เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 376 พบเพื่อนเก่าที่ปารีส

หลินเช่อถาม “ทำไมล่ะคะ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ก็เพราะว่าที่ผ่านมา ผู้ช่วยคนแรกของเขาเองก็เป็นผู้หญิงที่ดีเหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนั่นแหละ แต่ในครั้งหนึ่งที่พวกเขาเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน เธอเกิดเสียชีวิตจากเหตุรถยนต์ระเบิด”  
 
 
“อะไรนะคะ”  
 
 
หลินเช่อถามอย่างแปลกใจ “นี่งานของเขามีเรื่องอันตรายแบบนี้ด้วยเหรอ”  
 
 
“เรื่องมันนานมาแล้วน่ะ ย้อนกลับไปตอนนั้น การรักษาความปลอดภัยของเรายังทำได้ไม่ดีนัก หลังจากถูกจู่โจมหลายครั้งเข้า เราก็เลยค่อยๆ สร้างระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เคยมีผู้ช่วยอีกเลยนับจากนั้น”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อไป “ฉันถึงแปลกใจมากที่เขายอมรับคนอื่นเข้ามาเป็นผู้ช่วย บางทีนี่อาจจะเป็นพัฒนาการไปในทางที่ดีก็ได้นะ”  
 
 
“ใช่ค่ะ อีกอย่างโหยวหรานเองก็เป็นคนฉลาดมาก เธอเรียนรู้ได้เร็วกว่าฉันซะอีก เธอไปต่างประเทศเพื่อเรียนด้านกำกับการแสดง เธอเรียนการแปลที่นี่ แล้วก็ยังมีปริญญาด้านเคมีอีกสองใบด้วย เรียกว่าเป็นเด็กหัวกะทิเลยเชียวแหละ แค่อ่อนประสบการณ์ไปหน่อยเท่านั้น”  
 
 
หลินเช่ออดรู้สึกไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉินอวี่เฉิงกับเฉินโยวหรานนั้นน่าจะมีโอกาสพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นได้  
 
 
วันต่อมา  
 
 
หลินเช่อบอกกู้จิ้งอวี่ว่าเธอเตรียมตัวที่จะไปงานแฟชั่นวีคพร้อมเขา  
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่พูดว่า “แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”  
 
 
ไม่ช้า ทีมงานทุกคนก็เริ่มขยับเวลาการทำงานออกไป ถึงแม้ว่าทุกคนจะยุ่งวุ่นวายและทำงานกันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่งานปารีส แฟชั่น วีคก็เป็นการเดินทางครั้งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเข้าใจเป็นอย่างดี  
 
 
ซ่งซูไห่ไม่ได้ไปด้วยในครั้งนี้ เธอเคยไปร่วมงานมาแล้วสองสามครั้งในฐานะแบรนด์ แอมบาสเดอร์ แต่คราวนี้เธอรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะออกงาน ด้วยเหตุนี้จึงขออยู่ถ่ายทำฉากในส่วนของเธอกับทีมงานต่อข้างหลัง  
 
 
หลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่เดินทางไปยังปารีส  
 
 
พวกเขานั่งด้วยกันที่ด้านหน้าบนเครื่องบิน แอร์โอสเตสมองเห็นพวกเขาแล้ว เมื่อเดินเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่ม หล่อนจึงเอาแต่จ้องมองทั้งคู่ไม่วางตา  
 
 
เมื่อมองดูกู้จิ้ิ้งอวี่ แอร์สาวได้เพียงแต่ยิ้มโดยไม่กล้าพูดอะไร  
 
 
หลินเช่อเห็นเข้าจึงถามว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณอยากถ่ายรูปกับกู้จิ้ิ้งอวี่หรือเปล่า”  
 
 
เมื่อแอร์สาวได้ยินเข้าก็ประหลาดใจอย่างที่สุด เธอรีบถามทันที “ฉันถ่ายได้หรือคะ”  
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่นิ่วหน้า  
 
 
แอร์โฮสเตสจึงมีท่าทีหวั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง  
 
 
แต่หลินเช่อจัดแจงร้องเรียกให้ทันที “มาสิคะ กู้จิ้ิ้งอวี่ แค่ถ่ายรูปเท่านั้นเอง มาถ่ายด้วยกันหน่อยเร้ว”  
 
 
แอร์โฮสเตสรีบควักโทรศัพท์ออกมา แล้วเดินเข้าไปยืนด้านหลังทั้งคู่  
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ยินยอมโดยดี  
 
 
แอร์โฮสเตสสาวดีใจแบบสุดๆ หันมาบอกหลินเช่อว่า “ขอบคุณนะคะ! ทุกคนบอกว่าคุณเป็นกันเองมาก แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วย คุณใจดีมากเลยละค่ะ”  
 
 
หลินเช่อจึงหันไปมองกู้จิ้ิ้งอวี่อีกครั้ง “คุณจิ้งอวี่เองก็ใจดีเหมือนกันค่ะ”  
 
 
แอร์สาวหัวเราะแหะๆ และรีบล่าถอยไปก่อนที่กู้จิ้ิ้งอวี่จะมองเธอด้วยสายตาบึ้งตึง  
 
 
ไม่ช้าเครื่องบินก็เทคออฟ โทรศัพท์ทั้งหมดจะต้องถูกปิด หลินเช่อหันไปถามชายหนุ่มว่า  
 
 
“ทำไมหรือคะ มันก็แค่รูปถ่ายไม่ใช่เหรอ”  
 
 
“เธอนี่น่ารำคาญจริง”  
 
 
“คุณนั่นแหละค่ะที่ทำตัวน่ารำคาญ คุณจะปฏิเสธแอร์สวยๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน”  
 
 
“ได้สิ!”  
 
 
ทั้งสองพูดคุยกันไปตลอดทาง บรรดาพนักงานผู้ให้บริการต่างก็พากันมองดูและแอบซุบซิบถึงพวกเขา ว่าทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก  
 
 
หลังลงจากเครื่องบิน แอร์โฮสเตสผู้นั้นก็โพสต์ลงในเว่ยป๋อของเธอว่า เธอได้เจอหลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่ที่กำลังจะไปงานแฟชั่นวีคบนเครื่องบิน หลินเช่อเป็นคนน่ารักมาก และเป็นคนถามเธอว่าอยากถ่ายรูปหรือเปล่า ส่วนกู้จิ้ิ้งอวี่พยายามที่จะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่กลับถูกหลินเช่อลากตัวมาถ่ายรูป เขาเอาแต่ทำตาเขียวใส่หลินเช่อ แต่หลินเช่อก็ทำเป็นไม่เห็น  
 
 
เมื่อทุกคนนึกภาพนี้ในหัว พวกเขาก็อยากจะหัวเราะออกมา การถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ในโลกออนไลน์จึงพากันพูดถึงว่า กู้จิ้ิ้งอวี่และหลินเช่อนั้นนับเป็นสองคนที่มีบุคลิกตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง  
 
 
ถ้าพวกเขายังจะสามารถร่วมงานกันต่อได้  
 
 
บางคนสังเกตเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะเดินทางไปร่วมงานแฟชั่น วีค และเริ่มรวบรวมรายชื่อคนที่จะไปร่วมงานในปีนี้  
 
 
จึงทำให้แม้ว่าทั้งคู่เพิ่งจะออกเดินทางไปปารีส แต่คนในประเทศก็เริ่มให้ความสนใจกันแล้ว  
 
 
อวี๋หมินหมิ่นเห็นข่าวแล้วก็คิดว่ามันออกจะน่าเบื่อ แต่ถึงอย่างนั้น อัตราการเสิร์ชหาคำว่าปารีส แฟชั่น วีคก็นับว่าสูงอยู่ ระดับความสนใจในงานแฟชั่น วีคนี้นับว่าน่าทึ่งมากทีเดียว  
 
 
หลินเช่อและกู้จิ้ิ้งอวี่ไปถึงปารีสตอนเช้า เขารีบเช็คอินเข้าโรงแรมและออกไปพบปะผู้คนทันที ส่วนหลินเช่อได้แต่รื้อกระเป๋าอยู่ในห้องพัก เธอได้ยินว่าอวี๋หมินหมิ่นกับหยางหลิงซินจะออกไปเดินเล่นกัน แม้ว่าเมื่อคืนก่อนหน้าจะไม่ได้นอนกันนัก แต่ทั้งคู่ก็ตื่นเต้นมากที่ได้เดินทางมาไกลจากบ้านขนาดนี้เป็นครั้งแรก  
 
 
ผู้หญิงทั้งสามช่วยกันรื้อกระเป๋าและออกจากห้องไป สิ่งดีอย่างหนึ่งในการมาต่างประเทศก็คือ หลินเช่อไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนตามท้องถนนจำเธอได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็รู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาทันที  
 
 
“เราอยู่ต่างประเทศกันแล้วนะคะ พี่เช่อ ฉันรู้สึกอย่างกับฝันไปแน่ะ”  
 
 
อวี๋หมินหมิ่นบอกว่า “เดี๋ยวถ้าเธอได้เห็นพวกคนผมบลอนด์ตาสีฟ้าด้วยละก็ เธอจะไม่รู้สึกว่าตัวเองฝันอีกต่อไป มาเถอะ ไปเดินชมเมืองกันดีกว่า”  
 
 
“โอเคค่ะ ฉันอยากไปหอไอเฟลน่ะ” หยางหลิงซินบอก  
 
 
หลินเช่อหัวเราะ อันที่จริงเธอเองก็ไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน ทำให้เธอก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ทั้งคู่ ทว่าทันใดนั้นเอง…  
 
 
“หลินเช่อ”  
 
 
เสียงที่ไม่คาดคิดดังขึ้นมาจากด้านหลัง  
 
 
หลินเช่อคิดว่าเธอหูฝาดไป แต่เมื่อหันไป ก็ได้เห็นฉินชิงกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ  
 
 
หลินเช่อกะพริบตา คิดว่านั่นคือภาพหลอน  
 
 
“ฉินชิง ทำไมคุณถึงมาอยู่…ที่นี่”  
 
 
ฉินชิงมีลูกน้องของเขาตามมาด้วยอีกสองสามคน เขาหันไปพูดบางอย่างกับคนพวกนั้น ก่อนจะรีบเดินเข้ามาหาเธอ  
 
 
เขาเองก็แปลกใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็เป็นความแปลกใจที่น่ายินดี “หลินเช่อ นี่เธอพักที่โรงแรมนี้เหรอ”  
 
 
“ใช่จ้ะ”  
 
 
“ฉันมาที่นี่เรื่องงานน่ะ ฉันเองก็พักที่นี่เหมือนกัน”  
 
 
“บังเอิญจังเลย! เธอทำงานที่ปารีสเหรอจ๊ะ”  
 
 
“ใช่ สินค้าแบรนด์หนึ่งของครอบครัวฉันจะมาเปิดตัวในงานแฟชั่น วีคน่ะ ฉันก็เลยต้องมาร่วมงานด้วย”  
 
 
“อา ฉันเองก็มาร่วมงานแฟชั่น วีคเหมือนกัน แต่ก็แค่ร่วมเดินพรมแดงน่ะนะ” หลินเช่อพูดพร้อมรอยยิ้ม  
 
 
ฉินชิงมองดูหญิงสาวราวกับจะพินิจพิเคราะห์ทุกตารางนิ้วของร่างกายเธอ  
 
 
เพียงครู่เดียว เขาก็รู้สึกได้ว่าหยางหลิงซินและอวี๋หมินหมิ่นกำลังมองดูเขาอยู่ ชายหนุ่มจึงรีบเบือนสายตาและยิ้มกับหลินเช่อ “เธอมาที่นี่กับทางบริษัทเหรอ”  
 
 
“ใช่จ้ะ”  
 
 
“นี่บังเอิญมากเลยนะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินด้วยกันหน่อยมั้ย” ฉินชิงถาม  
 
 
“อืม คือว่า…” หลินเช่ออยากจะบอกว่าเธอกำลังจะออกไปเดินเล่น แต่แล้วเสียงของกู้จิ้ิ้งอวี่ก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง  
 
 
“หลินเช่อ นี่เธอมาออกมาทำอะไรที่นี่ รอฉันอยู่เหรอ”  
 
 
หลินเช่อหน้าบึ้งทันควัน หันมาหาเขา “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”  
 
 
ฉินชิงมองเห็นกู้จิ้ิ้งอวี่ แล้วก็พลันหน้าเปลี่ยนสีทันที  
 
 
นี่หลินเช่อมาที่นี่กับกู้จิ้ิ้งอวี่หรือนี่  
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่ตอบว่า “ฉันก็กลับมาเอาของแล้วก็กินข้าวน่ะสิ พวกเธอกินกันหรือยังล่ะ ถ้ายังก็ไปกินด้วยกันเถอะ”  
 
 
“อืม โอเคค่ะ” หลินเช่อไม่อยากไปกินอาหารกับฉินชิง เธอจึงรีบหันมาบอกกู้จิ้ิ้งอวี่ และหันไปหาฉินชิงอย่างจะขอโทษ “ฉันไปกินข้าวก่อนนะคะ”  
 
 
“โอเค กลับมาแล้วโทรหาฉันนะ ฉันอยู่ห้อง 8021 โทรหาฉันที่ห้องก็ได้”  
 
 
“โอเคจ้ะ”  
 
 
ฉินชิงมองดูคนทั้งกลุ่มเดินห่างออกไป และจำได้ว่าเขาเคยเตือนเธอไม่ให้เข้าไปใกล้ชิดตระกูลกู้  
 
 
แต่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ คนที่อยู่รอบตัวเธอจะมีแต่คนตระกูลกู้ทั้งนั้น…  
 
 
หยางหลิงซินเดินอ้อมมาด้านข้าง และรีบเดินขึ้นมาขนาบกับหลินเช่อ เพื่อถามว่า “คนเมื่อกี้ใครกันน่ะคะ พี่เช่อ”  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset