กู้จิ้งเจ๋อแล้วแต่เธอว่าจะให้อะไร และของขวัญที่เขาจะมอบให้นั้นได้ให้ฉินเฮ่าเตรียมไว้ให้ตั้งนานแล้ว
หลินเช่อกลับบ้านตระกูลกู้พร้อมกัน เมื่อลงจากรถก็เห็นว่าอวี๋หมินหมิ่นเองก็มาด้วย
เมื่อเธอลงรถแล้วก็พุ่งตรงเข้ามาหาหลินเช่อ มองหลินเช่อแล้วเอ่ย “ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะมาตอนไหน ฉันมาครั้งแรก คิดว่าจะหาที่ทางไม่เจอ”
หลินเช่อบอก “ได้ยังไงกัน ให้พี่ใหญ่พาเธอเข้าไปก็ได้นี่”
อวี๋หมินหมิ่นอ้าปากขึ้นส่ายหน้า “ถ้าจะหวังพึ่งเขาก็พึ่งตัวเองดีกว่า”
อวี๋หมินหมิ่นเห็นกู้จิ้งเจ๋อลงมา ก็รีบหลบไปยืนอีกฝั่ง ทักทายกู้จิ้งเจ๋อ “ประธานกู้”
กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นอวี๋หมินหมิ่น “อยู่ที่บ้านเรียกแค่ชื่อผมก็พอครับ”
อวี๋หมินหมิ่นจะชินได้อย่างไรกัน นี่มันกู้จิ้งเจ๋อเลยนะ บ้าไปแล้วเหรอให้เธอเรียกเขาว่ากู้จิ้งเจ๋อ
มีความรู้สึกว่าจะถูกคนของกู้จิ้งเจ๋อลากออกไปทำร้ายได้ทุกเวลาเลย
หลินเช่อบอก “เอาล่ะ เราเข้าไปกันเถอะ ที่นี่ค่อนข้างใหญ่จริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้วันนี้จะมีใครมาบ้าง”
“จะมีคนมาเยอะไหม”
“กู้จิ้งเจ๋อบอกว่าเป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัว คงจะไม่มีคนนอกหรอก แต่ใครจะไปรู้ล่ะ”
คนที่เดินตามหลังหลินเช่อนั่น คนของกู้จิ้งเจ๋อและบอดี้การ์ดของท่านประธานาธิบดี แบ่งแยกได้ชัดเจน
กู้จิ้งหมิงเพราะงานยุ่งจึงตามมาทีหลัง ทั้งสองมาถึงก่อนจึงเข้าไปหามู่หว่านฉิงก่อน
มู่หว่านฉิงหัวเราะเอ่ยกับหลินเช่อ “จริงสิ ฉันดูที่เธอเล่าเรื่องตลกบนอินเทอร์เน็ตแล้วนะ”
หลินเช่อไม่รู้จะพูดอะไร “แม่คะ นั่นหนูล้อเล่นค่ะ แม่ยังไปดูมันอีก น่าอายมากเลย…”
“ไม่หรอก ฉันดูแล้วตลกมาก ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเช่อเองจะเล่าเรื่องตลกเป็นด้วย”
หลินเช่อรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก แถมเรื่องตลกนั้นยังลามกอีก…
มู่หว่านฉิงยิ้มและหันไปมองอวี๋หมินหมิ่น เพราะยังไม่ได้สนิทมาก จึงไม่ได้พูดคุยสนิทสนมเหมือนหลินเช่อ แต่เธอดีใจมากที่กู้จิ้งหมิงได้แต่งงานสักที เธอจึงรักและเอ็นดูลูกสะใภ้ของเธอมาก
“รีบเข้ามาสิ พวกเธอสองคนรู้จักกันก็ดีแล้ว จิ้งหมิงคนนั้น เย็นชาที่สุด ทำให้หมินหมิ่นตกใจแล้ว”
ทั้งสามเดินไปด้านหลัง เดินผ่านบ้านหลังใหญ่ของตระกูลไปโผล่ยังพื้นที่กว้างทางสวนด้านหลัง ที่ถูกตกแต่งให้กลายเป็นงานเลี้ยงน้ำชาไปแล้ว
พอหลินเช่อนั่งลงพร้อมกันกับอวี๋หมินหมิ่น ลู่ชูเซี่ยก็เดินเข้ามา
เธอเข้ามาแล้ว รีบเดินเข้าไปทักทายมู่หว่านฉิง
ท่าทีที่มู่หว่านฉิงมีต่อเธอนั้นดูเย็นชา
คนนั้นใจแคบ ตอนที่ไม่มีลูกสะใภ้ เธอรู้สึกครึกครื้นเมื่อมีคนมาที่บ้าน ตอนนี้มีลูกสะใภ้ทั้งสองคนแล้ว ความสนใจของเธอทั้งหมดก็พุ่งไปที่นั่น คร้านจะสนใจคนอื่น
ดังนั้นเธอจึงทำเพียงยิ้มแล้วบอก “เข้าไปเถอะ ดูว่ามีอะไรน่าทานบ้าง วันนี้ยุ่ง ฉันคงไม่ได้อยู่คุยกับเธอ ดูแลตัวเองไปนะ อีกสักหน่อยจิ้งเหยียนก็คงมา เดี๋ยวเธอก็มีเพื่อน”
ลู่ชูเซี่ยยังอยากมอบของขวัญและกล่าวอวยพร ทว่ามู่หว่านฉิงนั้นเดินแยกออกไปแล้ว
ลู่ชูเซี่ยทำเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ได้ยินคนด้านหลังพูด “วันนี้คุณนายกู้คงยุ่งมาก”
“ก็ใช่น่ะสิ ลูกสะใภ้ทั้งสองก็มากันครบเลยนี่นา”
“มองไปทางนั้นแล้วก็สวยจริงๆ”
“ฝั่งนั้นเตรียมเอาไว้ให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ ตอนนี้มีทั้งสองนั่งอยู่ คนหนึ่งเป็นคุณนายกู้ ภรรยาของกู้จิ้งเจ๋อ อีกคนก็ภริยาประธานาธิบดี เธอเทียบได้เหรอ”
ลู่ชูเซี่ยมองตามไป เห็นว่าหลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นนั่งอยู่ตรงนั้นจริงๆ
ลู่ชูเซี่ยโมโห เดินตรงไปทางนั้น
บอดี้การ์ดด้านนอกเดินเข้ามาขวางลู่ชูเซี่ย
นั่นเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวที่กู้จิ้งหมิงตั้งใจเลือกไว้ให้อวี๋หมินหมิ่นโดยเฉพาะ เพราะเธอเป็นภริยาประธานาธิบดี เมื่อปรากฏตัว ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีผู้ติดตาม จะให้พาผู้ชายไปด้วยก็คงจะไม่สะดวก
ลู่ชูเซี่ยบอก “พวกคุณไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ถึงกล้ามาขวางฉัน”
ทั้งสี่คนกลับไม่หลบไปไหน
“พวกคุณ…” ลู่ชูเซี่ยกำลังจะโวยวาย ด้านใน ลู่เป่ยเฉินก็เดินมา
“เอาล่ะ ชูเซี่ย เธออย่ามาหาเรื่องทุกครั้งที่มาเลย”
ลู่ชูเซี่ยบอก “พวกเขาไม่ยอมให้ฉันเข้าไป”
ลู่เป่ยเฉินมองเข้าไปด้านใน “เธออยู่ตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
หากคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ลู่เป่ยเฉิน หลินเช่อจะไม่สนใจเลย
แต่ว่า เมื่อมองเห็นลู่เป่ยเฉิน ลู่เป่ยเฉินไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกับเธอ แถมยังเป็นเขยของตระกูลกู้อีก เธอจะไม่ไว้หน้าไม่ได้ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปหา
“เอาล่ะ นี่คุณลู่ พวกคุณไม่ต้องขวางไว้หรอกค่ะ”
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นหลินเช่อ จึงเปิดทางให้เล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ที่ทำเนียบหลิวลี่นั้นเคยขวางเธอเอาไว้ ต่อมาก็ถูกเบื้องบนต่อว่ารุนแรง พวกเขาจึงรับรู้แล้ว หลินเช่อเป็นคุณนายกู้ ฐานะไม่ธรรมดา ดังนั้นต้องเคารพเธอ
แม้ว่าจะไม่มีใครขวางแล้ว ลู่ชูเซี่ยกลับไม่พอใจ
คนพวกนี้เป็นบอดี้การ์ดประธานาธิบดีไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลับฟังคำสั่งของหลินเช่อ นี่หมายความว่าอย่างไร
ลู่ชูเซี่ยส่งเสียงเย้ยหยันหลินเช่อ
ลู่เป่ยเฉินมองหลินเช่อ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นกันเองแบบนี้
แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุย แต่ครั้งนี้เขาก็ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว
เขาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล มองลู่ชูเซี่ยที่เดินผ่านไปแล้ว เขาจึงรีบกล่าวขอโทษหลินเช่อ “สมองเธอมีปัญหา ไม่ต้องสนใจเธอนะครับ หากมีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้เลย ผมมาได้ตลอดเวลา”
หลินเช่อรีบบอก “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณทำธุระของคุณไปเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก”
ลู่เป่ยเฉินแสดงออกว่าเป็นกังวล
ถ้าเป็นคนอื่น ก็คงจะไม่เป็นไร แต่น้องสาวของเขาคนนี้ ใครจะรู้ว่าเธอจะก่อเรื่องอะไร
แต่เมื่อมองเข้าไป เขายังคงยิ้มแล้วกลับไปพูดคุยกันต่อ
เมื่อลู่ชูเซี่ยมองเห็นอวี๋หมินหมิ่น นึกได้ว่าครั้งนั้นยังเคยดูถูกเธอเอาไว้ ตอนนี้เธอกลับลายมาเป็นภริยาประธานาธิบดีไปแล้ว
ลู่ชูเซี่ยเบนสายตามาหาหลินเช่อ คิดว่าเธอเป็นคนเจ้าเล่ห์เกินไป ส่งคนของตัวเองเข้ามาแทรกแซงเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลกู้หมดแล้ว
เมื่อก่อนเธอดูถูกผู้หญิงคนนี้มากไปเหรอ
เพราะผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้เธอถูกกู้จิ้งเจ๋อมองไม่ดีไปซะแล้ว
และเพราะผู้หญิงคนนี้ กู้จิ้งเจ๋อจึงสืบพบเรื่องราวเลวร้ายพวกนั้นของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ลู่ชูเซี่ยรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงมัน
อย่างไรซะ ก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ทั้งนั้น
ลู่ชูเซี่ยมองอวี๋หมินหมิ่นที่อยู่ด้านใน “ไม่เลวนี่ หลินเช่อ คนของตัวเองทั้งหมาทั้งแมว กลายเป็นคนของตระกูลกู้ไปจนหมด ฐานะของเธอในตระกูลกู้มันมั่นคงแล้วสินะ”
หลินเช่อใบหน้าเข้มขึ้น “ฉันเห็นแก่พี่ชายของคุณ ถึงได้ปล่อยให้คุณเข้ามา ถ้าคุณทำความสะอาดปากของคุณหน่อย ก็จะดีนะคะ”
“ฉันคือลู่ชูเซี่ย ไปที่ไหนยังจำเป็นต้องเห็นแก่หน้าคนอื่นด้วยเหรอ” ลู่ชูเซี่ยเย้ยหยัน “ยิ่งไปกว่านั้นฉันพูดผิดที่ไหน นั่นไม่ใช่หมาใช่แมวแล้วเป็นตัวอะไร”
“นั่นเป็นภริยาประธานาธิบดี คุณเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลลู่แต่มารยาทแบบนี้เหรอ”
“กับพวกคนชั้นต่ำแบบพวกเธอ ฉันต้องมีมารยาททำไม” ลู่ชูเซี่ยบอกไม่เกรงใจ
อวี๋หมินหมิ่นเองก็เดินเข้ามาหา
ได้ยินคำดูถูกนั้น ใบหน้าก็ทะมึนขึ้น
หลินเช่อเองก็ทนไม่ไหวเตรียมพุ่งงเข้าไป
อวี๋หมินหมิ่นคว้าเธอเอาไว้
“หลินเช่อ อย่าวู่วาม”
ลู่ชูเซี่ยเห็นหลินเช่อที่พุ่งเข้ามา “เอาสิ เธออยากตบฉันเหรอ เข้ามาสิ ฉันเองก็อยากรู้ว่าเธอจะตบฉันยังไง ถ้าเธอกล้าตบฉัน งั้นก็ขอให้เธอได้อยู่ภายใต้การคุ้มกันของตระกูลกู้ให้ได้ตลอดไปแล้วกันนะ ไม่งั้น สักวัน ตระกูลลู่ของฉันจะถลกหนังเธอ”
Related