เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 312 ฉันไม่ได้ถูกจ้างมาเพื่อให้ทำตัวใจดี

ฉินเสี่ยวหยวนเพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำฉากกลางคืนของเธอ และกำลังเตรียมตัวจะกลับ
 
 
บรรดาผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันหันมามองทันที
 
 
เมื่อได้เห็นคนจากทั้งสองฝั่ง พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าการเผชิญหน้ากันในครั้งนี้จะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกันหรือไม่
 
 
หลินเช่อเพียงแต่ปรายตามอง และพูดคุยกับอวี๋หมินหมิ่นต่อ
 
 
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉินเสี่ยวหยวนก็กวาดตามาทางพวกเธอด้วยเช่นกัน และหันไปพูดกับผู้ช่วยของตัวเองว่า “เฮอะ ทีแรกฉันก็สงสัยจังว่าทำไมบางคนถึงโด่งดังขึ้นมาได้เร็วนัก ที่แท้ก็เป็นเมียเก็บของคนอื่นนี่เอง โถๆ สาวๆ สมัยนี้นี่น้า”
 
 
“จริงค่ะ ไม่เหมือนกับพี่เสี่ยวหยวนเลยนะคะที่บากบั่นทำงานหนักด้วยสองมือของตัวเอง นี่แหละค่ะความต่าง ไม่ว่าจะไปที่ไหน พี่ก็เลยได้รับแต่ความเคารพนับถือแทนที่จะโดนคนดูถูกเหยียดหยาม”
 
 
“โอ๊ย แบบนี้ก็เท่ากับว่าทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้นนั่นแหละนะ เขาคงกลัวเกินกว่าที่จะยอมรับมันน่ะ ก็เธอไม่เห็นเหรอ ว่าเขาเอาแต่เงียบกริบไม่พูดอะไรเลยซักแอะเดียว ว่าแต่ที่เงียบนี่เท่ากับเป็นการยอมรับหรือว่าเป็นเพราะว่าไม่กล้าพูดอะไรกันแน่”
 
 
หลินเช่อกัดริมฝีปากเมื่ออวี๋หมินหมิ่นคว้าแขนเธอเอาไว้ ทั้งสองพากันเดินเข้ามาข้างใน ก่อนที่ผู้จัดการสาวจะหันมาพูดอย่างเยือกเย็นว่า
 
 
“ช่างเถอะนะ หลินเช่อ บางคนก็ไม่มีความสามารถพอที่จะเล่นตามกติกา ก็เลยต้องหาวิธีเล่นไม่ซื่อแบบนี้นี่แหละ เราจะต้องเข้าใจด้วยว่าคนพวกนี้อีกไม่นานก็จะหมดอายุการใช้งานแล้ว ให้พวกเขายอมรับความจริงด้วยตัวเองเถอะ ถึงยังไงพวกเขาก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
 
 
“นี่เธอ…อวี๋หมินหมิ่น แกหมายถึงใครที่ว่ากำลังจะหมดอายุการใช้งานน่ะ” ฉินเสี่ยวหยวนหันขวับมาทันที ใบหน้าเป็นสีม่วงด้วยความโกรธ
 
 
อวี๋หมินหมิ่นและคนอื่นๆ พากันหยุดเดิน เธอหันกลับมามองฉินเสี่ยวหยวนแล้วพูดว่า “อ้าว พี่เสี่ยวหยวน เมื่อกี้ไม่ทันเห็นพี่ ฉันกำลังคุยกับหลินเช่อเรื่องข่าวบันเทิงอยู่พอดีเลยค่ะ มีดาราหญิงรุ่นใหญ่คนนึงไปเที่ยวไนต์คลับ น่าสงสารนะคะ มีอะไรหรือคะ พี่เสี่ยวหยวนคงไม่คิดว่าฉันกำลังพูดถึงพี่อยู่หรอกนะคะ”
 
 
“เธอ…”
 
 
คนรอบตัวที่ได้ยินต่างก็พากันหัวเราะ
 
 
ฉินเสี่ยวหยวนส่งเสียงเข่นเขี้ยวแล้วเดินปึงปังผ่านพวกเธอไป
 
 
“หลินเช่อ แกรอดูก่อนเถอะ”
 
 
ทั้งหลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นพากันเดินต่อไป และไม่สนใจฉินเสี่ยวหยวนอีกเลย
 
 
ที่ด้านใน หลินเช่อเห็นกู้จิ้งอวี่ที่สวมนาฬิกาของเธอ
 
 
ก่อนที่จะเริ่มแต่งหน้า เขาหันมาเห็นหลินเช่อและโบกมือใส่หน้าเธออย่างตั้งใจ
 
 
อวี๋หมินหมิ่นมองดูด้วยความประหลาดใจและกระทุ้งหลินเช่อพลางถามว่า “ฮ่า กู้จิ้งอวี่นี่ท่าทางจะ…เธอแน่ใจนะว่าเขาไม่ได้สนใจเธอน่ะ”
 
 
“ไม่มีทางค่ะ ฉันบอกเขาไปแล้วค่ะว่าฉันแต่งงานแล้ว เขาเพียงแต่ไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวนัก ก็เลยไม่รู้ว่าฉันแต่งเข้าบ้านตระกูลกู้น่ะ”
 
 
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่ง…ทั้งที่เขารู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว แต่ก็ยังมาวอแวกับเธออีกเนี่ยนะ…”
 
 
“เงียบไปเลยนะคะพี่อวี๋!”
 
 
หยางหลิงซินยืนฟังเงียบๆ อยู่ข้างหลัง เด็กสาวโน้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมโทรศัพท์ในมือ
 
 
บนหน้าจอคือความคิดเห็นที่คนพูดถึงหลินเช่อ หลายคนพากันตำหนิเธอ
 
 
หยางหลิงซินยืนถือโทรศัพท์และอ่านมันอย่างเงียบๆ ริมฝีปากขยับน้อยๆ ด้วยความพึงใจ…
 
 

 
 
ความโกรธและเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลินเช่อยังคงดำเนินต่อไป
 
 
ที่บริษัท
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองดูภาพถ่ายของตัวเอง คนที่ถ่ายภาพคงไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ เพราะภาพนั้นถูกถ่ายจากระยะไกล
 
 
ฉินเฮ่าพูดขึ้นว่า “คนในโลกออนไลน์พากันพูดว่าคุณผู้หญิงเป็นเมียเก็บน่ะครับ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อไถโทรศัพท์ดูคอมเมนต์ด่าทอที่อยู่ด้านบน สีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติ
 
 
ฉินเฮ่าพูดต่อไปอีกว่า “เห็นมั้ยครับ แล้วทีนี้ท่านอยากจะให้ทำยังไงครับ”
 
 
“หาตัวเจอหรือยังว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
 
 
“เป็นนักแสดงหญิงที่มีข่าวลือว่ามีเรื่องขัดแย้งกับคุณผู้หญิงเมื่อเร็วๆ นี้ครับ มีรายงานมาว่าเธอเป็นเมียน้อยของหลี่กานหงในช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการ แล้วเขาก็อุปถัมภ์เลี้ยงดูเธอมาหลายปีก่อนที่จะกลายเป็นดาราดังในที่สุด ตอนนี้เธอแสดงภาพยนตร์เรื่องเดียวกับคุณผู้หญิงในทีมงานของคุณชายสามครับ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อชะงัก ก่อนจะส่งสัญญาณบอกให้ฉินเฮ่าออกไปได้
 
 

 
 
เมื่อฉินเสี่ยวหยวนเดินออกไป ใบหน้าของหล่อนก็กลายเป็นสีม่วงด้วยคำพูดของอวี๋หมินหมิ่น
 
 
หล่อนหันมาพูดกับผู้ช่วยว่า “ไปหาเรื่องที่จะใช้ใส่ความนังหลินเช่อในอินเทอร์เน็ตมาอีก รวมทั้งนังผู้จัดการของมันด้วย อวี๋หมินหมิ่นน่ะ กระจายข่าวออกไปว่าอวี๋หมินหมิ่นทำผิดกฎแล้วก็…แล้วก็นอนกับผู้บริหารของบริษัท ฉันจำได้ว่าครอบครัวของแม่นั่นก็ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ พ่อก็ติดการพนัน ฮึ ไม่ว่าจะยังไง ลากพวกมันลงนรกไปพร้อมกันให้หมดเลย”
 
 
วันต่อมา หลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นต่างก็โดนเล่นงานอย่างหนักจนกลายเป็นข่าวพาดหัวอีกครั้ง
 
 
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเพียงข่าวใส่ร้ายป้ายสี แต่การได้เห็นคอมเมนต์ด่าทอก็ทำให้พวกเธออดหงุดหงิดไม่ได้อยู่นั่นเอง
 
 
โดยเฉพาะคราวนี้ที่อวี๋หมินหมิ่นโดนลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พวกเขาบอกว่าตอนแรกทีเดียวอวี๋หมินหมิ่นไม่ชอบหน้าหลินเช่อ และเป็นผู้จัดการที่ทำงานไม่ได้เรื่อง
 
 
สุ้มเสียงที่พยายามจะใส่ร้ายนั้นฟังออกได้ชัดเจน
 
 
หลินเช่ออ่านข่าวนี้และบ่นอย่างหัวเสียว่า “คราวนี้ฉินเสี่ยวหยวนทำเกินไปจริงๆ
 
 
จะด่าว่าเธอน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่มาด่าว่าบรรดาคนที่อยู่ข้างเธอนี่สิ…นี่ฉินเสี่ยวหยวนคิดจริงๆ เหรอว่าเธอไม่กล้าที่จะตอบโต้หล่อนน่ะ
 
 
อวี๋หมินหมิ่นดึงแขนหลินเช่อ “ช่างมันเถอะ เขาอยากพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไป ถ้าเราไม่สนใจ อีกสองสามวันเรื่องก็ซาแล้ว”
 
 
หลินเช่อไม่เห็นด้วย “แต่พี่เสี่ยวหยวนล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ นี่เขาคิดจริงๆ หรือคะว่าที่ฉันไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้เป็นเพราะว่าฉันกลัวเขาน่ะ”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นว่า “แต่การจะมาเปิดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนะ สิ่งสำคัญกว่าคือการเก็บเรื่องการแต่งงานของเธอไว้เป็นความลับ ไม่ว่าฉันจะต้องโดนด่ามากแค่ไหนก็เถอะ ถึงยังไงคนเป็นผู้จัดการก็ชินกับเรื่องการถูกใส่ความแบบนี้แล้วละ ให้ฉันเป็นฝ่ายโดนซะ เธอจะได้ไม่ต้องเป็นเป้าสำคัญ มันดีออกนะ”
 
 
หลินเช่อกัดฟัน “ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นฉันจะไม่ทำอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะถูกเตือนซักหน่อยนะคะ ไม่อย่างงั้นเขาอาจจะคิดว่าฉันไม่ตอบโต้ แล้วเขาก็จะยิ่งได้ใจไปมากกว่านี้!”
 
 
หลินเช่อพูดแล้วก็เดินออกไป อวี๋หมินหมิ่นคิดว่าการเตือนฉินเสี่ยวหยวนซักเล็กน้อยก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เธอจึงเดินตามหลินเช่อออกไปด้วย
 
 
ฉินเสี่ยวหยวนมาที่บริษัท ทั้งหล่อนและหลินเช่อไม่ค่อยมีคิวถ่ายทำมากนักในช่วงสองวันนี้ หลินเช่อจึงหาโอกาสที่จะเข้าไปยังบริษัทเพื่อจัดการธุระต่างๆ
 
 
ที่ด้านนอกอาคาร คนของฉินเสี่ยวหยวนกำลังทยอยกันกลับ หลินเช่อจึงเดินเข้าไปหาและตะโกนเรียก “ฉินเสี่ยวหยวน”
 
 
หล่อนเป็นรุ่นพี่ แต่ก็อายุมากกว่าหลินเช่อไม่เท่าไหร่ ส่วนหลินเช่อนั้นเพิ่งเข้าวงการมาไม่นานก็มีชื่อเสียงแล้ว
 
 
แต่ตามธรรมเนียมของวงการนี้ ทุกคนจะต้องเรียกหล่อนว่าพี่เสี่ยวหยวนเพื่อแสดงความเคารพ
 
 
เมื่อได้ยินหลินเช่อเรียกชื่อเธอห้วนๆ แบบนั้น ดารารุ่นพี่ก็ขมวดคิ้ว หล่อนหมุนตัวกลับมายิ้มเยือกเย็น “นี่แม่เธอสั่งสอนมาให้มีกิริยาแบบนี้งั้นเหรอ กล้ามาเรียกชื่อเต็มฉันแบบนี้น่ะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าทำ”
 
 
“แม่ฉันไม่เคยสอนเรื่องมารยาทหรอกค่ะ แต่ท่านสอดฉันว่าถ้าหมากัด ฉันก็ไม่ควรกัดตอบเพราะเดี๋ยวอาจจะติดเชื้อได้ เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่สนว่าพี่จะทำอะไรในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องติดเชื้อบ้าไปด้วย แต่พี่คงไม่คิดหรอกนะคะว่าฉันยอมแพ้ให้พี่เพียงเพราะว่าฉันทำเฉยๆ น่ะ พี่พูดถูกค่ะ ฉันเองก็มีชีวิตส่วนตัว และฉันก็ไม่อยากให้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ฉันไม่ใช่เมียเก็บของใครอย่างที่พี่พูด นี่ชีวิตพี่คงจะจืดชืดมากเสียจนคิดว่าการจูงมือแล้วก็เดินไปด้วยกันหมายความว่าฉันต้องเป็นเมียน้อยคนอื่นเลยเชียวหรือคะ การที่ฉันพยายามทำงานหนักเพื่อพึ่งพาตัวเองเพราะว่าครอบครัวของฉันไม่ค่อยดีนักนั่นแปลว่าฉันจะต้องกลายเป็นผู้หญิงมากมารยาเหรอคะ นี่พี่จะต้องป่วยหนักขนาดไหนเนี่ย ถึงได้มองคนอื่นเลวร้ายขนาดนั้น หรือเห็นคนอื่นมีความสุขแล้วต้องคิดเรื่องเลวทรามแบบนั้น!”
 
 
“นี่แก…”
 
 
ฉินเสี่ยวหยวนโดนฉีกหน้าจนไม่เหลือดี “หลินเช่อ นี่แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้งั้นเหรอ แกไม่อยากจะอยู่ในวงการนี้อีกแล้วใช่มั้ย แกคิดจริงๆ น่ะเหรอว่ากู้จิ้งอวี่จะสามารถปกป้องแกจนไปได้ตลอดรอดฝั่งน่ะ ฉันจะบอกอะไรให้ ถ้าฉันอยากจะกระชากแกลงมาจริงๆ ละก็ ฉันมีวิธีอีกเป็นล้าน นี่แค่เบาะๆ เท่านั้น!”

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset