หลินเช่อคว้าแขนเขาเอาไว้ “พอแล้ว ซือถู”
ซือถูส่งเสียงไม่พอใจ กวาดตามองไปรอบๆ “ทำไม ยังมีใครที่จะทำให้หลินเช่ออยู่ต่อไปไม่ได้หรือเปล่า”
ฉินหวานหว่านดวงตาไหววูบ รีบบอก “พี่หลินพูดไม่ค่อยเป็น ความจริงฉันกับหลินเช่อเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นเลยค่ะ…”
ซือถูฉยงตวัดสายตาไปมองฉินหวานหว่าน พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “คุณเหรอ เพื่อนสนิทของหลินเช่อ เพื่อนสนิทของหลินเช่อมีขยะแบบคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณอยากเป็นเพื่อนสนิทของหลินเช่อ ดูตัวเองบ้านหรือเปล่าว่ามีคุณสมบัติเพียงพอไหม”
ใบหน้าฉินหวานหว่านเข้มขึ้น
ซือถูฉยงพูดตรงไปหรือเปล่า ไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด แถมยังต่อว่าอย่างชัดเจนอีกด้วย
พี่หลินเห็นว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าคนใหม่ ไม่ยอมขายหน้า เอ่ยขึ้นมา “คุณเป็นหมามาจากไหนกัน คุณรู้หรือเปล่าว่าคนตรงหน้าคุณเป็นใคร นี่ฉินหวานหว่าน เป็นคนที่พวกตาบอดแบบคุณไขว่คว้าไม่ได้ไงล่ะ”
ซือถูฉยงท่าทางอวดดี มองฉินหวานหว่าน “ใช่ ผมไม่รู้ว่าคนตรงหน้าผมเป็นใคร เพราะว่า ผมไม่จำเป็นต้องรู้จัก คนที่ไม่มีค่าพอให้รู้จัก”
หลายคนมองผู้ชายตรงหน้า พูดอะไรไม่ออกจริงๆ
ซือถูฉยงหันมาหาหลินเช่อ “เราไปกันเถอะ หลินเช่อ”
หลินเช่อมองคนเหล่านั้น แอบขำอยู่ในใจ โดยเฉพาะพี่หลินที่ยืนเบิกตากว้างพูดอะไรไม่ออก รู้สึกสนุกขึ้นมา
ซือถูฉยงเดินนำอยู่ด้านหน้า หลินเช่อเดินหัวเราะตามอยู่ด้านหลัง
พี่หลินกัดฟันด้วยความโกรธ “อะไรกัน เราอยากรู้จักคุณตายแหละ”
จากนั้นเด็กใหม่จึงเอ่ยขึ้น “อ้อ ฉันรู้แล้ว นั่นซือถูฉยง วันนั้นเห็นมารับหลินเช่อที่หน้าบริษัทไง”
ซือถูฉยงงั้นเหรอ
พี่หลินและฉินหวานหว่านอึ้ง
เด็กใหม่ซุบซิบกัน มองพี่หลินและฉินหวานหว่าน รู้สึกขำขึ้นมา
ใช่ ในสายตาของซือถูฉยง ฉินหวานหว่านจะมีค่าอะไรล่ะ
คำพูดของซือถูฉยง บ้ามากเลยล่ะ เขาบอกไม่รู้จักฉินหวานหว่าน ฉินหวานหว่านไม่มีค่าพอให้รู้จัก บอกว่าฉินหวานหว่านเทียบหลินเช่อไม่ได้
ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นมือ ที่ตบลงบนใบหน้าฉินหวานหว่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉินหวานหว่านมองเด็กใหม่ที่กำลังหัวเราะเยาะตนเอง เธอโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว
รีบหาข้ออ้าง พาพี่หลินเดินหนีไป
——
หลินเช่อมองซือถูฉยง หัวเราะขำมองกลับเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงหันมาพูดกับซือถูฉยง “ท่าทางของคุณเมื่อสักครู่ อวดดีเป็นบ้า”
ซือถูฉยงบอก “ทำไม ผมพูดผิดตรงไหน ก็คุณเป็นถึงสตรีหมายเลขหนึ่งเลยนะ”
“นี่ อย่าพูดถึงมันอีกเลยสตรีหมายเลขหนึ่งเนี่ย มันก็แค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น”
“ล้อเล่นอะไร สตรีหมายเลขหนึ่งก็คือสตรีหมายเลขหนึ่ง”
“นั่นมันไม่เหมือนกันซะหน่อย ฉันอยู่ที่นี่ก็ยังอยากแสดงละครให้มันดี จริงสิ คุณมาทำไมคะ” หลินเช่อพูดกับซือถูฉยง
ซือถูฉยงลากเธอออกไป “มีเวลาก็ไปฟันดาบด้วยกันบ้างสิ”
หลินเช่อมองซือถูฉยง นึกถึงคำพูดของพ่อบ้านเฉิน เธออดถามไม่ได้ “ทำไมอยู่ๆ คุณถึงอยากฟันดาบขึ้นมาล่ะคะ”
ซือถูฉยงถาม “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”
“พ่อบ้านเฉินบอกว่า เมื่อก่อน คุณไม่แตะต้องดาบอีกแล้ว”
ใบหน้าของซือถูฉยงอ่อนล้าลง มองหลินเช่อ หันออกไปมองด้านนอก “ถ้าผมบอกว่า คุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมล่ะ ทำให้ผมเห็นว่า การตั้งใจทำอะไรสักอย่าง มันคุ้มค่ามากแค่ไหน ดังนั้น ผมคิดว่า ตัวเองเสียเวลามามากพอแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไร ผมก็แค่พยายามทำมันให้เต็มที่ ยังไงก็ต้องได้รับผลตอบแทน นักกีฬาก็แบบนี้ อย่างเช่นการฟันดาบ ธุรกิจที่บ้านก็เช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถฟันดาบได้อีก ผมก็ยังสามารถนำความคิดของการฟันดาบไปใช้กับอย่างอื่นได้”
เขาบอก “กีฬาฟันดาบเป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับผู้ชาย แพ้ชนะเป็นที่ตั้ง ขึ้นอยู่กับทักษะการต่อสู้ เพื่อวัดชัยชนะ ในเรื่องธุรกิจก็เหมือนกัน ผมสามารถทำแบบนั้นได้”
หลินเช่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็คิดอะไรไปเยอะเหมือนกัน
เพียงแต่ เธอหันกลับไปมองซือถูฉยง “ฉันไปเตือนคุณอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่คุณสามารถลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ ฉันก็ดีใจกับคุณด้วย”
ซือถูฉยงมองหลินเช่อ จ้องเธออยู่ย่างนั้น เขาขยับเข้าใกล้เธอหนึ่งก้าว
เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่ว่า ระยะห่างนั้นเหลือเพียงน้อยนิด
หลินเช่อตกใจ มองเขาที่กำลังมองมาที่ตนเอง ไม่รู้จะพูดอะไร
และในตอนนั้นเอง
รถคันหนึ่งก็ถูกขับเข้ามาตามถนนอย่างรวดเร็ว
เสียงดังกระหึ่ม ทำให้ผู้คนต่างหันกลับไปมอง
หลินเช่อหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ มองเห็นรถสีดำคันนั้น คล้ายกับเงาพุ่งเข้ามา วาดเส้นสวยงาม หยุดลงตรงหน้าพวกเขาสองคน
หลินเช่อรู้สึกว่ารถคันนี้นั้นคุ้นตา
ไม่นาน จึงนึกขึ้นมาได้ นี่มันรถกู้จิ้งเจ๋อไม่ใช่เหรอ
หนึ่งในรถคันหรูของกู้จิ้งเจ๋อ
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ประตูรถถูกเปิดออก กู้จิ้งเจ๋อเดินลงมา ร่างสูงก้าวลงมาเชื่องช้า ปิดประตูรถด้วยท่าทางดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ
หลินเช่อแปลกใจ ทำไมจู่ๆ เขาถึงโผล่มาที่นี่ได้
“กู้จิ้งเจ๋อคุณ…”
กู้จิ้งเจ๋อทำเพียงจ้องเขม็งไปที่หลินเช่อ
จากนั้นหันไปมองซือถูฉยง
สิ่งที่ทำให้หลินเช่อประหลาดใจก็คือ ทั้งสองราวกับรู้จักกันมาก่อน
ก่อนหน้านี้พวกเขาบอกว่าไม่รู้จักกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ
ส่วนสูงของทั้งคู่ไม่ต่างกันมาก กู้จิ้งเจ๋อดูแข็งแรงกว่า ซือถูฉยงดูตัวเล็กกว่าเล็กน้อย คงจะเพราะอยู่บ้านนานเกินไป ดังนั้นจึงดูเป็นคุณชาย แต่เมื่อกู้จิ้งเจ๋อนิ่งเงียบขึ้นมา เขาดูน่ากลัวมาก ทั้งสองจ้องตากันอยู่แบบนั้น ทำให้หลินเช่อว้าวุ่นใจ
พวกเขาจะทำอะไร จะต่อยกันหรืออย่างไร
จากนั้น เป็นกู้จิ้งเจ๋อที่เอ่ยขึ้นก่อน “ได้ยินว่าคุณเป็นมือหนึ่งในเรื่องฟันดาบ”
“ใช่ครับ” ซือถูฉยงบอก สายตาจ้องเขม็ง ทำให้หลินเช่อที่อยู่ข้างๆ เครียดขึ้นมา
กู้จิ้งเจ๋อบอก “บังเอิญจังเลยครับผมก็เคยเรียนมาบ้างเหมือนกัน”
“งั้นเหรอครับ คุณชายรองกู้มีความสามารถมากจริง น่านับถือจริงๆ”
“ลองแข่งกันหน่อยไหมครับ”
ไม่ใช่มั้ง พวกเขาจะทำอะไร…
หลินเช่อรีบบอก “แข่งอะไร อย่าทำแบบนี้สิ พวกคุณจะแข่งอะไรกัน”
แต่ว่า ทั้งสองต่างก็ไม่มีใครสนใจคำพูดของหลินเช่อ
ยังคงจ้องตากันอยู่แบบนั้น
ซือถูฉยงบอก “ได้สิครับ มาแข่งกันหน่อย แต่ว่า จะแข่งยังไงดีล่ะ”
“ที่นั่นคือมหาวิทยาลัยคิว ข้ามไปฝั่งนั้นก็แข่งกันได้แล้ว”
“เอาสิ ผมแค่กังวล มหาลัยคิวคนเยอะ คุณชายกู้ไปที่นั่น ถ้าแพ้แล้ว คงจะไม่ดีนะครับ”
กู้จิ้งเจ๋อเย้ยหยัน “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ กลัวว่าถ้าคุณแพ้ ทั้งชื่อเสียงและรางวัลต่างๆ ที่คุณได้มามันจะไร้ประโยชน์น่ะสิครับ”
“นั่นมันก็แค่ของนอกกาย ผมไม่สนใจหรอกครับ”
“งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ เชิญครับ”
ไม่นะ จะแข่งกันจริงๆ เหรอ…
หลินเช่อมองใบหน้าจริงจังของทั้งคู่ ยิ่งกระวนกระวายเข้าไปใหญ่