กลางคืน หยางหลิงซินนั่งจิตใจห่อเหี่ยวอยู่ในห้องตัวเอง นึกถึงกู้จิ้งเจ๋อแล้วรู้สึกไม่ยุติธรรม ส่องกระจกมองตัวเอง เธอก็ไม่ได้สวยน้อยไปกว่าหลินเช่อนะ
สมัยยังเด็กเธอเองก็เป็นสาวน้อยคนสวยที่ใครๆ ก็ชอบ เพียงแต่ที่บ้านไม่มีเงินแต่งตัว ดังนั้นเธอจึงเหมือนถูกฝังกลบ แต่หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นความเคยชิน ต่อมาเธอถูกเหล่าคุณชายพวกนั้นชื่นชอบ เพียงแต่เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้น จึงไม่ได้ยอมพวกเขา
ตอนนี้ มาอยู่ตรงนี้ กลับถูกคนบอกเสมอว่าเธอขี้เหร่กว่าหลินเช่อ
ความจริงถ้าไม่ได้อยู่ข้างๆ หลินเช่อ เธอก็เป็นคนสวยคนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อถูกเปรียบเทียบกับหลินเช่อ เธอก็สู้หลินเช่อไม่ได้
อย่างไรซะหลินเช่อก็เป็นดารานะ ทุกคนก็ต้องคิดว่าเธอโดดเด่นอยู่แล้วสิ
ตอนนั้นเอง อวี๋หมินหมิ่นก็โทรมาหาหยางหลิงซิน
หลายวันมานี้ ช่วงนี้เธอถูกสั่งงานประจำวันของหลินเช่อผ่านทางโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ หยางหลิงซินรีบเก็บอารมณ์ จากนั้นรับโทรศัพท์
อวี๋หมินหมิ่นแจกแจงงานเล็กน้อย จากนั้นวางสาย เธอคิดแปลกใจ ไม่รู้ทำไมหยางหลิงซินยังพักอยู่ที่บ้านตระกูลกู้ไม่ยอมไปไหน
หลินเช่อไม่กล้าไล่ เธอต้องหาโอกาสเตือนหยางหลิงซินสักหน่อย ให้เธอรู้จักระวังบ้าง
——
อวี๋หมินหมิ่นไปดูบ้านที่กู้จิ้งหมิงเตรียมไว้ให้ครอบครัวของเธอแล้ว วันต่อมาจึงเตรียมย้ายบ้าน
คนของกู้จิ้งหมิงที่ส่งมานั้นได้เก็บของเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเรียกรถย้ายบ้านมาสองคันมาขนย้ายไป
มีของหลายอย่างมากที่ไม่สามารถย้ายออกไปได้ อย่างไรก็เก่าแล้ว แต่ก็มีของบางอย่างที่แม่ไม่ยอมทิ้ง จึงต้องเอาไปด้วย
แม่อวี๋ยืนดูคนเคลื่อนย้ายของอยู่ตรงนั้น พ่ออวี๋มีท่าทางตื่นเต้นหันไปคุยกับอวี๋หมินหมิ่น “ที่นั่นเป็นคฤหาสน์ใหญ่หรือเปล่า ดีหรือเปล่า”
อวี๋หมินหมิ่นคร้านจะสนใจเขา บอกเพียงว่า “ที่นั่นเป็นที่ที่กู้จิ้งหมิงให้เราอยู่ชั่วคราว ไปถึงแล้วอย่าวุ่นวายทำของเขาพังล่ะ คุณชดใช้ไม่ไหวหรอก”
ข่มขู่สักหน่อย พ่ออวี๋ยกมือขึ้นมาจับศีรษะด้วยความหวาดกลัว “นั่นคือลูกเขยของฉัน ฉันทำของเขาพังเล็กๆ น้อยๆ ก็ยอมกันไม่ได้เลยเหรอ”
แต่เมื่อพูดแล้ว เขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรมาก อย่างไรซะนั่นก็คือท่านประธานาธิบดี ถ้าโกรธขึ้นมา มีหรือเขาจะไม่กล้า
เพื่อนบ้านเห็นพวกเขาย้ายบ้าน มายืนอยู่หน้าประตูแล้วบอก “อยู่มาด้วยกันหลายสิบปี พวกคุณจะย้ายไปแล้ว เฮ้อ เขตนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว ค่อยๆ พากันทยอยย้ายออกไป”
แม่อวี๋เองก็ทำใจยาก “ต่อไปเราก็ยังจะกลับมาเล่นกับพวกคุณ อย่างไรซะที่นั่นก็ไม่รู้จักใครสักคน อยู่ไปก็คงยังไม่ชิน”
“เอาล่ะ พวกคุณไปอยู่บ้านหลังใหญ่ มีชีวิตที่ดี ถึงเราจะทำใจไม่ได้ ก็ยังยินดีกับพวกคุณด้วย”
“นั่นน่ะสิ อวี๋หมินหมิ่นของพวกคุณนี่มีหน้ามีตา ได้เป็นภริยาประธานาธิบดี ทุกคนต่างก็อิจฉา”
ทุกคนถอนหายใจมองครอบครัวตระกูลอวี๋ เพียงไม่นาน พวกเขาก็จะไปมีชีวิตที่ดีแล้ว
มีคนพูดขึ้นว่า “ตึกของเรา ตอนนี้มีคนจะมาขอซื้อแล้ว บอกว่าเป็นที่อยู่ของภริยาประธานาธิบดี ฮวงจุ้ยน่าจะดี”
นี่เกินไปหรือเปล่า
อวี๋หมินหมิ่นฟังอยู่ด้านใน รู้สึกว่าคนพวกนี้มีความคิดแปลกประหลาด
จากนั้น พวกเขาย้ายออกไป หลายคนปากบอกอิจฉา แต่ในใจนั้นไม่ยินดี โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเมื่อก่อน ทั้งครอบครัวอาศัยเงินจากอวี๋หมินหมิ่นเพียงคนเดียว ลำบากขนาดนั้น
ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ไปมีชีวิตที่ดีแล้ว
ไม่นานรถก็มาถึงบ้านที่เตรียมเอาไว้
เมื่อลงรถแล้ว แม่อวี๋ก็อดถามไม่ได้ “ที่นี่ใหญ่มากเลย มีแค่เราอยู่เหรอ”
บ้านสองชั้น รวมทั้งสิ้นสองร้อยตารางเมตร ความจริงไม่นับว่าใหญ่อะไรเลย
แต่ว่า เมื่อเทียบกับบ้านหลังเดิมที่เราเคยอยู่แล้ว มันใหญ่กว่ามาก
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ใช่ค่ะ ที่เดิมมันเล็กเกินไป ไม่พออยู่หรอก”
พ่ออวี๋ดีใจมาก ชื่นชม “อวี๋หมินหมิ่นของเราเก่งมาก มัวรออะไรอยู่ล่ะ รีบเข้าไปกันเถอะ เก็บของ เก็บของ อะไรผุๆ พังๆ ของคุณทิ้งไปเลย ที่นี่มีอะไรที่ยังไม่มีอีกล่ะ”
แม่อวี๋บอก “ทิ้งอะไร เขาก็บอกแล้วว่าให้เราอยู่ชั่วคราว ต่อไปเกิดได้ใช้ล่ะ”
พ่ออวี๋บอก “ช่างเถอะ สำหรับตระกูลกู้แล้วบ้านหลังเล็กนี้จะอะไรกันเชียว ให้เราแล้วก็ไม่เอาคืนหรอก วางใจเถอะต่อไปนี้ ครอบครัวเรานับว่ามีชีวิตที่ดีแล้ว”
“อวี๋หมินหมิ่นจ้องหน้าพ่อเธอเขม็ง ประคองแม่แล้วบอก “แม่ อย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ”
เมื่อน้องชายกลับมาเห็นที่นี่แล้วก็ชอบมากเช่นกัน
เขาพูดอย่างดีใจ “เยี่ยมไปเลย ต่อไปพาเพื่อนมาเล่นที่บ้านก็มีที่พักแล้ว ผมก็มีห้องของตัวเองแล้ว”
เขามองไปที่อวี๋หมินหมิ่นแล้วบอก “ดูเหมือนพี่เขยจะดีกับพี่มากเลยนะครับ”
“สนใจอะไรมาก เข้าไปเถอะ”
ใบหน้าอวี๋หมินหมิ่นแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
พี่เขยอะไรล่ะ
เพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ เองก็ตกใจ ที่นี่ถูกซื้อไปหลายปีแล้ว แต่ก็ว่างตลอดไม่มีใครอยู่
ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนที่ซื้อที่นี่ไปนั้นเป็นคนมีอำนาจ ทว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร
วันนี้เห็นว่าคนที่ย้ายเข้ามาคือครอบครัวตระกูลอวี๋ จึงได้เข้าใจ ที่แท้คนที่ซื้อที่นี่ไปคือท่านประธานาธิบดีนี่เอง
นี่พวกเขาเป็นเพื่อนบ้านกับภริยาประธานาธิบดีเลยนะ
เพื่อนบ้านต่างพากันส่งของขวัญมาให้ ท่าทางเป็นมิตร ทำให้อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกถึงความอบอุ่นจากน้ำใจของพวกเขา
ตอนนั้นเองหลินต๋าก็โทรเข้ามา แจ้งว่าคืนนี้ท่านประธานาธิบดีมีงานเลี้ยงต้องไปด้วยกัน
อวี๋หมินหมิ่นจึงให้พวกเขาจัดการกันเอง ตัวเองรีบกลับไปเตรียมตัวเข้าร่วมงานเลี้ยง
กลับมาถึงทำเนียบหลิวลี่ กู้จิ้งหมิงก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน
เขาแต่งตัวรออวี๋หมินหมิ่นเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นอวี๋หมินหมิ่นกลับมาแล้วจึงถาม “ที่บ้านย้ายของเรียบร้อยแล้วเหรอ”
อวี๋หมินหมิ่นพยักหน้า “ใช่ค่ะ พ่อแม่ฉันดีใจมากเลย” เธอเงยหน้าขึ้นมามองกู้จิ้งหมิง “ขอบคุณนะคะที่เตรียมบ้านที่ดีแบบนั้นให้พวกเรา”
กู้จิ้งหมิงบอก “ไม่ต้องขอบคุณผมบ่อยขนาดนั้นหรอก”
อวี๋หมินหมิ่นยังคงยิ้ม หันมาบอกสาวใช้ให้เตรียมชุดให้ จากนั้นรีบเข้าไปเปลี่ยน
ตอนออกมา กู้จิ้งหมิงยังนั่งอยู่ตรงนั้น เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นอวี๋หมินหมิ่นสวมชุดเดรสยาวหรูหรา ในความสง่างามยังมีเสน่ห์ซ่อนอยู่
อาจเพราะเธอรู้สึกว่าด้านบนนั้นแหวกลึกเกินไป ดังนั้นจึงยกมือขึ้นปิดหน้าอกตลอด ทำให้คนที่เห็นต้องกลืนน้ำลาย กู้จิ้งหมิงหรี่ตามอง
อวี๋หมินหมิ่นส่องกระจก รู้สึกว่าไม่ว่าจะสวมอย่างไรตัวเองก็ยังรู้สึกอึดอัด
ตอนที่มันแขวนอยู่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเซ็กซี่ ทำไมเวลาสวมแล้วถึงได้…
หรือเพราะรอบอกเธอใหญ่เกินไปหรือเปล่านะ
วินาทีต่อมา เธอรู้สึกว่าเอวของเธอนั้นถูกกอดรัดมาจากด้านหลัง
อวี๋หมินหมิ่นตัวแข็งทื่อ ลมหายใจมีกลิ่นกายหอมที่คุ้นเคยของเขา กลิ่นอายของความเป็นผู้ชายซ่อนอยู่ในนั้น อวี๋หมินหมิ่นหน้าแดงขึ้นมา
“คุณทำอะไรคะ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปเปลี่ยนชุด…”
“ไม่ต้องเปลี่ยน สวยแล้ว” เสียงของเขาดังขึ้นข้างหู