม่ชอบเปิดเผยตัวตน แต่ไหนๆ ก็ได้ออกข่าวแล้ว รีบไปดูกันหน่อยดีกว่า อีกซักพักก็คงหายไปแล้วละ”
เมื่อหลินเช่อได้ยิน เธอก็รีบดึงโทรศัพท์ออกมา
แล้วเธอเห็นข่าวที่พูดถึงการเดินทางไปร่วมงานประชุมด้านเศรษฐกิจของเขาในทันที
นี่คงจะเป็นงานระดับชาติ
ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “กู้จิ้งเจ๋อนี่เก่งจริงๆ เลยนะ เขาจะต้องนำเสนอประเทศได้อย่างน่าภาคภูมิในงานนี้แน่”
“เขาเดินทางไปเพื่อเจรจาความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่เห็นหรือไงว่านั่นเป็นงานเลี้ยงรับรองระดับชาติน่ะ”
“เฮ้ แล้วทำไมถึงมีผู้หญิงยืนอยู่ข้างเขาด้วยล่ะ ท่าทางหล่อนดูคุ้นๆ นะ”
ผู้หญิงงั้นเหรอ
หลินเช่อรีบยกโทรศัพท์ขึ้น แล้วเลื่อนดูข่าวด้วยความกระวนกระวายใจทันที
สายตาของเธอจับอยู่ที่ภาพพร่าเลือนภาพหนึ่ง ภาพนี้เป็นภาพแอบถ่าย กู้จิ้งเจ๋อกำลังยืนหันหลังให้กล้อง ข้างกายเขา ลู่ชูเซี่ยกำลังยกแขนขึ้นโอบเอวของชายหนุ่มไว้ เมื่อยืนเคียงกันแบบนี้ ทั้งสองก็ดูสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกทีเดียว
เพราะถึงอย่างไรลู่ชูเซี่ยก็เป็นผู้หญิงที่สวยสง่า หล่อนสวมชุดทำงานคล้ายกันกับเขา และดูเหมือนกุลสตรีชั้นสูง ถ้าคนที่ไม่รู้ ก็อาจเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าเธอคือภรรยาของเขา
หลินเช่อมือเย็นเฉียบ ในหัวโล่งว่าง
กู้จิ้งอวี่สังเกตเห็นบางอย่างที่ไม่ปกติ เขาจึงมองหน้าและถามเธอว่า “เกิดอะไรขึ้น หลินเช่อ เธอโอเครึเปล่า”
“โอ้ ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เมื่อถูกกระทุ้ง หลินเช่อก็รีบดึงตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอยิ้มและหันไปบอกว่า “กินกันเถอะค่ะ”
อันที่จริงเธอเก่งมากทีเดียวเรื่องการตีสีหน้าว่าเธอไม่เป็นไรและสามารถดูแลตัวเองได้ ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เธอรู้ว่าจะวางท่าให้ดูสงบเสงี่ยมอย่างไรแม้ว่าในใจจะกำลังเศร้าหมองแค่ไหนก็ตาม
เพราะความที่ต้องอยู่คนเดียวลำพังมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากเธอเผยความทุกข์ของตัวเองออกไปจะเป็นอย่างไรน่ะหรือ ก็ไม่มีใครที่จะมาคอยปลอบโยนหรือเข้าใจเธอเลยน่ะสิ
แม้ว่าจะหลงรักฉินชิงมานานหลายปี เธอก็ได้แต่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ เท่านั้น ใครๆ มักบอกว่าเธอเป็นคนเสียงดังเอะอะโวยวาย แต่หลินเช่อรู้ดีว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวหากเป็นเรื่องของความรู้สึก เธอรู้สึกถึงความต่ำต้อยด้อยค่าของตัวเองมาโดยตลอด จนกระทั่งได้มาเจอชายหนุ่มผู้สูงส่งเลิศล้ำอย่างกู้จิ้งเจ๋อ
เมื่อเป็นเรื่องของความรู้สึกแล้ว หลินเช่อไม่มีอะไรพิเศษ มีแค่รักกับไม่รักเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไม่ได้รักเธอแม้แต่น้อย ความพิเศษของเธอจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมา…
เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง หลินเช่อก็ออกมายืนอยู่ข้างนอก กู้จิ้งอวี่เดินเข้ามาหา เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวที่ดูไม่ค่อยดีนักก่อนหน้านี้ เขาจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้อารมณ์บูดล่ะ”