และในตอนนั้นเอง…
ทันใดนั้น ขาของซือถูฉยงก็ทรุดลง
เขากระโดดหลบไปอีกฝั่ง จากนั้นกลับเกิดเสียงดังขึ้นด้านล่าง และพื้นสนามทรุดลงไป…
ทั้งสองหล่นลงไปพร้อมกัน ผู้ชมต่างพากันตกใจ รีบลุกขึ้นยืน
ไม่รู้ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้
บอดี้การ์ดด้านข้างก็รีบพุ่งเข้าไป
กรรมการตัดสินเองก็ตกลงไปตามๆ กัน แต่ยังไม่มีใครคิดจะช่วยเขาเลย
กู้จิ้งเจ๋อจับยึดบางอย่างกระโดดออกมาก่อน หลินเช่อรีบวิ่งลงไปทันที อวี๋หมินหมิ่นเองก็วิ่งตามไปด้วย
คนอื่นอยากลงไปด้วย แต่ถูกขวางเอาไว้ หลินเช่อลงไปแล้วจึงรีบบอก “ฉันเองค่ะ ฉันเอง ปล่อยฉันเข้าไป”
บอดี้การ์ดเห็นว่าเป็นหลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่น จึงปล่อยให้ทั้งสองเข้าไป
คนอื่นๆ ได้แต่ยืนมองสองคนเดินเข้าไป ยังคงยืนมองอย่างประหลาดใจ
ในตอนที่หลินเช่อเข้าไปถึง ทั้งสองคนนั้นได้ขึ้นมากันแล้ว
หลินเช่อมองทั้งสองที่เต็มไปด้วยฝุ่น มองแล้วจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหากู้จิ้งเจ๋อ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
กู้จิ้งเจ๋อเห็นว่าหลินเช่อวิ่งเข้ามาหาตัวเอง มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ
หลินเช่อมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความเป็นห่วง ดึงเขามา สำรวจอย่างละเอียด ยังดีที่ชุดฟันดาบนั้นมีความสามารถป้องกันอันตรายได้ ดังนั้นร่างกายของเขาจึงไม่น่าเป็นอะไรมาก
เพียงแต่หลินเช่อพึ่งจะมองเห็นเลือดที่ข้อมือของเขา
“สวรรค์ กู้จิ้งเจ๋อคุณบาดเจ็บ”
เธอยกมือเขาขึ้นมา พบว่าเลือดนั้นไหลเปื้อนชุดสีขาวของเขาแล้ว
แต่ดูเหมือนจะไม่ใหญ่มาก ดังนั้นเลือดจึงไหลออกมาไม่มาก
แต่ดินเยอะขนาดนี้ บาดแผลสกปรกเกินไป
หลินเช่อรีบบอก “รีบออกไปกันเถอะค่ะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
หลินเช่อเห็นว่าเขาไม่เป็นไร จึงหันกลับไปจะไปดูซือถูฉยง
คนของตระกูลซือถูกำลังดูแลเขาอยู่ ดังนั้น ไม่รอให้หลินเช่อได้เดินเข้าไปหา กู้จิ้งเจ๋อก็ออกแรงดึงหลินเช่อออกไปด้านนอกทันที
“นี่…หมินหมิ่น ช่วยฉันดูซือถูทีนะ”
อวี๋หมินหมิ่นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คงต้องรับปากสินะ
ด้านนอกปล่อยให้พวกเขาจัดการ หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อออกมาถึงห้องพักแล้ว
หมอรีบเข้ามาดูแผลของกู้จิ้งเจ๋อ
แผลอาจจะเกิดจากการขูดตอนที่ตกลงไป ทำให้เกิดเป็นแผล เมื่อทำความสะอาดแผลแล้ว หลินเช่อยืนดูหมอกำลังพันผ้าพันแผลให้เขา กู้จิ้งเจ๋อจึงเงยหน้าขึ้นมาบอก “ให้เธอมาพัน”
หลินเช่อตกใจ เมื่อได้สติจึงหันไปถามกู้จิ้งเจ๋อ “ทำไมล่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ “ฉันไม่ชินให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว”
“…”
ก็ได้
หลินเช่อทำเพียงจ้องหน้าเขา
ย่อตัวนั่งลง พันผ้าพันแผลให้กู้จิ้งเจ๋อ
กู้จิ้งเจ๋อท่าทางยโสราวกับราชา
หลินเช่อเบ้ปาก ตั้งใจออกแรงหนักๆ กับมือของเขา
แน่นอนว่าเขารู้สึกถึงความเจ็บแปลบขึ้นมา
“ซี๊ด…” เขาจ้องหญิงสาวเขม็ง
ตอนนี้เธอยังกล้าทำร้ายเขาอีกเหรอ
“หลินเช่อ เธออยากตายใช่หรือเปล่า” เขาตะโกน
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นมา “ทำไม ทำไมฉันต้องอยากตายแล้วล่ะ”
“ไม่อยากตายแล้วเธอกำลังทำอะไร”
“ฉัน…ฉันก็พันแผลให้คุณไงคะ คุณเองนะที่บอกให้ฉันทำ”
กู้จิ้งเจ๋อคิด เพราะใครกันล่ะถึงได้เป็นแบบนี้ เธอยังจะกล้าทำรุนแรงกับเขาอีก
หลินเช่อบอก “ใครใช้ให้คุณอยู่ดีๆ ก็ไปหาเรื่องทะเลาะกับคนอื่น ถล่มลงไปแล้วก็สมควร เหอะ”
กู้จิ้งเจ๋อจ้องเธอเขม็ง “เธอสมน้ำหน้าใคร”
ถ้าหลินเช่อกล้าพูดอีกสักประโยค เขาจะต้องจับเธอวางไว้บนขา ตีตูดเธอแรงๆ ตีจนเธอต้องร้องขอชีวิตเลยทีเดียว
และในตอนนั้นเอง ฉินเฮ่าก็เดินเข้ามา
เขามองทั้งคู่ รีบเอ่ย “คุณผู้ชายครับ เหมือนกับว่าสนามกีฬาจะไม่ได้ปรับปรุงมานานจึงทำให้ทรุดตัว ช่วงนี้ใกล้จะเข้าหน้าฝนแล้ว ชื้นเกินไป ดังนั้นพื้นผิวจึงไม่มั่นคงครับ”
กู้จิ้งเจ๋อพยักหน้า ให้เขาออกไป
หลินเช่อมองกู้จิ้งเจ๋อ “โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก”
กู้จิ้งเจ๋อถลึงตาใส่เธอ
หลินเช่อพันแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อจึงบอก “ใช่ โชคดี โชคดีที่พื้นทรุด ไม่งั้นความพ่ายแพ้ของซือถูฉยงก็อยู่ในกำมือของฉันแล้ว ถึงตอนนั้นลูกศิษย์ของซือถูคนนี้ ก็คงดับไปตามๆ กัน”
หลินเช่อพูดอย่างเบื่อหน่าย “ยังไม่ถึงที่สุด ใครแพ้ใครชนะยังไม่แน่นอนหรอก”
กู้จิ้งเจ๋อได้ยินดังนั้น ดวงตาจ้องเขม็ง “เธอหมายความว่ายังไง ทำไม เธออยากให้ซือถูฉยงชนะเหรอ”
“ไม่ใช่ๆ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น พวกคุณทั้งสองเก่งกันทั้งคู่ เก่งมากๆ เก่งกว่าฉันเยอะเลย” หลินเช่อรีบอธิบาย มองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณฟันดาบได้ ถ้าคุณฟันดาบเป็นก็ไม่รีบบอกฉันตั้งแต่แรก ฉันเรียนกับคุณก็ได้แล้วไหม”
ประโยคนี้ กู้จิ้งเจ๋อชอบ
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ฉันฟันดาบเป็น แต่ว่า ฝึกให้คนอื่น ฉันสู้ซือถูฉยงไม่ได้ ถึงเขาจะบ้า แต่เขาก็ผ่านการฝึกนักกีฬามาหลายคน เขาสอนเธอต้องเก่งกว่าฉันสอนอยู่แล้ว อีกทั้ง…”
เขามองหลินเช่อ
ถ้าเขามาสอนหลินเช่อ คงทนไม่ไหวที่จะให้เธอต้องฝึกหนักขนาดนั้น
“อีกทั้งอะไรคะ”
“อีกทั้งเธอโง่ขนาดนั้น กลัวว่าถ้าฉันสอนเธอ ก็จะเหมือนเรียนขับรถ คงโกรธจนเลือดคลั่งในสมองแน่ๆ”
“เชอะ” หลินเช่อคิด ไม่มีคำพูดดีๆ เลยจริงๆ
แต่ว่าวันนี้กู้จิ้งเจ๋อหล่อมากจริงๆ
หล่อจนทำให้หญิงสาวทั้งสนามกีฬาแทบคลั่ง
หลินเช่อบอก “คุณเรียนอะไรเยอะแยะไปทำไม ฟันดาบก็ไม่ได้มีอะไรดีขนาดนั้น แล้วคุณยังไปเรียนฟันดาบอีก”
“ฟันดาบเป็นกีฬาสำหรับผู้ชาย ตั้งแต่เด็กเราก็ต้องฝึกให้เป็นไว้บ้าง”
“งั้นคุณเรียนฟันดาบมานานแค่ไหนคะ”
“เรียนห้าหกปี เพียงแต่ ขึ้นสนิมมาหลายปีแล้ว”
“…” ขึ้นสนิมนานแล้วงั้นเหรอ ยังทำได้ดีขนาดนี้
หลินเช่อนึกถึงคำพูดที่นักเรียนเหล่านั้นบอก บอกว่าฝีมือระดับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะผ่านการฝึกหนัก ก็ต้องเป็นพรสวรรค์
แต่กู้จิ้งเจ๋อยุ่งขนาดนั้น ฝึกหนักคงจะเป็นไปไม่ได้ เธอรู้ว่าเขามีพรสวรรค์
หลินเช่อยู่ปาก คิดในใจ อยู่กับคนที่มีพรสวรรค์ รู้สึกเหมือนโดนโจมตีอยู่ทุกวินาทีเลยจริงๆ
หลินเช่อนึกขึ้นได้ เธอยังไม่ไปดูซือถูฉยงเลย เธอลุกขึ้นแล้วบอก “เดี๋ยวฉันไปดูซือถูก่อนว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว”
แต่เพียงแค่ลุกขึ้น ใบหน้ากู้จิ้งเจ๋อก็ตึงทันที ดึงเธอเข้าสู่อ้อมแขน
เมื่อล้มลงในอ้อมแขนของเขาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น มองกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังจ้องเธออยู่
เธอบอก “คุณทำอะไรเนี่ย ฉันแค่จะไปดู…”
กู้จิ้งเจ๋อกัดริมฝีปากเธอเอาไว้ด้วยความโกรธ ออกแรงกัดที่มุมปากของเธอเป็นการลงโทษ
หลินเช่อส่งเสียง รู้สึกเจ็บขึ้นมา
“กู้จิ้งเจ๋อ เจ็บ”
“ยังจะไปดูอยู่ไหม” เสียงของกู้จิ้งเจ๋อดังขึ้นมาที่ข้างหู
หลินเช่อบอก “ฉันแค่จะไปดูว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแค่นั้นเอง”
กู้จิ้งเจ๋อไม่พอใจ ส่งเสียงหึ กัดเข้าที่ลำคอของเธอ ไม่สนใจการต่อต้านของเธอ ทิ้งรอยดอกเหมยสวยในจุดที่สะดุดตาบนลำคอของเธอ
หลินเช่อรับรู้ถึงความเจ็บแปลบที่ลำคอของเธอ กอดเขาเอาไว้แล้วบอกเสียงดัง “กู้จิ้งเจ๋อ กู้จิ้งเจ๋อ ไม่เอา อย่าทำแบบนี้”
เสียงของเธอยิ่งปลุกความร้ายกาจในใจเขาได้ดียิ่งขึ้น ใช้ฟันปลดกระดุมเสื้อของเธอ ประทับรอยไว้ที่หน้าอกของเธออีกครั้ง สุดท้าย งับลงบนจุดไวต่อความรู้สึกบนหน้าอกของเธอ
“อื้อ…” เธอร้องออกมา กอดร่างกายเขาเอาไว้แน่น
กู้จิ้งเจ๋อ…รอยจูบของเขานั้นมีมนต์ขลัง มีทักษะ ทุกๆ ครั้งนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน