กู้จิ้งเจ๋อยืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จา จับจ้องอยู่ที่หน้าจอใหญ่ตรงหน้า
วันนั้น สำนักงานจราจรต่างก็ต้องวิ่งวุ่นเพราะการมาถึงของยมทูตตนนี้
ตอนบ่าย ในที่สุดก็ค้นพบรถที่พาตัวหลินเช่อออกไป เป็นรถยนต์สีขาว และรถคันนี้มาจากแก๊งอินเดีย
กู้จิ้งเจ๋อสั่งการ “ไป เราไปดูสักหน่อย”
ฉินเฮ่าบอกอย่างกังวลอยู่ด้านหลัง “คุณผู้ชายครับ เดี๋ยวพวกเราไปดูเอง คุณรออยู่ที่นี่เถอะครับ…”
ยังไม่ทันได้พูดจบ กู้จิ้งเจ๋อก็เดินหายออกไปแล้ว
——
แก๊งอินเดียรวมตัวกันอยู่ที่ห้องล้างรถ ที่นี่เป็นเหมือนฐานที่มั่นของพวกเขา จับตามองการเคลื่อนไหวด้านนอก
ในห้องล้างรถมีเพียงรถเก่าๆ ไม่กี่คัน คนที่รู้จักที่นี่ล้วนรู้ว่าชื่อเสียงของที่นี่นั้นกระฉ่อนขนาดไหน ไม่ได้เป็นคนดีอะไร ดังนั้นจึงต้องเลี่ยงไกลๆ ไม่กล้าเข้าใกล้
วันนี้ ยามบ่ายที่เงียบสงบ แต่กลับมีรถหลายคันวิ่งเข้ามา
รถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านนอก
คนด้านในได้ยินเสียงก็รู้ว่าเกิดเรื่อง ทันใดนั้นจึงลุกขึ้นมาด้วยความเกียจคร้าน
“มีคนมาก่อเรื่อง ลากตัวมันมา”
ไม่นาน ก็มีคนจำนวนหนึ่งถือมีดพุ่งออกไป
ไปถึงด้านนอก กลับต้องเจอกับบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ ตัวสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น
หนึ่งในนั้นทำตัวเป็นหัวโจกเดินออกมา “ทำไม อยากหาเรื่องเหรอ จะบอกอะไรพวกแกให้นะ แก๊งหงอิงเราไม่กลัวตาย ถ้าพวกแกอยากหาเรื่อง ก็ระวังหัวที่ตั้งอยู่บนคอให้ดี
คนพวกนี้ฆ่าคนเป็นว่าเล่น เรื่องเลวๆ อะไรก็กล้าทั้งนั้น ชื่อเสียงด้านลบไม่ธรรมดา ทำให้ผู้คนหวาดกลัว นานแล้วที่ไม่มีใครกล้ามายุ่งด้วย
ฉินเฮ่ามองคนตรงหน้า หยิบรูปรูปหนึ่งขึ้นมา “เราไม่มีอะไรอย่างอื่น เพียงอยากถามว่านี่ใช่รถพวกแกไหม ส่งรถคันนี้มา เราจะไม่ยุ่งอะไรกับพวกแกอีก”
คนคนนั้นไม่มองรูปด้วยซ้ำ
“รถอะไร เราไม่รู้หรอก แกอย่ามาหาข้ออ้างหน่อยเลย”
ฉินเฮ่าเย้ยหยัน “เราเคยชินกับการมีมารยาทก่อนออกรบ แต่ในเมื่อพวกแกไม่ให้ความร่วมมือ”
“ไม่ให้ความร่วมมือแล้วยังไง” ชายร่างสูงด้านหลังยกมีดพร้าขึ้นมา “อยากลองชิมรสชาติของลำคอกับหัวแยกออกจากกันไหม”
“คุยอะไรไร้สาระกับพวกมันทำไม”
จากนั้น สิ้นคำพูดของชายคนนั้น เสียงเย็นเยียบจากด้านหลังก็ดังขึ้นมา ราวกับค่ำคืนเหน็บหนาวกำลังคืบคลานเข้ามา และพวกเขาก็สัมผัสมันได้
จากนั้น คนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังของรถก็เปิดประตูลงมา
คนของแก๊งชาวอินเดียเองก็มีปฏิกิริยารวดเร็ว เมื่อเห็นดังนั้นก็ยกมีดเดินเข้าไป ไม่สนว่าเป็นใคร ลงมีดก่อนค่อยว่ากัน
น่าเสียดาย ร่างทะมึนนั้นสามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว
แก๊งอินเดียพลาดไป รู้สึกคาดไม่ถึง ตกใจเล็กน้อย รีบหมุนตัวหันย้อนกลับไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ ปลายกระบอกปืนสีดำ เล็งมาที่ศีรษะของเขา
เขาตัวแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นมา หันกลับไปมองตามปลายกระบอกปืนเย็นเยียบ
ชายร่างสูงใหญ่ ดวงตาแหลมคมราวกับดาบ ว่างเปล่าราวกับท้องฟ้าที่มืดมน
“ตอนนี้บอกฉันได้หรือยัง ว่ารถคันนั้น เป็นของใคร”
“ฉัน…ฉัน…รับเงินคนมา เป็นภัยพิบัติกับคน พวกเรามีหลักการ”
“งั้นฉันคงต้องเตือนแกหน่อย เปลี่ยนหลักการเดี๋ยวนี้”
“แก…”
“ให้เวลาแกคิดสามวินาที ไม่งั้น ปืนของฉันมันคงไม่เกรงใจใคร”
ท่าทางเยือกเย็นของกู้จิ้งเจ๋อ ทำให้เขาเหงื่อตก
เหงื่อของเขาค่อยๆ ซึมออกมาทีละนิด
กลับได้ยินกู้จิ้งเจ๋อบอกว่า “สามวิแล้ว”
จากนั้น ได้ยินเสียงดัง ปัง หนึ่งครั้ง
“โอ๊ย…” ลูกกระสุนพุ่งเข้าที่ขาของชายคนนั้น ทรุดตัวลงไปกอดขาเอาไว้แล้วร้องโหยหวนขึ้นมา
เขาบอก “ต่อไปจะเป็นขาอีกข้าง” น้ำเสียงของกู้จิ้งเจ๋อเย็นลงเรื่อยๆ
“ฉันบอก…ฉันบอกแล้ว…คือตระกูลลู่ ลู่ชูเซี่ย”
ตอนนั้นเองเขาค่อยๆ ลดปืนลง
ฉินเฮ่าปาดเหงื่อ มองไปยังกู้จิ้งเจ๋อ
กู้จิ้งเจ๋อหมุนตัวขึ้นรถ “คนที่นี่ จัดการซะ”
จัดการ…
แน่นอนว่าฉินเฮ่าเข้าใจความหมายของคำว่าจัดการเป็นอย่างดี
ฉินเฮ่ามองคนพวกนั้น คิดในใจ อย่าโทษคนอื่น ควรโทษที่พวกแกไปแตะต้องคนที่ไม่สมควร
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงดี แต่นี่เป็นคุณผู้หญิง…
ต่อไป ตระกูลลู่…
กู้จิ้งเจ๋อมาถึงบ้านตระกูลลู่ คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกต่างก็พากันตกใจเมื่อเห็นขบวนรถ
ที่นี่เป็นบ้านส่วนตัวของลู่ชูเซี่ย ไม่ใช่สถานที่เดียวกันกับลู่ฉินอวี่
คนของตระกูลกู้บุกเข้าไป คนของตระกูลลู่เข้าไปขวาง
“คุณหนูของเราไม่อยู่ ใครก็ห้ามเข้า”
“คุณหนูของพวกคุณอยู่หรือไม่อยู่ พวกคุณพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เราจะเข้าไปค้น” ฉินเฮ่าบอก
“เหอะ ที่นี่เป็นที่ของตระกูลลู่ ฉันจะดูว่าใครกล้าเข้าไป” คนของตระกูลลู่บอกอย่างอวดดี
ตอนนั้นเอง ด้านหลัง กู้จิ้งเจ๋อลงมาจากรถอีกครั้ง
เขาไม่อยากเสียเวลาแม้เพียงเสี้ยววินาที มองคนตรงหน้า บอกเสียงเรียบ “ที่พูดเมื่อกี้ พูดใหม่อีกรอบสิ”
คนของตระกูลลู่ไม่คิดว่า กู้จิ้งเจ๋อจะมาด้วยตัวเอง
เขาสั่นสะท้าน แต่ยังคงคิด ในประเทศซี ไม่เคยมีใครกล้าท้าทายตระกูลลู่มาก่อน…
“คุณชายรอง ถ้าคุณจะมาหาคุณหนูของเราก็ควรไปถามกับคุณท่าน ที่นี่ เข้าไม่ได้จริงๆ ครับ คุณอย่าทำให้เราลำบากใจ…”
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขัด “เข้าไปค้นให้ทั่ว ฉันจะดูว่า กู้จิ้งเจ๋ออยากไปที่ไหน มีใครกล้าขวาง”
บอดี้การ์ดตระกูลกู้รับคำสั่งพุ่งเข้าไปด้านในทันที
คนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตกใจจนขวัญแทบกระเจิง
“พวกคุณ…พวกคุณบ้าไปแล้วหรือยังไง ที่นี่เป็นบ้านตระกูลลู่นะ”
ฉินเฮ่าจับคนเอาไว้ ส่งเสียงหึเบาๆ “อย่าว่าแต่ตระกูลลู่เลย วันนี้ทั่วเมืองบีต่างก็โดนคุณผู้ชายค้นจนหมดแล้ว ตระกูลลู่ของพวกคุณ แล้วจะทำไม”
“เอ่อ…นี่…” เขาคิดว่า กู้จิ้งเจ๋อบ้าไปแล้ว
ว่ากันว่ากู้จิ้งเจ๋อไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ครั้งนี้ เขาได้เห็นมันกับตาตัวเองแล้ว…
——
ในขณะที่ กู้จิ้งเจ๋อกำลังพลิกหาทั่วทั้งเมืองบี หลินเช่อมองคนที่เดินเข้ามา เม้มปากแล้วถาม “ลู่ชูเซี่ยคิดจะจับเราขังไว้อีกนานแค่ไหนกัน มีอะไรก็ให้เธอมาคุยกันดีๆ ได้ไหม”
ชายคนนั้นบอก “เธอนี่จริงๆ เลย อยู่ดีๆ ไม่ชอบ ชอบเรียกให้เธอมาทรมานตัวเองเหรอ”
หลินเช่อบอก “มัวแต่หลบเลี่ยงก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันหวังว่าเราจะรีบแก้ปัญหา อีกอย่าง เรื่องนี้เสี่ยวซินไม่เกี่ยวอะไรด้วย พวกคุณจับมาผิดคน พวกคุณปล่อยเสี่ยวซินไปได้ไหมคะ”
เขามองหลินเช่อ “ตอนนี้ตัวเธอเองยังรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้ ยังจะห่วงคนอื่นอีกเหรอ”
หลินเช่อบอก “เธอยังเป็นเด็ก เธอไม่ควรต้องมาลำบากเพราะฉัน คุณทำความดีช่วยปล่อยเธอไปได้ไหมคะ”
ผู้ชายไม่พูดถึงพระโพธิสัตว์ ไม่ควรปล่อยเสี่ยวซินเพราะคำพูดของเธอ
แต่ว่า คนหน้าตาดีก็มีข้อดีแบบนี้ เพราะเขาคิดว่าหลินเช่อสวย หลินเช่อพูดอะไรเขาก็โอนอ่อนตามไปด้วย เมื่อได้ฟังหลินเช่อพูดแบบนี้ ก็คิดว่าหลินเช่อเป็นคนดี สวย แถมยังจิตใจดี
“เรื่องนี้เราทำไม่ได้หรอก เอาล่ะ พวกเธอทานอะไรก่อนเถอะ ท้องอิ่มถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ”
เขาให้คนนำหมั่นโถวเข้ามาให้แต่ตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกลู่ชูเซี่ยถีบเข้ามา…