“สมัยมัธยม นั่นมันตั้งสมัยไหนแล้ว ตอนนี้ก็โตๆ กันหมดแล้ว ทำไมยังคิดเรื่องพวกนี้อีกล่ะ” กู้จิ้งเหยียนบอก
ลู่เป่ยเฉินเม้มปากแน่นขณะมองเธอ “ช่างเถอะ บางทีคุณอาจจะชอบการเป็นที่สนใจก็ได้ ผมคงมาทำให้คุณวุ่นวายใช่ไหมล่ะ”
กู้จิ้งเหยียนเองก็เริ่มรู้สึกโมโห มองลู่เป่ยเฉินแล้วบอก “แบบนี้เรียกว่าวุ่นวายเหรอ อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ซ่อนใครเอาไว้ ไม่ได้ให้แฟนเก่ามาอยู่บ้านตัวเองสักหน่อยนะ”
“ฮ่าๆ คุณยังคิดจะซ่อนกิ๊กเหรอ ผมจะรอดูว่าคุณจะซ่อนได้ยังไง” ลู่เป่ยเฉินมองกู้จิ้งเหยียน
กู้จิ้งเหยียนหอบเอาแฟ้มเอกสารบนโต๊ะเดินเข้าไปด้านใน “คุณอยากรู้เหรอ ยังไงซะฉันก็ซ่อนได้ดีกว่าคุณก็แล้วกัน ดูที่คุณซ่อนสิ นักข่าวรู้กันไปทั่ว คุณรู้ไหมว่าฉันต้องมาช่วยคุณกลบข่าวพวกนั้นมันยุ่งยากขนาดไหน จะซ่อนก็ซ่อนให้มันดีหน่อย คนอื่นจะได้ไม่ต้องลำบาก”
“คุณ…” เธอพูดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย
ใช่ เขาหาที่อยู่ให้กับฟู่เฉินซี นั่นเป็นเพราะฟู่เฉินซีไม่มีที่อยู่
ลู่เป่ยเฉินบีบปลายคางเธอ บังคับให้เงยหน้าขึ้นมา เขาจ้องมองใบหน้าสวยของเธอ “ทางที่ดีเธออย่าทำให้เฉินซีต้องลำบากจะดีกว่า”
กู้จิ้งเหยียนเอ่ย “เห็นฉันว่างมากเหรอ เรื่องของฉันเองยังจัดการไม่เรียบร้อย ยังคิดว่าจะไปหาเรื่องให้แฟนคุณอีกหรือยังไง”
“ใครจะรู้ว่าผู้หญิงพิษสงเยอะอย่างคุณคิดจะทำอะไรอีกล่ะ”
ลู่เป่ยเฉินจ้องเธอเขม็ง มือนั้นบีบแรงขึ้น
กู้จิ้งเหยียนจ้องเขา “ทำไม เข้ามาใกล้ขนาดนี้ ฟ้ายังไม่ทันมืดเลย คุณอยากใกล้ชิดกับภรรยาแล้วเหรอไง”
กู้จิ้งเหยียนยั่วยุเขา “ได้นะ ฉันไม่รังเกียจหรอกถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
บนโลกใบนี้ ไหนเลยจะมีผู้หญิงแบบนี้…
แต่ว่า ลู่เป่ยเฉินมองใบหน้าผู้หญิงที่มีพิษสงร้ายอย่างเธอ น่าอาย… ที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนอง
โดยเฉพาะดวงตาของเธอ เมื่อกวาดมองต่ำลงใบบนร่างกายของเขา กระทั่งลงไปถึงส่วนล่างของเขา
จนกระทั่งลู่เป่ยเฉินปล่อยมือเธอ จึงสามารถหยุดความคิดในหัวนั้นได้
“ฝันไปเถอะ”
ลู่เป่ยเฉินบอก “คิดถึงผู้ชายขนาดนั้นก็ออกไปตามหาซะสิ”
กู้จิ้งเหยียนยืนอยู่ตรงนั้น มองลู่เป่ยเฉินเดินห่างออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ เลือนหายไป
ความจริง เมื่อก่อนลู่เป่ยเฉินไม่ได้เป็นแบบนี้
พวกเธอเคยมีความทรงจำดีๆ ดีจนเจอหน้ากันทุกวัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบจะทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าตอนนั้นเขายังเป็นแฟนของผู้หญิงคนอื่นอยู่
กู้จิ้งเหยียนจำได้ว่า ตอนนั้นเธอชอบตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา โกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากที่เขาคบกับฟู่เฉินซีและมักจะไปเกลือกกลั้วอยู่ด้วยกัน
ลู่เป่ยเฉินเป็นพี่ใหญ่ ใจร้อน ชอบก่อเรื่อง ทุกคนล้วนเชื่อฟังเขา เมื่อสอบเสร็จแล้วทุกคนต่างพากันไปดื่มด้วยกัน เดิมฟู่เฉินซีดื่มเหล้าไม่เป็น แต่เพราะดีใจเกินไป กู้จิ้งเหยียนบอกกับเธอว่าดื่มนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก ใครจะไปรู้ว่า ดื่มไปไม่เท่าไหร่ เธอก็ไม่ไหวแล้ว
เธอกับฟู่เฉินซีสองคน ต่างกอดไมโครโฟนร้องเพลงเสียงดังโหวกเหวกอยู่ในคาราโอเกะ จนทำให้คนจากห้องอื่นๆ โวยวาย
พวกเขาถีบประตูเข้ามา มองเห็นคนด้านในที่อยู่ในชุดนักเรียน จึงบอกว่า “ไอ้เด็กบ้า พวกแกไปเสียงดังที่อื่นไป รบกวนพวกเรา”
ตอนนั้นกู้จิ้งเหยียนเมาแล้ว เลยไม่คิดจะสนใจอะไรขนาดนั้น ตอบพวกเขากลับไปว่า “ใครเด็กบ้า ถ้าไม่พอใจพวกคุณก็มาร้องด้วยกันสิ”
เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตอบโต้ จึงบอกกับกู้จิ้งเหยียน “ขนยังขึ้นไม่หมดเลย ยังคิดจะสู้กับฉันเหรอ”
แน่นอน เมื่อมองเห็นหน้าตาของกู้จิ้งเหยียนแล้ว น้ำลายของพวกเขาก็แทบไหล เอ่ยกับกู้จิ้งเหยียน “น้องสาว เอาแบบนี้ไหม วันนี้เธออยู่กับฉัน แล้วฉันจะไม่ถือสาที่เธอเสียมารยาท ไม่งั้นล่ะก็…”
มือใหญ่ของเขายื่นไปสัมผัสใบหน้ากู้จิ้งเหยียน
แต่ว่า เขาไม่ได้สังเกตชายหนุ่มด้านหลังไม่กี่คนที่ลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงนั้น
ลู่เป่ยเฉินมองเห็นมือที่ยื่นออกมาก็คว้าเอาไว้ทันที
“กล้าแตะก็ลองดู” ลู่เป่ยเฉินบอก
เมื่อมองเห็นลู่เป่ยเฉินที่สวมชุดนักเรียนเหมือนกัน ดูท่าทางอ่อนหัด จึงบอก “โรงเรียนไหนกัน โว๊ะ ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอีกด้วย กล้ามากนี่ วันนี้ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะทำให้แกรู้ว่าคำว่าตายมันสะกดยังไง”
แน่นอนว่าลู่เป่ยเฉินไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น ปกติก็วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่แล้ว ในโรงเรียนใครจะกล้ามาหาเรื่องเขา อีกทั้งการเรียนของเขายังเข้าขั้นดีอีกด้วย แม้แต่ครูอาจารย์ก็ยังไม่กล้ามายุ่งกับเขาเลย
ลู่เป่ยเฉินกับอีกสองสามคน รวมเป็นสามคนสามารถรวบตัวนักเลงพวกนั้นได้ไม่ยากและทุบตีพวกนั้นอย่างรุนแรง
ฟู่เฉินซีตกใจกลัว เธอหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของกู้จิ้งเหยียน
กู้จิ้งเหยียนเองก็ไม่คิดว่าจะมีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้น มองดูคนเหล่านั้นที่ถูกเหล่าเด็กหนุ่มต่อยอย่างสิ้นท่า จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกอดห้ามลู่เป่ยเฉินเอาไว้แน่น
“พอแล้ว พอแล้ว ถ้ายังไม่หยุดเดี๋ยวเขาจะตายแล้วนะ”
ลู่เป่ยเฉินหันกลับมา คว้ามือของเธอเอาไว้ มองสังเกตใบหน้าของเธอ “มันแตะต้องตรงไหนหรือเปล่า”
กู้จิ้งเหยียนจ้องมองใบหน้าของเขา
แม้พวกเขาจะได้เปรียบอยู่ก็จริง แต่ว่าการต่อยตีทะเลาะวิวาทก็คือทะเลาะวิวาทอยู่ดี พวกเขาเองก็โดนอยู่ไม่น้อย
ใบหน้าของลู่เป่ยเฉินโดนต่อย แถมยังมีเลือดไหลอีกด้วย
กู้จิ้งเหยียนอุ่นใจ มองเขาพลางส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร
ลู่เป่ยเฉินค่อยคลายมือ
บอกกับชายเหล่านั้น “นี่คนของฉันทั้งหมด กล้าแตะผู้หญิงของลู่เป่ยเฉิน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
วันนั้น เธอรู้สึกว่าเขาเป็นฮีโร่จริงๆ
เท่มาก
และวันต่อมา
พวกเขาก็ถูกเรียกเข้าห้องปกครอง เพราะมีคนมาแจ้งทางโรงเรียน
พวกเขาจำชุดนักเรียนได้ และประโยคที่เขาเอ่ยตอนสุดท้าย ผู้หญิงของลู่เป่ยเฉินพวกแกยังกล้าแตะ
จากนั้น ครูฝ่ายปกครองเฝ้ามองบรรดาลูกของตระกูลผู้มีอำนาจ สุดท้ายก็จนปัญญา จะลงโทษก็ไม่ได้ ไม่ลงโทษก็ไม่ถูก สุดท้ายจึงสั่งให้พวกเขาไปกวาดสนามเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เป็นการทำโทษ
กู้จิ้งเหยียนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น รอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้า
ตอนนั้นทั้งสองตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ว่า ก็ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แม้จะไม่ถูกกับอีกฝ่าย แต่ว่าก็ไม่ยอมให้ใครว่าร้ายต่ออีกฝ่าย
เธอรู้สึกว่า เขาก็ใจดีกับเธออยู่หรือเปล่านะ
แต่ว่า ตอนนี้…
เหมือนเขาจะเกลียดเธอไปแล้วล่ะมั้ง
——
หลังจากกู้จิ้งหมิงมาถึงก็ตรงเข้าไปคุยธุระกับกู้จิ้งเจ๋อในห้อง
เมื่อสองพี่น้องออกมา จึงรู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลินเช่อมองเห็นกู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ จึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา “กู้จิ้งเจ๋อ คุณมาแล้วเหรอคะ”
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า มองหลินเช่อ “เธอจะไปร่วมงานเลี้ยงดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเหรอ”
“ใช่ค่ะ” หลินเช่อบอก “ทำไมคะ ไม่ได้เหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธออยู่สักพัก บอก “เธอทำอะไรเป็นบ้าง”
หลินเช่อบอก “ฉัน… ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้เขาจะแข่งอะไรกัน ถ้ายิงปืน ฉันทำได้… ตอนเด็กๆ ฉันเคยเล่นปืนฉีดน้ำ แต่ถ้าเป็นขี่ม้า… ครั้งก่อนก็เคยขี่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ หรือเป็นการเต้น…ความจริงก็น่าเรียนนะ บริษัทเราน่าจะพอมีครูสอนเต้นอยู่บ้าง”
Related