ทุกคนต่างตกใจ รีบชะโงกขึ้นมามองหลินเช่อที่อยู่บนพื้นในตอนนี้
หลินเช่อพิงอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอดูสับสน สองมือกำแน่นอยู่ข้างกาย ราวกับไม่เต็มใจ ดวงตาที่มองขึ้นไปด้านบนนั้นเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา กระบอกตาแดงก่ำ ทว่ายังคงอดกลั้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา
“ต้องออกไปได้แน่นอน ต้องออกไปให้ได้…ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่…ขายหน้าชะมัด” เธอพูด จากนั้นแสดงความโศกเศร้าออกมา อารมณ์เหมือนเด็กน้อย ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง
ดวงตาฉินหวานหว่านเคลื่อนไหวไปมา นี่มันเป็นฉากที่อยู่ในบทหรือเปล่า ทำไมเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
หลินเช่อไม่ได้แสดงฉากที่เธอถนัด แต่กลับใช้ฉากนี้มาแสดงแทน
นี่หมายความว่าอย่างไร
ขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงอยู่นั้น นักเขียนก็ลุกขึ้นยืน
“โอ้ คุณแสดงฉากที่ตัวนางเอกซูมู่เหลียงตกลงไปในถ้ำใช่ไหมครับ”
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มให้นักเขียน “ใช่ค่ะ”
เธอปัดก้นลุกขึ้นยืน ฉากเมื่อสักครู่นั้น ทำให้คนต้องยกมือขึ้นขยับกรอบแว่น รู้สึกประหลาดใจ แต่ว่าการแสดงนั้นเข้าถึงบทบาทจนทำให้ทุกคนต่างอินตามไปด้วย
นักเขียนเอ่ยถาม “ฉากนี้ผมยังไม่ได้เขียนลงในบท คุณอ่านมาจากเล่มนิยายใช่ไหมครับ”
หลินเช่อยิ้มพยักหน้าตอบรับ “ใช่แล้วค่ะ แม้ว่าซูมู่เหลียงคนนี้จะเข้มแข็งมาตลอด ทำให้คนคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ดังนั้นมุมที่ทุกคนเห็น ส่วนใหญ่จึงเป็นภาพที่เธอใช้เวทมนตร์ด้วยท่าทางเย็นชา แต่ว่าฉันอ่านมาถึงตรงนี้ โดยเฉพาะประโยคด้านหลังนั้น ขายหน้าชะมัด แสดงถึงความเป็นเด็กของเธอ ฉากนี้น่าจะเหมาะที่สุดที่ทำให้เห็นถึงจิตใจที่แท้จริงของซูมู่เหลียง ไม่ใช้ภาพที่แสดงให้คนอื่นได้เห็น อีกทั้งฉากนี้นับว่าเป็นฉากหายากที่ซูมู่เหลียงจะแสดงด้านที่อ่อนแอของตนออกมา ฉันเลยลองแสดงบทนี้ดูค่ะ”
นักเขียนมองหลินเช่อด้วยความยินดี ไม่คิดเลยว่าเธอจะอ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆ เมื่อสักครู่ไม่ได้แค่จะทำความสนิทสนมกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น ฉากนี้ที่เธอพูดก็เป็นฉากโปรดของเขา เป็นฉากที่เขารู้สึกภาคภูมิใจ ไม่คิดว่าหลินเช่อเองก็มองเห็นอีกด้านของตัวละครซูมู่เหลียงในฉากนี้เช่นกัน ทำให้เขาปลื้มใจมาก
หลินเช่อบอกยิ้มๆ “ฉันคิดว่า บทบาทที่ฉันเคยได้รับก่อนหน้านี้ก็มีความคล้ายคลึงกับซูมู่เหลียงอยู่เหมือนกันค่ะ พวกคุณอาจจะเบื่อภาพลักษณ์แข็งๆ ของเธอแล้ว ฉันก็เลยลองแสดงฉากนี้ให้พวกคุณได้ดู ถือว่าได้ดูอะไรใหม่ๆ ด้วยค่ะ”
เธอพูด สายตาเหลือบไปมองฉินหวานหว่าน
สองมือของฉินหวานหว่านกำแน่น
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าตั้งใจพูดให้เธอฟัง
ใช่ ถึงฉินหวานหว่านจะแย่งการแสดงของเธอไป แล้วอย่างไรล่ะ นั่นเป็นการแสดงในแบบที่หลินเช่อถนัด ใครๆ ต่างก็รู้ดี ถ้าอยากดูก็ไปดูผลงานที่ผ่านมาของเธอก็ได้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องแสดงอีกครั้งเลยสักนิด อย่างไรทุกคนก็เคยดูมาแล้ว ครั้งนี้แสดงในแบบที่ทุกคนยังไม่เคยได้เห็น ว่าเธอก็ไม่ได้ถนัดเฉพาะแบบนั้น นักแสดงมืออาชีพ ได้รับบทบาทที่แตกต่าง ก็จะมีวิธีแสดงที่ต่างกันออกไป
เพียงแต่เธอแสดงบทบาทนั้นแล้วดังขึ้นมา จากนั้นผู้จัดเห็นบทที่คล้ายกันจึงเรียกเธอไปแสดงอีกก็เท่านั้นเอง
หลินเช่อบอก “ฉันคิดว่าบทซูมู่เหลียงในครั้งนี้ แตกต่างจากบทที่เคยได้รับ อย่างแรกฉันสามารถแสดงออกมาให้เห็นถึงจิตใจของเด็กสาวได้ ถึงจะเย็นชาแค่ไหน ก็ยังมีจิตใจที่เป็นเด็กอยู่”
นักเขียนพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นครับ ความจริงเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง อยู่กับเวทมนตร์อูกู่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ถนัดอย่างอื่นเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงยังบริสุทธิ์ คุณเข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ”
“คุณชมเกินไปแล้วค่ะ เพราะคุณเขียนตัวละครตัวนี้ได้น่ารักมากๆ ไงละคะ ฉันชอบมากเลย ก็เลยเข้าใจได้เป็นอย่างดี”
ทุกคนพยักหน้าช้าๆ หันไปพูดคุยกัน ทว่าฉินหวานหว่านกลับมองหลินเช่อด้วยสายตาอาฆาต
หลังจากการคัดเลือกสิ้นสุดลง
หยางหลิงซินเดินตามหลัง คิ้วขมวดมุ่นด้วยความโกรธ
“พี่เช่อ พี่เก่งมากเลยค่ะ ฉันว่านักเขียนท่านนั้นต้องคิดว่าพี่เหมาะสมมากแน่ๆ ดวงตาเขาเปล่งประกายขนาดนั้น ผู้กำกับ ผู้จัดก็ด้วย ล้วนคิดว่าพี่เก่งทั้งนั้น สายตาที่มองพี่ก็เปลี่ยนไป”
หลินเช่อตอบ “มีปัญหาก็ต้องแก้ไข เดิมก็ไม่ได้คิดจะแสดงฉากนี้หรอก ยังไงก็คือการแคสติ้ง แค่แสดงเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องแสดงเหมือนจะไปแข่งที่ไหน ใครจะรู้ว่าฉินหวานหว่านจะรังแกกันแบบนี้ ตั้งใจเลียนแบบการแสดงของฉัน เห็นได้ชัดว่ากำลังโจมตีฉัน ตอนแรกฉันโกรธมากก็เลยคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้”
“ใช่นะสิคะ ใครใช้ให้เธอเล่นอะไรบ้าๆ แบบนั้นก่อน ความสามารถของพี่เช่อไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดถึง นึกว่าตัวเองเก่งมากหรือยังไง สุดท้ายก็ไม่เก่งเท่าพี่เช่อของเราด้วยซ้ำ มาหาเรื่องเราแท้ๆ แต่กลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวซะงั้น”
ขณะเดียวกัน ฉินหวานหว่านก็เดินออกมาจากด้านใน
เธอไม่แม้แต่จะเสแสร้งด้วยซ้ำ มองหน้าหลินเช่อแล้วเดินจากไปทันที
พี่หลินผู้จัดการของเธอมองหันมามองหลินเช่อ แล้วเดินตามออกไปเช่นกัน
เมื่อออกไปถึงด้านนอก นักข่าวก็รุมล้อมเข้ามา
ฉินหวานหว่านกลับเดินหนีไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ผู้จัดการบอกอยู่ด้านหลัง “ไม่ต้องมองแล้ว ไม่ต้องถ่ายแล้ว ก็แค่มาแคสติ้ง ใครได้รับคัดเลือกหรือไม่ได้รับเลือกก็ไม่มีอะไรสำคัญ ยังไงแต่ละปีก็มีละครตั้งมากมาย…”
นักข่าวต่างก็ตกใจจนนิ่งค้าง
ตอนแรกพวกเขาไม่ได้พูดแบบนี้ ยังพูดเหมือนตัวเองจะได้รับเลือก
ทำไมพอเข้าร่วมคัดเลือกเสร็จแล้ว ถึงได้เปลี่ยนคำพูดแล้วล่ะ
ในรถ ฉินหวานหว่านเอ่ยขึ้นมา “ไม่คิดเลยว่าหลินเช่อคนนี้จะเจ้าเล่ห์ไม่เบา ไปอ่านนิยายน้ำเน่านั่นจนจบ ตั้งใจเลือกฉากที่ไม่มีในบทมาแสดง เหอะ”
“นั่นน่ะสิ ดูเธอแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่กลับวางแผนล้ำลึก แสดงออกมาว่าไม่สนใจ ความจริงมันก็แค่ทำให้เราเห็น ต่อไปจะดูถูกเธอไม่ได้อีกแล้ว”
“เหอะ ครั้งนี้เธอนึกว่าจะได้บทไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ ใสซื่อเกินไปหรือเปล่า อยากได้บทไม่ใช่แค่การตัดสินใจของคณะผู้จัดหรอกนะ”
ฉินหวานหว่านพูด ใบหน้าแสดงความร้ายกาจออกมา
——
หลินเช่อกลับมาถึงบริษัท ทว่าเฉินจิ้งเต๋อมารอเธออยู่ก่อนแล้ว
หลินเช่อรู้ดีว่าผู้จัดการเฉินคนนี้อยู่ข้างฉินหวานหว่าน ดังนั้นมองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก พูดกับเขาตรงๆ “ประธานเฉินมาที่ห้องทำงานของฉัน มีอะไรจะชี้แนะเหรอคะ”
เฉินจิ้งเต๋อหัวเราะ เดินเข้ามาใกล้เธอ “หลินเช่อ ผมได้ยินมาว่าการแคสติ้งครั้งนี้ คุณทำได้ไม่เลวเลย”
“ฉันแค่ทำสุดความสามารถ ไม่ได้มีอะไรเลวไม่เลวเลยค่ะ” หลินเช่อบอกอย่างราบเรียบ
เฉินจิ้งเต๋อบอก “เพียงแต่ความจริงเรามีบทที่ดีกว่านั้น เรื่องที่ดีกว่านั้น อยากจะมอบให้คุณ คุณแสดงบทแบบนี้มาเยอะแล้ว เพื่อไม่ให้มันดูซ้ำซาก ไม่ลองดูแบบอื่นจะดีกว่าไหม…”