เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 429 ฉันมาแย่งตำแหน่งของเธอ

“นั่นสิ หลินเช่อ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม รีบดูสิว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า”  

 

 

ตรงหน้า ฉินหวานหว่านกำลังมองหลินเช่ออยู่  

 

 

“เสี่ยวเช่อ ทำไมไม่ระวังแบบนี้ล่ะ ตอนนี้เธอมีชื่อเสียง ทำให้คนอิจฉา ที่นี่คนเยอะขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะมีคนอิจฉาเธอแล้วเอามาวางไว้ก็ได้”  

 

 

หลินเช่อทำเพียงแค่มองฉินหวานหว่าน นอกจากเธอแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครใจร้ายได้ขนาดนี้  

 

 

ปกติแล้วการแสดงของฉินหวานหว่านนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กลับแสดงออกมาได้ไม่เลว นี่คงเป็นการเริ่มต้นของโจรที่กำลังตะโกนเพื่อให้จับโจรสินะ  

 

 

ในห้องไม่มีกล้องวงจรปิด คงจะหาไม่ได้ว่าใครเป็นคนเอามาวาง  

 

 

มีคนเอ่ยขึ้นด้วยความตระหนก “สวรรค์ หลินเช่อ หลังของเธอเลือดออก”  

 

 

หลินเช่อหยิบโทรศัพท์ออกมา กดโทรออก บอกว่าตัวเองเลือดออก ต้องการให้หมอช่วยทำแผลให้หน่อย ถือโอกาสฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักไปด้วย  

 

 

วันนี้รบกวนอวี๋หมินหมิ่นไม่ได้ จึงโทรกลับไปหาคนที่บริษัท การฝึกครั้งนี้พวกเขาเป็นคนจัดขึ้น แน่นอนว่าต้องให้พวกเขามาจัดการ  

 

 

คนที่บริษัทรู้เรื่องแล้ว จึงรีบส่งคนมา  

 

 

ไม่นาน ห้องทั้งห้องก็ถูกปิดล็อกแน่นหนา  

 

 

ตลอดการสำรวจ ตรวจสอบ ทำแผลให้หลินเช่อ ไม่อนุญาตให้คนนอกได้เห็นทั้งสิ้น  

 

 

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับฉินหวานหว่าน ทว่าเมื่อคนที่บริษัทส่งมาเพื่อรับหน้าที่จัดการเรื่องนี้มาถึงแล้ว หันมองฉินหวานหว่าน แต่กลับไม่เตรียมจัดการเลยสักนิด  

 

 

หยางหลิงซินเองก็ตามมาด้วย เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้วเธอจึงโกรธมาก “พวกคุณทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉินหวานหว่านแน่นอน”  

 

 

“เอาล่ะ เธอจะเข้าใจอะไร เด็กน้อย” คนที่มาจัดการคือรองผู้จัดการจาง ชื่อว่าจางจิ้งเต๋อ  

 

 

เขาบอกกับหลินเช่อว่า “ช่วงนี้เรื่องความขัดแย้งของพวกคุณ มันไม่ใช่เล็กๆ เลย ตอนนี้พวกคุณก็อย่าให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่อีก อย่าโวยวายอีกเลย”  

 

 

หยางหลิงซินได้ยินแบบนั้นก็ไม่พอใจมาก  

 

 

หลินเช่อห้ามหยางหลิงซินเอาไว้ รู้ว่าเรื่องนี้เธอทำอะไรไม่ได้  

 

 

เพราะไม่มีหลักฐาน  

 

 

หลินเช่อบอก “ช่างเถอะ ฉันรู้แล้ว”  

 

 

หลินเช่อเดินกรีดกรายออกไปจากตรงนั้น  

 

 

หยางหลิงซินเดินตามไป “พี่เช่อคะ พี่จะปล่อยเธอไปแบบนี้เหรอคะ”  

 

 

หลินเช่อบอก “ก็แค่หมุดน่ะ อย่างมากก็แค่ทำให้ฉันเจ็บได้นิดเดียวเท่านั้นแหละ ให้บทเรียนกับฉัน หรืออาจจะอยากให้ฉันเห็นว่าบริษัทยืนอยู่ฝั่งไหนกันแน่ ถือว่าข่มขู่ฉันไปในตัว ฉันไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำ เธอเองก็คิดได้ว่าถึงบริษัทจะโวยวายขึ้นมา แต่ก็แค่ทำให้คนหัวเราะเยาะก็เท่านั้น บริษัทไม่มีทางเข้าข้างฉันอยู่แล้ว”  

 

 

“จริงๆ เลย บริษัทก็ทำเกินไปหรือเปล่า”  

 

 

“เดิมทีเรื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เอาล่ะ ไปกันเถอะ”  

 

 

____  

 

 

ฉินหวานหว่านเห็นเธอเดินออกไป ค่อยเอ่ยกับจางจิ้งเต๋อ “ขอบคุณนะ”  

 

 

จางจิ้งเต๋อบอก “ไม่เป็นไรหรอก แต่ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก”  

 

 

“ฉันรู้แล้ว ฉันก็แค่อยากให้เธอได้เข้าใจ อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้บุกรุก ฉันไม่ใช่ผู้บุกรุก แต่ฉันมาเพื่อแย่งทุกอย่างไปจากเธอ”  

 

 

ฉินหวานหว่านหัวเราะบอก “บริษัทยืนอยู่ข้างฉัน ใช่ไหมล่ะ”  

 

 

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แน่นอนว่าเข้าข้างคุณอยู่แล้ว ผู้อำนวยการเฉินเอ็นดูคุณขนาดนั้น”  

 

 

ความจริงจางจิ้งเต๋อชอบหลินเช่อมาก น่าเสียดาย ฉินหวานหว่านนั้นมีความสัมพันธ์กับเบื้องบน มันไม่ใช่แค่เรื่องของบริษัท แต่เป็นเรื่องของวงการบันเทิงทั้งหมด ฉินหวานหว่านเองก็เก่ง ที่หาที่พึ่งได้ดีขนาดนี้ มาแย่งตำแหน่งของหลินเช่อโดยตรง  

 

 

น่าเสียดาย หลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นนั้นซื่อตรงเกินไป ไม่ชอบเดินทางเส้นนี้ ที่จริงหลินเช่อเองก็สวยมาก ความสามารถก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินหวานหว่าน คนที่ชอบเธอ ยอมเป็นที่พึ่งพิงให้กับเธอก็คงจะมีไม่น้อย  

 

 

เพียงแต่ครั้งนี้ที่หลินเช่อโดนหมุดทิ่ม เธอไม่คิดว่าคนของบริษัท นอกจากจะไม่สืบเรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย ยังปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปแบบนี้  

 

 

เดิมทีคนด้านนอกก็ให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างมากอยู่แล้ว เห็นว่าพอเป็นดารา เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อพยพกันมาเป็นโขยง  

 

 

เมื่อมาแล้วทุกคนต่างก็สงสัยฉินหวานหว่าน แต่กลับไม่จัดการอะไรกับเธอเลยสักนิด  

 

 

ดูเหมือนว่าน้ำในวงการบันเทิงนี่มันคงจะลึกน่าดู  

 

 

____  

 

 

เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในฐานะนายหญิงของทำเนียบหลิวลี่ อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกยังไม่คุ้นชิน  

 

 

เพราะคนรอบข้างเริ่มเรียกเธอว่านายหญิง ไม่ใช่คุณอวี๋อีกต่อไปแล้ว  

 

 

เพียงแต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือการเรียนของเธอก็ยังคงดำเนินต่อไป ภาษาอังกฤษ ภาษาศาสตร์ การชื่นชมศิลปะ อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์และประเพณีอื่นๆ  

 

 

เป็นวันที่สองที่โทรศัพท์ของอวี๋หมินหมิ่นมีสายเข้าแทบระเบิดอยู่แล้ว เธอทำได้เพียงบล็อกไปทีละคน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของโทรศัพท์จนเกินไป  

 

 

คนที่โทรเข้ามาถ้าไม่ติดต่อขอสัมภาษณ์ภริยาท่านประธานาธิบดีคนใหม่ ก็เชิญเธอไปเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่อวี๋หมินหมิ่นได้ปฏิเสธไปหมดแล้ว  

 

 

วันต่อมากู้จิ้งหมิงกลับมา มองอวี๋หมินหมิ่นแล้วบอกกับเธอว่า พรุ่งนี้เยี่ยมญาติ เราจะไปบ้านของเธอกัน  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นรีบบอก “ไม่ต้องหรอก ความจริงบางขั้นตอน ถ้าคุณละเว้นได้ก็ไม่ต้องทำก็ได้”  

 

 

กู้จิ้งหมิงบอก “ผมก็คิดแบบนั้น แต่กรมประชาสัมพันธ์บอกว่า อาจจะมีสื่อไปสัมภาษณ์ แม้ว่างานแต่งของเราจะผ่านไปแล้ว แต่ประเพณีอะไรที่ควรทำตามก็ยังต้องทำอยู่”  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นทำได้เพียงถอนหายใจ  

 

 

กู้จิ้งหมิงบอก “ทำไม คุณไม่อยากกลับบ้านเหรอ”  

 

 

“แน่นอนว่าฉันอยากกลับอยู่แล้ว แต่ว่ากับคุณ…”  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นเงยหน้ามองกู้จิ้งหมิง เขาเย็นชาขนาดนั้น ดูแลยากอีก แล้วยังพาคนไปด้วยตั้งเยอะ แถมยังมีนักข่าวอีก คงจะวุ่นวายน่าดู  

 

 

กู้จิ้งหมิงมองเธอเงียบๆ นาทีเดียวกว่าจะเอ่ยขึ้น “ที่บ้านคุณชอบอะไร พ่อคุณยังไม่ออกมาจากห้องขังใช่ไหม ตอนนี้สถานการณ์ก็ปกติแล้ว ถ้าเขาอยากออกจากห้องขัง ก็ให้เขาออกมา แม่กับน้องชายของคุณ มีอะไรที่ชอบหรือเปล่า”  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นจึงตอบ “พ่อของฉัน…เดี๋ยวฉันขอไปเยี่ยมเขาก่อนค่อยคิดว่าจะปล่อยออกมาไหม แม่ฉันก็เหมือนจะไม่มีอะไรที่ชอบ ปกติเธอชอบไปเดินเล่น ทานของว่าง แล้วก็ชอบเล่นไผ่กับเพื่อนบ้าน น้องชายของฉันก็คงชอบเครื่องเล่นเกมมั้งคะ”  

 

 

กู้จิ้งหมิงได้ฟังแล้วจึงเงียบไปสักพัก  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นบอก “คุณไม่ต้องเตรียมอะไรมากหรอกค่ะ แค่ไปเยี่ยมก็พอ”  

 

 

กู้จิ้งหมิงพยักหน้า “ผมรู้แล้ว ไปพักเถอะ”  

 

 

“คุณก็ไปพักเถอะค่ะ ฉันยังต้องไปเรียนเย็บปัก” แค่คิดอวี๋หมินหมิ่นก็รู้สึกทุกข์ทรมาน  

 

 

“เย็บปักเหรอ” กู้จิ้งหมิงถาม “มันคืออะไร”  

 

 

“ก็เย็บปักไง อาจารย์บอกว่าให้ฉันได้สัมผัสกับวัฒนธรรม เรียนรู้ประเพณี ให้ฉันฝึกปักผ้า ถึงตอนนั้นจะได้อวดฝีมือการปักผ้าของฉันหน่อย”  

 

 

กู้จิ้งหมิงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบที่เบื่อหน่ายของเธอ  

 

 

ตอนที่อวี๋หมินหมิ่นเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่ามุมปากของกู้จิ้งหมิงกำลังยกยิ้ม พลันรู้สึกเกิดความอบอุ่นขึ้นท่ามกลางฤดูหนาว เพราะรอยยิ้มอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลินั่น  

 

 

นี่มันแตกต่างจากท่าทางเย็นชาของเขาอย่างเห็นได้ชัด  

 

 

กู้จิ้งหมิงก้มลงไปมองเธอที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ ขมวดคิ้วถาม “คุณมองอะไร”  

 

 

“เอ่อ…เปล่าค่ะ” อวี๋หมินหมิ่นรีบหันหน้าหนี รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เวลายิ้มแล้วหล่อมาก  

 

 

แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าของเขานั้นแทบจะไร้อารมณ์อยู่ตลอดเวลา  

 

 

เธอรีบบอก “งั้นฉันรีบไปปักผ้าแล้ว”  

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset