เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 316 ปะทะกันโดยไม่ตั้งใจ

หลินเช่อหน้าแดง “ฉันไม่สนใจคุณแล้ว อีตาบ้า อยู่ที่นี่ยังจะกล้าแกล้งฉันอีก ฉันจะออกไปตามคุณแม่ให้มาคอยปกป้องฉัน”  
 
 
“กลับมานี่นะ” กู้จิ้งเจ๋อดึงเธอไว้เมื่อเห็นหลินเช่อทำท่าจะวิ่งหนี “จะต้องมาปกป้องอะไรกัน แม่น่ะแทบจะรอให้ฉันรังแกเธออีกไม่ไหวแล้ว ท่านจะได้อุ้มหลานเสียที”  
 
 
“นี่คุณ…”  
 
 
ในตอนนี้เอง หลินเช่อเงยหน้าขึ้นและได้เห็นคนสองสามคนเข้ามายืนอยู่ข้างตัวมู่หว่านฉิง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับเธอ  
 
 
มู่หว่านฉิงดูเด็ดเดี่ยวเยือกเย็นยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเสมอ หลินเช่อเคยเห็นตอนที่เธอสั่งลงโทษหลินลี่มาแล้ว แม่สามีของเธอไม่ใช่คนที่ใครจะมาระรานได้ง่ายๆ เลย  
 
 
ครู่ต่อมา ใครบางคนก็เข้ามารายงานกับกู้จิ้งเจ๋อเบาๆ ว่า กู้จิ้ิ้งอวี่อยู่ที่นี่  
 
 
หลินเช่อประหลาดใจอย่างมาก เธอหันมองหน้าชายหนุ่ม “กู้จิ้ิ้งอวี่มาที่นี่หรือคะ ฉันควรจะ…”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “นี่เป็นงานแต่งงานของจิ้งเหยียน ถึงยังไงเขาก็ต้องกลับมา คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก เดี๋ยวฉันจะไปดูหน่อย เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”  
 
 
“โอ้ โอเคค่ะ “หลินเช่อพยักหน้าเมื่อได้ยินที่เขาบอก  
 
 
เมื่อชายหนุ่มผละออกไป หลินเช่อก็เดินลัดเลาะดูรอบงาน  
 
 
ผู้คนที่ยืนอยู่พากันพูดคุยถึงงานแต่งงานวันนี้ หลินเช่อได้ยินใครคนหนึ่งพูดว่า “งานแต่งงานระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลกู้นี่ทำให้คนอิจฉากันใหญ่เลยเชียวละ แต่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนไฮสคูลแล้ว เรียกว่าเป็นหวานใจวัยเรียนกันก็ว่าได้ ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเหมาะสมกันแบบนี้น่ะ”  
 
 
“วันนี้คนมาร่วมงานเยอะจริงๆ”  
 
 
“แน่ละสิ ใครบ้างจะไม่อยากมาร่วมงานแต่งตระกูลกู้ล่ะ ฉันน่ะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับเชิญเลยละ”  
 
 
“แล้วทำไมเราถึงยังไม่เห็นกู้จิ้งเหยียนอีกล่ะ”  
 
 
“เขาชอบทำตัวโลว์โปรไฟล์ ตอนนี้คงจะแอบอยู่ข้างในนั่นแหละ ไม่ออกมาให้เห็นหน้ากันง่ายๆ หรอก”  
 
 
“ดูคนที่ยืนอยู่นั่นสิ นั่นคุณนายกู้ใช่มั้ย”  
 
 
“ใช่แล้ว มู่หว่านฉิง คุณมู่น่ะ ในยุคสมัยของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมไร้ใครเทียบจริงๆ เห็นรึเปล่านั่น วางมาดได้งามสง่าเหลือเกิน อย่าลืมเข้าไปทักด้วยล่ะ แล้วดูสิว่าจะชวนเธอคุยได้สำเร็จรึเปล่า”  
 
 
“ฉันว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบคุยกับคนอื่นเท่าไหร่”  
 
 
“แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานลูกสาวนะ ถ้าเธอกำลังดีใจ เธอก็น่าจะยอมพูดด้วยหรอกน่า”  
 
 
หลินเช่อมักได้ยินคนอื่นพูดถึงความเย็นชาห่างเหินของคนตระกูลกู้อยู่เสมอ แต่เธอกลับไม่เคยรู้สึกเลยซักครั้งว่าพวกเขาเป็นคนเข้าถึงยาก  
 
 
หลินเช่อยังคงนิ่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่คนเดียว เมื่อตอนที่เธอได้ยินใครคนหนึ่งบอกว่า ลู่ชูเซี่ยมาถึงแล้ว  
 
 
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อหันไปดูที่ประตูทางเข้า  
 
 
ลู่ชูเซี่ยอยู่ในชุดสีแดงสดใส ใครจะไปคิดว่าหล่อนจะเลือกชุดสีเดียวกันหลินเช่อไม่มีผิดแบบนี้  
 
 
หลินเช่อจ้องมองอีกฝ่ายอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะรีบเดินไปหากู้จิ้งเจ๋อ ตอนนี้เธอเริ่มอึดอัดใจขึ้นมาทันที  
 
 
ขณะทีลู่ชูเซี่ยเดินเข้ามาภายในงั้น เธอก็เริ่มดึงความสนใจจากผู้คนให้หันไปมอง  
 
 
หล่อนเป็นสาวสังคมที่ใครๆ ก็ล้วนรู้จักดี  
 
 
แถมวันนี้หล่อนยังจะได้เป็นน้องสะใภ้ในงานแต่งของกู้จิ้งเหยียนอีกต่างหาก ไม่ว่าใครต่างก็ต้องหันมามองแทบจะในทันทีที่เธอก้าวเท้าเข้ามา  
 
 
ลู่ชูเซี่ยเหลียวมองมองคนที่ดูโดดเด่นที่สุดภายในงาน กู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง  
 
 
เธอไม่แยแสบรรดาหนุ่มโสดทั้งหลายที่พากันอ้าปากค้างมองเธอ และเดินตรงเข้าไปหากู้จิ้งเจ๋อทันที  
 
 
“พี่จิ้งเจ๋อคะ” เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก ผู้คนที่ยืนอยู่โดยรอบก็พากันหันมอง  
 
 
สุ้มเสียงสนิทสนมอย่างยิ่งทำให้หลายคนพลอยเข้าใจผิด  
 
 
นี่ตระกูลลู่กับตระกูลกู้กำลังจะดองกันอีกชั้นหนึ่งอย่างงั้นหรือ  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อไม่น่าจะมีความสัมพันธ์กับลู่ชูเซี่ยนี่นา  
 
 
ถ้าเป็นแบบนั้นจะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อที่กำลังมองหาผู้เป็นน้องชายอยู่ในตอนแรก เมื่อเห็นลู่ชูเซี่ย เขาก็หยุดและถามว่า “ทำไมพี่ชายเธอถึงยังไม่มาอีก”  
 
 
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ ฉันเดาว่าเขาก็คงเป็นแบบนี้แหละ อย่าห่วงเลยค่ะ เดี๋ยวเขาก็มาเองนั่นแหละ เขาจะยอมสละภรรยาชั้นเลิศแบบนี้ได้ยังไง นี่เป็นการแต่งงานที่เหมาะสมคู่ควรที่สุดแล้ว เขาตาไม่บอดหรอกค่ะ ทำไมเขาถึงจะไม่อยากได้ภรรยาผู้สูงส่งเพียบพร้อมแล้วไปหาคนอื่นล่ะคะ”  
 
 
เธออยากพูดมากกว่านี้ แต่ท่าทางกู้จิ้งเจ๋อดูจะไม่ได้หันมาใส่ใจเมื่อชายหนุ่มพูดว่า “ตราบใดที่เขาไม่มาสายก็แล้วกัน”  
 
 
จากนั้นเขาก็หมุนตัวและเดินจากไปทันที  
 
 
ลู่ชูเซี่ยเห็นปุ๊บก็รีบเดินตามไป  
 
 
เขาเดินเร็วมากเสียจนเธอเดินตามไม่ทันเพราะสวมรองเท้าส้นสูง  
 
 
ลู่ชูเซี่ยไม่อยากให้ตัวเองดูเสียภาพลักษณ์ จึงต้องจำใจมองดูเขาเดินนำลิ่วๆ ก่อนจะยกชายกระโปรงและค่อยๆ เดินตามหลังไปอย่างช้าๆ  
 
 
“พี่จิ้งเจ๋อ นี่พี่จะรีบไปไหนกันคะ พี่…” เธอร้องเรียก เมื่อเดินเลี้ยวมาตามหัวมุมเธอก็ได้เห็นว่าชายหนุ่มกลับไปยืนอยู่ข้างหลินเช่อเรียบร้อยแล้ว  
 
 
น้ำเสียงของลู่ชูเซี่ยขาดหายไป เมื่อได้เห็นหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างกัน  
 
 
ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีดำ ในขณะที่หลินเช่อสวมชุดแดง เมื่อยืนข้างกันแล้ว พวกเขาดูดีมากทีเดียว โดยเฉพาะชุดสีแดงเข้มของหลินเช่อที่เข้ากันกับรองเท้าส้นสูงสีดำ ทำให้ทั้งเธอและกู้จิ้งเจ๋อดูจะเป็นบุคคลที่แต่งตัวดีได้ที่สุดของงานในคืนนี้  
 
 
ชุดสีแดงของหลินเช่อดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ และไม่ได้ดูเคร่งขรึมเป็นทางการแม้แต่น้อย ความสดใสของเธอทำให้ชุดที่สวมยิ่งดูเย้ายวนมากขึ้นไปอีก การผสมผสานกันระหว่างการออกงานพิธีและความสวยมีเสน่ห์เช่นนี้ ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งอยู่บนเคเบิ้ลคาร์สูงลิบลิ่ว ทั้งสายตาและหัวใจสั่นไหวระรัวไปพร้อมกัน  
 
 
เมื่อเทียบกันแล้ว ชุดหรูของลู่ชูเซี่ยกลับดูแล้วไม่สดใสเท่า  
 
 
ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่คิดเลยว่าชุดที่หล่อนอุตส่าห์เลือกอย่างพิถีพิถันแล้วนี้ จะชนโครมเข้ากับชุดของหลินเช่อเช่นนี้  
 
 
และยิ่งเมื่ออีกฝ่ายยืนอยู่ข้างกู้จิ้งเจ๋อ หลินเช่อก็ยิ่งดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก  
 
 
ลู่ชูเซี่ยนิ่งงัน เมื่อได้เห็นมู่หว่านฉิงที่กำลังเดินมาแต่ไกล หล่อนจึงเสหันไปทักอีกฝ่ายแทน “คุณป้าคะ”  
 
 
“โอ้ ชูเซี่ย! ฉันเกือบจำเธอไม่ได้แน่ะจ้ะ วันนี้สวยจังเลยนะ” มู่หว่านฉิงกล่าวทักทาย  
 
 
ลู่ชูเซี่ยยิ้มเขิน “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะคุณป้า”  
 
 
มู่หว่านฉิงทักทายอย่างสุภาพก่อนจะหันไปหาหลินเช่อและบุตรชาย เธอยิ้มและบอกว่า  
 
 
“จิ้งเจ๋อ ไปตักอาหารมาให้หลินเช่อหน่อยสิจ๊ะ เดี๋ยวพิธีจะเริ่มแล้ว คงอีกซักพักเลยละกว่าจะเสร็จ แม่เลยเป็นห่วงว่าจะได้กินอะไรกันหรือยัง”  
 
 
หลินเช่อรีบตอบ “ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ถ้าหนูกินเยอะไปเดี๋ยวท้องจะป่อง ใส่ชุดแล้วไม่สวยค่ะ”  
 
 
“จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน เสี่ยวเช่อ เธอน่ะใส่อะไรก็สวยทั้งนั้นแหละจ้ะ เอาละ รีบไปหาอะไรกินเข้าเถอะ เดี๋ยวพิธีเริ่มแล้วจะยุ่ง จิ้งเจ๋อ พาหลินเช่อเข้าไปข้างในเถอะไป”  
 
 
“โอเคครับ” ชายหนุ่มรับคำแล้วดึงหลินเช่อเข้าไปในห้องจัดงาน  
 
 
ลู่ชูเซี่ยไม่คิดเลยว่ามู่หว่านฉิงจะสนิทสนมใกล้ชิดกับหลินเช่อมากขนาดนี้  
 
 
หล่อนมองหลินเช่อที่เดินออกไป ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างมู่หว่านฉิงแล้วพูดว่า “คุณป้าคะ หลินเช่อนี่…หนูจำได้ว่าเขาเป็นดาราใช่มั้ยคะ”  
 
 
“ใช่แล้วละค่ะ เป็นดารา” มู่หว่านฉิงบอก “เคยได้ยินชื่อเขาเหมือนกันหรือจ๊ะ”  
 
 
ลู่ชูเซี่ยหัวเราะ “ค่ะ หนูเคยได้ยินมา แต่ไม่คิดว่าคุณป้าจะใจกว้างถึงขนาดยอมแต่งดาราเข้ามาในตระกูลกู้แบบนี้”  
 
 
เมื่อมู่หว่านฉิงได้ยิน ก็เริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ เธอหันไปทางหญิงสาวและพูดว่า “หลินเช่อเป็นคนดีมาก จิ้งเจ๋อชอบเขา แล้วพวกเราทุกคนในครอบครัวก็ชอบเขาด้วย อีกอย่าง ตอนนี้เขาเป็นคุณนายน้อยของตระกูลกู้ แล้วอีกหน่อยจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลเรา”  
 
 
ดวงตาของลู่ชูเซี่ยกระตุก  
 
 
มู่หว่านฉิงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงนะ อีกหน่อยหลินเช่อจะได้เป็น…ได้เป็นคุณนายใหญ่ของตระกูลกู้อย่างงั้นรึ”  
 
 
ฮ่า ตระกูลกู้จะยอมให้ผู้หญิงบ้านๆ แบบนั้นขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งของมู่หว่านฉิงได้ยังไงกัน  
 
 
ลู่ชูเซี่ยไม่เชื่อหรอก แต่ตอนนี้รับหลินเช่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว พวกเขาคงไม่ยอมให้คนอื่นมาดูถูกนายหญิงของพวกเขาได้แน่  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset