เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 375 อย่าคาดหวังจะให้เขาเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ล่ะ

หลินเช่อทำได้แต่เพียงปลอบประโลมเพื่อนอยู่ข้างๆ
 
 
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไป เฉินโหยวหลันก็ได้รับการทำความสะอาดร่างกายแล้ว เธอกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เมื่อเห็นหลินเช่อ เด็กสาวก็ผุดลุกขึ้นทันที
 
 
“ว้าว หลินเช่อ พี่หลินเช่อ! ตอนนี้พี่ดังแล้วนะ ฉันถ่ายรูปกับพี่ได้มั้ย”
 
 
เฉินโยวหรานขึงตาใส่น้องสาว “ยังจะมีหน้ามาถ่ายรูปอีกนะ รีบคิดดีกว่าว่าจะบอกพ่อกับแม่ว่าอะไร ฉันจะไม่ช่วยเธอปกปิดอะไรทั้งนั้น แล้วฉันก็จะเล่าทุกเรื่องที่เธอทำให้พ่อกับแม่ฟังด้วย”
 
 
เฉินโหยวหลันหันมองหลินเช่อก่อนจะหันไปมองเฉินโยวหราน ก่อนจะนิ่วหน้าและพูดว่า “พี่จ๋า ได้โปรดอย่าบอกพ่อกับแม่เลยนะ พ่อกับแม่หัวโบราณจะตาย พูดไปก็ไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้หรอก”
 
 
“ใช่ ฉันเองก็หัวโบราณเหมือนกัน ฉันก็เลยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ทำไมเธอถึงใช้เงินสามหมื่นซื้อกระเป๋าได้ลงคอ นี่เธอรวยนักหรือไง เธอเป็นแค่นักศึกษานะ พอไม่มีเงินก็เที่ยวไปขอยืมเขาไปทั่วแบบนี้เหรอ มีหัวคิดบ้างรึเปล่า ถ้าเธอซื้อกระเป๋าด้วยเงินตัวเองแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นี่เธอไปเที่ยวยืมเงินพวกนอกระบบมาซื้อกระเป๋า…นี่เธอเอาอะไรคิด! เธอเพิ่งสิบเจ็ดเองนะ! แล้วนี่อะไรถึงเที่ยวไป…นอนกับผู้ชายไปทั่วแบบนี้”
 
 
เฉินโหยวหลันมองพี่สาว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหมดความอดทนว่า “พี่ นี่มันยุคไหนแล้ว ใครจะสนใจเรื่องแบบนี้กันเล่า เพื่อนร่วมชั้นฉันหลายคนมีแฟนกันเป็นโหลๆ แล้วแฟนของพวกนั้นก็ซื้อกระเป๋าให้เต็มไปหมดเลยด้วย ฉันไม่ได้โชคดีอย่างพี่นี่ถึงจะได้รู้จักคนอย่างเฉินอวี่เฉิง แล้วฉันก็ไม่ได้โชคดีอย่างพี่หลินเช่อด้วยถึงจะได้กลายเป็นดาราดัง ฉันก็เลยทำได้แค่ยืมเงินพวกกู้นอกระบบมาซื้อกระเป๋าเอง ก็จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันบอกทุกคนไปแล้วว่าพี่สาวฉันเป็นเพื่อนกับเฉินอวี่เฉิงแล้วก็พี่หลินเช่อน่ะ พวกพี่ๆ น่ะมีเงินถุงเงินถังกัน แต่ฉันยังต้องใช้กระเป๋ายี่ห้อห่วยๆ อยู่เลย แบบนี้มันไม่ยุติธรรมซักนิด”
 
 
“นี่เธอ…”
 
 
เฉินโยวหรานเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาอีกรอบ
 
 
แต่ผู้เป็นน้องสาวไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจอะไร หล่อนหันมองหลินเช่อด้วยความอิจฉา “พี่เช่อ ตอนเด็กๆ พี่น่ะเคยมาเล่นที่บ้านที่บ้านเราเป็นประจำ ใครจะไปคิดเนอะว่าตอนนี้พี่จะกลายเป็นดาราดังไปแล้ว แถมยังมีข่าวลือกับกู้จิ้ิ้งอวี่อีกต่างหาก โอ้ พระเจ้า ฉันละช้อบชอบกู้จิ้ิ้งอวี่มากๆ เลยละ แล้วฉันก็ชอบพี่ด้วยนะ พี่เช่อ พี่ช่วยหาทางให้ฉันได้เข้าไปรับบทเล็กๆ ในละครของพี่ให้หน่อยได้รึเปล่า ฉันอยากเป็นนักแสดงน่ะ”
 
 
“เงียบไปเลย เฉินโหยวหลัน หยุดฝันเฟื่องแล้วก็คิดถึงเรื่องที่จะกลับบ้านพรุ่งนี้ได้แล้ว เธอจะไปหาเงินที่ไหนมาใช้เขาตั้งแสนห้า!”
 
 
“อะไรนะ นี่ฉันยังจะต้องใช้เงินนั่นอีกเหรอ” เด็กสาวพูดเศร้าๆ “พวกเขารวยจะตายไปทำไมยังจะอยากได้คืนอีกล่ะ เงินแค่แสนห้าเท่านั้น สำหรับพวกเขาแล้วมันขี้ปะติ๋วจะตาย นี่เพื่อนพี่ไม่มีเงินแสนห้าหรือไงกัน”
 
 
“เราเป็นเพื่อนกันและพวกเขาก็มีเงินมากกว่าเรา แต่นั่นเป็นเงินของพวกเขา ฉันจะไม่ยอมรับเงินจากพวกเขาเพียงเพราะว่าพวกเขามีเงินมากกว่าฉันเป็นอันขาด เธอเองก็เหมือนกัน อย่ามาคิดอะไรชุ่ยๆ แบบนี้!”
 
 
ตอนนั้นเองที่เฉินอวี่เฉิงเดินเข้ามาจาข้างหลัง และมองดูเฉินโยวหราน “เอาละ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ มันมีชั่วโมงเยี่ยมอยู่ เราควรจะปล่อยให้เธอได้พักซะก่อน”
 
 
หลินเช่อรับคำ “ใช่ค่ะ ไปกันเถอะ”
 
 
เฉินโหยวหลันยังคงมองหน้าหลินเช่อ และเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินโยวหรานขึงตาใส่เสียก่อน
 
 
เด็กสาวมองทุกคนเดินออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อไป แถมยังแอบถ่ายรูปหลินเช่อเอาไว้และเอาไปโพสต์ในเว่ยป๋อของตัวเองเพื่อโอ้อวดอีกต่างหาก โดยเขียนลงไปว่า เธอได้เจอหลินเช่อ และหลินเช่อกับเธอก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ
 
 
ใครต่อใครพากันเข้ามาล้อเลียนว่า “ไหนเธอบอกว่าพี่สาวเธอเป็นเพื่อนกับหลินเช่อไม่ใช่เหรอ แถมเธอยังบอกด้วยว่าเธอสนิทกับเฉินอวี่เฉิง แต่พวกเราไม่เคยเห็นเธอออกไปไหนมาไหนกับพวกเขาเลย”
 
 
เฉินโหยวหลันร้อนเป็นไฟอยู่ในอก น่าเสียดายที่เธอไม่โชคดีเหมือนพี่สาว ถึงจะได้รู้จักคนที่จะกลายมาเป็นดาราดังในอนาคตบ้าง ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าวันหนึ่งหลินเช่อจะเกิดมีชื่อเสียงขึ้นมาแบบนี้
 
 
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเช่อ พี่สาวเธอจะมีโอกาสได้รู้จักคนอย่างเฉินอวี่เฉิงได้ยังไง
 
 
เมื่อหลินเช่อและคนอื่นๆ ออกมาแล้ว เฉินอวี่เฉิงก็พูดขึ้นว่า “ยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่สามารถควบคุมเขาได้ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงวัยที่ฮอร์โมนเป็นฝ่ายควบคุมความคิด สิ่งที่เธอพูดล้วนแต่เปล่าประโยชน์ทั้งนั้น เหมือนกับว่าทุกอย่างที่โหยวหลันทำจะเป็นไปตามอดรีนาลินที่หลั่งออกมา สมองของเขาจะอยู่ในภาวะที่ตื่นเต้นอยู่เสมอ ทำให้เขายอมทำเรื่องบางอย่างง่ายๆ ทั้งที่คนทั่วไปสามารถบอกได้ทันทีว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ผิด แต่ถึงยังไง การให้คำแนะนำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เธอก็จะยังเชื่อในความคิดของตัวเองและทำแบบนั้นอยู่ดี”
 
 
เฉินโยวหรานได้แต่พยักหน้า “ฉันแค่ไม่คิดว่าเขาจะกล้าซื้อของแบรนด์เนมแพงๆ หรูๆ พวกนั้นน่ะค่ะ ช่างเถอะ ฉันรู้ดีว่าน้องสาวฉันเป็นเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ต่อให้พ่อกับแม่เสียใจแค่ไหน ก็ไม่ต้องโทษใครหรอก หรือต่อให้โหยวหลันต้องเสียใจในอนาคต ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องโทษใครอีกเหมือนกัน”
 
 
ทั้งสามตัดสินใจว่าจะกินข้าวด้วยกัน
 
 
ขณะที่อยู่บนถนน กู้จิ้งเจ๋อก็โทรมาเช็ค
 
 
อันที่จริงเขาสอบถามจากคนของเขาและรู้ดีว่าเรื่องทุกอย่างจบลงอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังอยากโทรอยู่ดี
 
 
หลินเช่อรีบรับประทานอาหารและรีบตรงกลับบ้าน
 
 
เฉินโยวหรานหันมองนายแพทย์หนุ่มและพูดขึ้นว่า “สองคนนี้ดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกวัน อย่าบอกนะคะว่าพวกเขาเริ่มจะจริงจังกันแล้วน่ะ”
 
 
“ดูเหมือนว่าจะจริงจังมากๆ เลยทีเดียวละ แต่ตอนสุดท้าย ไม่ว่าความจริงจะออกมาเป็นยังไง…ใครจะรู้ล่ะ”
 
 
เฉินโยวหรานยังคงไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขาเท่าไหร่ จนกระทั่งเขาพูดแทรกขึ้นมาว่า
 
 
“เอาละ กลับไปที่ออฟฟิศกันเถอะ”
 
 
“ตกลงค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ” เธอพูดพลางมองหน้าเขา
 
 
“ถ้าเธอรู้สึกขอบคุณจริงๆ ละก็” เขาหันหน้ามา “งั้นงานแปลเอกสารทั้งหมดของวันนี้ก็เป็นหน้าที่เธอแล้วกัน”
 
 
“…”
 
 
เอาเปรียบกันชัดๆ เขาหาทางใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้แบบเต็มๆ เลย
 
 
ที่คฤหาสน์ตระกูลกู้
 
 
หลินเช่อเล่าให้กู้จิ้งเจ๋อฟังถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
 
 
ในห้องทำงาน ชายหนุ่มนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือไปพลางฟังหลินเช่อที่พูดพร่ำไม่หยุดปาก
 
 
เธอเล่าว่า “ใครจะไปคิดล่ะคะว่าเฉินอวี่เฉิงจะสนิทกันโหยวหรานขนาดนั้น”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “อันที่จริง เขาเป็นคนบุคลิกแปลกๆ ไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าไปใกล้ชิดได้ง่ายๆ เลย”
 
 
“จริงหรือคะ ฉันนึกว่าเขาเป็นคนดีใช้ได้ซะอีก” ทุกครั้งที่หลินเช่อพบเขา นายแพทย์หนุ่มมักจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจได้เสมอ
 
 
กู้จิ้งเจ๋อบอก “เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาระดับโลก แล้วก็ยังเชี่ยวชาญด้านการป่วยทางจิตอีกด้วย งานวิจัยของเขากลายเป็นต้นแบบของวิธีการรักษามืออาชีพ ตอนที่ฉันเล่าให้เขาฟังเรื่องอาการป่วยที่ไม่เหมือนใครของฉัน ฉันบอกเขาว่ามันเป็นทั้งอาการทางจิตและอาการทางร่างกาย เป็นโรคที่ท้าทายและมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างยิ่ง เพราะแบบนี้แหละเขาถึงได้ยอมรับรักษา เขาไม่ได้สนใจเรื่องค่าจ้างหรอก”
 
 
“เข้าใจละค่ะ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนเข้าถึงได้ง่ายๆ เสียอีก” หลินเช่อพูดด้วยความประหลาดใจ
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอและพูดว่า “เขาไม่ใช่คนไม่ดี แล้วก็ถ้าเธอได้ใกล้ชิดเขาจริงๆ แล้วละก็ เขาจะดูแลเธอเป็นอย่างดี เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าไปสนิทสนมกับเขาก็เท่านั้น เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงได้แปลกใจที่ตอนนี้เขามาสนิทกับเพื่อนเธอ”
 
 
“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาทำงานด้วยกัน ฉันก็เลยคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดา”
 
 
“งั้นรึ ในฐานะผู้ช่วยของเขาน่ะหรือ”
 
 
“ใช่ค่ะ”
 
 
“โอ้ ถ้างั้นก็ยิ่งน่าประหลาดใจหนักขึ้นไปอีก” กู้จิ้งเจ๋อว่า

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset