ถ้าเป็นหลินเช่อที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ คงจะได้ตบไปสักฉาด
หลินเช่อบอก “คุณนี่ก็ช่างทำร้ายจิตใจคนเหลือเกิน ฉันเห็นหัวใจเธอแตกสลายไปหมดแล้ว”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “เธอก็หัดเรียนรู้ไว้หน่อย นี่เรียกว่าทักษะการปฏิเสธ”
“ไม่ไม่ไม่ คนที่นี่ถ้าไม่ใช่คนใหญ่คนโตก็คนร่ำคนรวยทั้งนั้น ฉันไม่กล้าไปล่วงเกินหรอกค่ะ”
“ผู้หญิงของตระกูลกู้ ยังกล้าไปล่วงเกินใครอีกเหรอ”
“…”
หลินเช่อบอก “แต่ฉันคิดว่าผู้หญิงพวกนี้สงบเสงี่ยมเกินไป ถึงได้โกรธแล้ววิ่งหนีไปแบบนั้น ถ้าเป็นฉันนะ คุณมาพูดกับฉันแบบนี้ ฉันไม่วิ่งหนีไปแบบนั้นแน่ ความแค้นในใจฉันไม่ธรรมดาเลยนะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ “อ้อ งั้นเธอจะทำยังไง”
หลินเช่อหัวเราะ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ “คุณรังเกียจว่ามือฉันสกปรกไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะเอามือยัดปากคุณเลยน่ะสิ ดูสิว่ายังคิดว่ามันสกปรกอยู่ไหม”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อคิดว่า เรื่องนี้หลินเช่อกล้าทำจริงแน่ๆ
เพียงแต่…
กู้จิ้งเจ๋อมองนิ้วมือที่ขยับไปมาของหลินเช่อ เขายิ้ม แล้วงับเข้าไปที่นิ้วของเธอ
หลินเช่อชะงัก
ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้าง
ท่าทางแบบนี้ของกู้จิ้งเจ๋อนั้นล่อแหลม
หลินเช่อหน้าแดงขึ้น นี่มันบนถนนนะ เธอไม่อยากให้คนอื่นเห็น
หลินเช่อรีบชักมือกลับมา
แสดงท่าทางไม่พอใจกู้จิ้งเจ๋ออย่างน่ารัก “คุณมันร้ายกาจ”
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะ “เธอบอกเองว่าจะยัดปากฉันเอง ยังมาว่าฉันร้ายอีกเหรอ”
หลินเช่อรู้ว่าตัวเองเอาชนะเขาไม่ได้ จึงส่งเสียงไม่พอใจ “ไม่สนคุณแล้ว”
เมื่อมาถึงสนามบัลเลต์ที่เตรียมเอาไว้
ใครจะรู้ว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไป จะมีคนปรบมือให้หลินเช่อมากมายขนาดนี้
“หลินเช่อ ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“คุณหลิน เมื่อวานผมดูละครที่คุณเล่น สนุกมากเลย การแสดงของคุณยอดเยี่ยมมาก ผมถึงขั้นร้องไห้เลย”
“คุณหลิน นี่เป็นบัตรพรีเมี่ยมของทางห้างบ้านผม คุณใช้ได้ตลอดเลย ถือว่าเป็นของของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากผม คุณดู…”
หลินเช่อคิดในใจ ผ่านไปแค่หนึ่งวันเอง ลมเปลี่ยนทิศเร็วเกินไปหรือเปล่า
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อเดินเข้าไปนั่งด้านในแล้ว กำลังจ้องเขม็งมาที่ตนเอง เธอไม่กล้าพูดอะไรมาก กล่าวขอบคุณแล้วปฏิเสธไป บอกว่าตัวเองไม่เดินห้าง จากนั้นเดินเข้าไปนั่งข้างๆ กู้จิ้งเจ๋ออย่างเอาใจ เงยหน้าขึ้นบอก “สังคมสตรีก็มีแฟนคลับเยอะเหมือนกันนะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเธอ ใบหน้าเขาจึงคลายลง มองหลินเช่อ “แน่นอน ไม่งั้นเธอคิดว่าคุณหนูเหล่านี้ ทำไมถึงต้องมาออกงานสังคม แน่นอนว่าเพราะเส้นสายแบบนี้ มีประโยชน์มาก คนพวกนี้จะซื่อสัตย์กับเธอจนเธอต้องแปลกใจเลยล่ะ”
“อ๋อ…” หลินเช่อหดคอ หลินเช่อรู้สึกว่าตัวเองโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ และแปลกใจเล็กน้อย
เพราะครั้งนี้ เธอโด่งดังในกลุ่มคนรวยเลยนะ
ยามที่ลู่ชูเซี่ยมาถึง มองเห็นว่าเหล่าชายหนุ่มที่เคยหลงใหลเธออย่างบ้างคลั่ง ตอนนี้แทบไม่สนใจตัวเอง ก็รู้สึกโกรธอยู่ในใจ
ยัยหลินเช่อคนนี้ เธอไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้รับความสนใจขนาดนี้
ลู่ชูเซี่ยหันไปมองหลินเช่อที่นั่งอยู่ด้านนอกอย่างมุ่งร้าย
เธอส่งเสียงหยัน จากนั้นหันกลับมาเตรียมชุด
ไม่คิดเลยว่า เมื่อวานจะยอมให้หลินเช่อชนะตัวเอง
มันเป็นความผิดพลาดของเธอ คิดว่าเวลาเพียงหนึ่งเดือนหลินเช่อจะไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้มากมายขนาดนั้น ทว่าไม่คิดว่า เธอไม่เพียงเรียนได้ แต่ยังเรียนได้ไม่ธรรมดาเลย
ดูเหมือนว่า ซือถูฉยงคนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงคำร่ำลือสินะ เขามีความสามารถจริงๆ
ไม่นานลู่ชูเซี่ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เธอมองไปทางหลินเช่อแต่กลับไม่เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ไหนอีก
มองหาตั้งนานยิ่งรู้สึกแปลกใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอยืดอกเชิดหน้าแล้วเดินออกไป
ร่างในชุดสีขาวเดินออกไปปรากฏตัวในสนาม บนอัฒจันทร์พากันตกใจ จากนั้นค่อยมองเห็นว่าเป็นลู่ชูเซี่ย
ลู่ชูเซี่ยอยู่ในชุดบัลเล่ต์สีขาวไปทั้งตัว
ชุดที่เปลี่ยนมานั้นเป็นชุดบัลเล่ต์แนบเนื้อสีขาว ชุดบัลเล่ต์เองก็ไม่ใช่ชุดกระโปรงเล็กๆ ธรรมดาทั่วไป ชุดบัลเล่ต์สมัยนี้ มีหลากหลายรูปแบบ ชุดของเธอเป็นชุดกระโปรงเล็กสีขาว แต่ว่า เซ็กซี่จนคนมองเลือดแทบพุ่ง
ทุกคนต่างมองไปที่ร่างงดงามของลู่ชูเซี่ย อดคิดในใจไม่ได้ ลู่ชูเซี่ยสมแล้วที่เป็นลู่ชูเซี่ย รูปร่างนั้น งดงามมาก
ลู่ชูเซี่ยมองชายเหล่านั้นที่จับจ้องเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ ผู้ชายพวกนี้เหมือนกันไปหมด ดังนั้น หลินเช่อถูกพวกเขาสนใจในชั่วขณะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ในสังคมนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะมีหน้าใหม่ๆ ทำให้คนสนใจ แต่ว่าพวกเขาจะค่อยๆ รู้เองว่าคนที่เก่งที่สุดยังคงเป็นลู่ชูเซี่ย เพราะเธอเป็นที่สุดของวงสังคมนี้
เธอรักษามันมาได้นานหลายปีขนาดนี้ ยังคงได้รับความสนใจจากพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ภายใต้เสียงปรบมือของทุกคนลู่ชูเซี่ยกำลังเดินขึ้นเวที
ชุดบัลเล่ต์ของเธอถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ พอดีกับสัดส่วนที่เซ็กซี่ของเธอ บัลเล่ต์เองก็มีเสน่ห์มาก
บัลเล่ต์ของลู่ชูเซี่ยนั้นเป็นมืออาชีพ เมื่อมองกลับมาที่เหล่าหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างเวทีนั้น ต่างพากันตกตะลึง คนที่เคยเรียนบัลเล่ต์มาต่างก็รู้ ท่าทางของเธอนั้นมืออาชีพขนาดไหน หาจุดบกพร่องไม่มี
หลายคนเริ่มเป็นห่วงหลินเช่อ แบบนี้แล้ว หลินเช่อจะชนะได้อย่างไร
ความจริง หลินเช่อไม่ควรรับคำท้านี้เลย ตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งของลู่ชูเซี่ย ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะเอาชนะได้ง่ายๆ
ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม สายตาแสดงอารมณ์ ดึงดูดชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นได้เป็นอย่างดี แทบอยากกระโดดลงไปร่วมเต้นรำแนบชิดไปกับเธอ
ตอนนี้พวกเขาลืมหลินเช่อไปจนหมดสิ้น ลืมความงดงามของหลินเช่อ อย่างไรซะผู้ชายก็เป็นสัตว์ล่าเนื้อ เมื่อเห็นลู่ชูเซี่ยแบบนี้ ก็อดใจไม่ได้ที่จะกดปุ่มให้คะแนนกับเธอ
จากนั้นสติก็คอยย้ำเตือนพวกเขา ให้เฝ้ารอการแสดงของหลินเช่อและหญิงสาวคนอื่นๆ ก่อน บางทีอาจจะมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจก็ได้
ลู่ชูเซี่ยหยุดการเคลื่อนไหวของเธอไปพร้อมเสียงดนตรี มองเหล่าชายหนุ่มที่จ้องมองเธอด้วยสายตาหลงใหลอย่างพึงพอใจ ความรู้สึกถูกรายล้อม ทำให้เธอพึงพอใจขึ้นมา เธอยืนอยู่ตรงนั้น ทว่ายังไม่ทันได้ยืนนิ่งๆ ก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมา “นั่นหลินเช่อใช่ไหม”
หลินเช่อกำลังยืนอยู่หน้าประตู
เพียงแต่ ร่างในชุดสีดำนั้น ดูแปลกตาจากหลินเช่อที่ดูสดใสในยามปกติ
ชุดบัลเล่ต์ของหลินเช่อเป็นสีดำ อีกทั้งไม่ใช่ชุดบัลเล่ต์ในรูปแบบกระโปรงสั้นทั่วไป ทว่าเป็นชุดกระโปรงยาว กระโปรงด้านหลังยาวจนลากพื้น ขายาวระหงทั้งสองข้างถูกคลุมจนมิด เอวคอดกิ่ว กระโปรงผ้าลื่นผืนยาว ดูแล้วให้ความรู้สึกสบาย ราวกับสายน้ำไหลลงไปตามพื้น