อวี๋หมินหมิ่นตะลึงงัน
เมื่อหันกลับไปมอง ผู้ชายด้านหลัง คือสวี่อี้ที่อยู่ในงานเลี้ยงด้วยกันเมื่อสักครู่
เขามองเหล่าชายตรงหน้าที่ค่อยๆ ล้อมเข้ามา ส่งเสียงเย้ยหยัน “ตามมาถึงที่นี่เลยเหรอ”
ผู้ชายพวกนั้นทิ้งรถมอเตอร์ไซค์ “สวี่อี้ ครั้งนี้แกเล่นกับความรู้สึกของคุณหนูของพวกเรา เรื่องนี้คุณหนูไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”
อวี๋หมินหมิ่นหลบไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกลูกหลง
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่างพากันเดินหลีกหนีไปตามๆ กัน
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ทุกคนต่างก็ตกอกตกใจ
โดยเฉพาะในยามที่เหลือบไปเห็น ว่าในมือของพวกเขาแต่ละคนนั้นกำลังถือกระบองใหญ่มาด้วย และสวี่อี้นั้นมีคนเดียว อีกทั้งยังไม่มีอาวุธอะไรเลย
“ผู้ชายคนนั้นคงไม่เละเป็นหมูสับหรอกใช่ไหม” คนที่เดินผ่านเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอก คุณรู้หรือเปล่าว่าเขาคือใคร เขาคือสวี่อี้นะ”
“อ๋อ…เพลย์บอยสวี่อี้น่ะเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ก่อนหน้านี้เขาคบกับคุณหนูตระกูลดัง เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ช่วงหนึ่ง สุดท้ายไม่ทันถึงเดือนก็ทิ้งเธอ แล้วไปอยู่กับดาราสาวอีกคน พวกนี้คือคนของคุณหนูคนนั้นตามมาไงล่ะ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความเจ้าชู้ของเขาสร้างเรื่องให้ตัวเองหรอกนะ”
“งั้นก็สมควรแล้วหรือเปล่า”
“คุณชายรวยๆ พวกนี้ ชอบผลาญเงินอยู่แล้ว ไม่มีอะไรทำก็เลี้ยงผู้หญิงไปเรื่อย เขายังเป็นเพื่อนสนิทของท่านประธานาธิบดีอีกนะ”
“ผู้ชายเย็นชาไม่สนผู้หญิงคนไหนอย่างท่านประธานาธิบดี ทำไมถึงได้เป็นเพื่อนกับเพลย์บอยแบบนี้ได้นะ”
“เรื่องนี้ก็ไม่รู้สิ เธอดูสิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นไม่กล้าเข้ามายุ่งเลย เพราะเรื่องแค่นี้ไม่คณามือสวี่อี้หรอก เขาเจ้าชู้อยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งฝ่ายนั้นก็ยังไม่ได้หาเรื่องอะไรมาก”
“ยังไงซะ ความสนุกแบบนี้ของคนรวย เราอยู่ให้ห่างจะดีกว่า”
หลายคนพูด จากนั้นถอยห่างออกไป
อวี๋หมินหมิ่นเองก็ไม่ได้อยากยุ่ง หันไปมองสวี่อี้ที่อยู่คนเดียวตรงนั้น เขาถอดเสื้อนอกออก บอกกับคนตรงหน้า “เอาสิ ครั้งนี้พวกนายเตรียมกันมากี่คนล่ะ”
“ครั้งนี้จะต้องตัดขาคนเลวๆ อย่างนายให้ได้ ให้ดี ตัดขาที่สามของนายออกไปด้วย จะได้ไม่ต้องไปล้อเล่นกับผู้หญิงที่ไหนอีก”
“ฮ่าๆ งั้นก็เข้ามาสิ”
หลายคนกรูเข้าไปพร้อมกัน
สวี่อี้ต่อสู้อยู่ตรงนั้น ฝีมือเขาไม่เลว ทว่าก็ยังเอาพวกเขาไม่อยู่ เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนเยอะมาก
อวี๋หมินหมิ่นเองก็อยากหลบไป แต่ว่าตอนนี้สวี่อี้ยังอยู่ท่ามกลางวงล้อม ไม่มีใครเข้าไปช่วยเขา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านใน ก็ไม่มีใครเข้ามาใกล้เลยแม้แต่น้อย
เธอถอนหายใจ
“ให้ตายเถอะ…ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ทำไมถึงมามีเรื่องกันอยู่ต่อหน้าฉันนะ ฉันจะไม่สนก็คงไม่ได้…”
อวี๋หมินหมิ่นมองไปรอบๆ คิดคำนวณอยู่ในใจ…
พวกเขาพุ่งเป้าโจมตีไปที่แขนของสวี่อี้
สวี่อี้เจ็บ แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ อยากหนีก็คงเป็นไปได้ยาก อย่างไรซะตอนนี้ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยศัตรู
ตอนนั้นเอง ดอกไม้ไฟก็ส่องสว่างขึ้นด้านข้าง
ดอกไม้ไฟชุดใหญ่กำลังปะทุขึ้น พุ่งผ่านเลยไปยังเหล่านักเลงพวกนั้น
ปะทุอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังลุกไหม้ไปทั้งเมือง
ทุกคนตกใจรีบวิ่งไปด้านหลัง
สวี่อี้เองยังคงยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งแขนของเขามีคนคว้าไป
“โง่หรือยังไง ยังไม่รีบหนีอีก อยากให้มีคนตัดแขนคุณไปได้จริงๆ หรือยังไง”
เขาหันกลับมา ตอนที่มองเห็นอวี๋หมินหมิ่นแล้ว เขายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
วินาทีต่อมา
อวี๋หมินหมิ่นจับเขาเอาไว้แล้ววิ่งเข้าไปด้านใน
สวี่อี้จึงได้แต่วิ่งตามไปด้วยความมึนงง
ด้านหลัง กว่านักเลงพวกนั้นจะทันมองเห็น ก็เป็นตอนที่ทั้งสองวิ่งเข้าไปด้านในซะแล้ว
“บัดซบ มันหนีไปแล้ว…”
“ผู้หญิงมาจากไหนวะ”
“ทำไมฉันเห็นเหมือนภริยาท่านประธานาธิบดีเลย…”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง…”
เข้ามาด้านในแล้ว
สวี่อี้รู้สึกราวกับฝันไป เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเอาไว้งั้นเหรอ แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นอวี๋หมินหมิ่นอีกด้วย
อวี๋หมินหมิ่นปัดมือ มองดูชุดยับเยินของตัวเอง ชุดแพงขนาดนี้ จริงๆ เลย…
“ขอบคุณนะครับ ว้าว คุณไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง” สวี่อี้ถาม
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ฉันออกไปสูดอากาศ นี่ ดูคุณทำสิ ชุดฉัน”
“ครับๆ ขอโทษด้วย เดี๋ยวผมชดใช้คืนให้ จริงสิ กลุ่มบอลไฟเมื่อสักครู่คืออะไรเหรอ”
“น้ำมันเบนซินไง คนโง่”
“ว้าว วิธีการบ้าบอขนาดนี้คุณยังคิดได้”
“ก็ไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณโดนซ้อมจนเกือบตายไปแล้วหรือไงกันล่ะ”
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณครับพี่สะใภ้”
สวี่อี้รีบขอบคุณ เห็นว่าอวี๋หมินหมิ่นหมุนตัวเดินเข้าไปด้านใน ตัวเองจึงรีบสะบัดตูดตามเข้าไปด้วย
ด้านใน
กู้จิ้งหมิงที่กำลังสั่งให้คนออกตามหาอวี๋หมินหมิ่นอยู่นั้น เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นทั้งสองกำลังเดินเข้ามาพลางหัวเราะพูดคุยกัน
ทุกคนชะงัก
ฟางจ้งโหมวเอ่ยขึ้นมา “ไม่ใช่หรอกมั้ง สวี่อี้เจ้าเด็กคนนี้…”
ดวงตาของหยินซู่หย่าเองก็ชะงักไปเล็กน้อย
กู้จิ้งหมิงหรี่ตามองไปยังอวี๋หมินหมิ่น
จากนั้น เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาอวี๋หมินหมิ่น
สวี่อี้ยังบอก “จิ้งหมิง พี่สะใภ้กล้าหาญจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีคุณธรรมขนาดนี้มาก่อนเลย”
กู้จิ้งหมิงเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”
สวี่อี้เอ่ยชื่นชมขึ้นมา
อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกเขินกับคำชมของเขาขึ้นมาทันที
แต่ว่าสวี่อี้นั้นรู้สึกแปลกใจและประหลาดใจต่ออวี๋หมินหมิ่นมากทีเดียว
——
วันต่อมา หลินเช่อเดินทางไปที่บริษัทพร้อมกับหยางหลิงซิน
ยังไม่ทันถึง หยางหลิงซินก็บอก “ผู้จัดการเฉินโทรหาฉันแล้วค่ะ บอกว่าถ้าเราไปถึงแล้วให้ไปที่ห้องประชุมเลย พวกเขาคงไม่ได้คิดจะให้เราทิ้งละครเรื่องนี้อยู่ใช่ไหมคะ พี่เช่อ เราจะทำยังไงกันดีคะ”
หลินเช่อมองตรงไปด้านหน้า “แค่ไปดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
หยางหลิงซินประคองหลินเช่อลงจากรถ
จากนั้นหยางหลิงซินก็เดินตามลงมา
ช่วงนี้ เธอมาบริษัทพร้อมกับหลินเช่อตลอด ทุกคนต่างก็อิจฉา บอกว่าที่แท้เธอก็พักอยู่ด้วยกันกับหลินเช่อ ทำไมถึงได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาล่ะ
หยางหลิงซินอยากบอกมากเลยว่า ใช่ เธอเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลกู้ ได้นั่งรถหรู ทานอาหารอร่อยๆ หลากหลายชนิดที่เชฟทำให้ เธอคิดว่า ชีวิตแบบนี้ เป็นชีวิตที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่เธอเกิดมา
ที่บ้านเองก็โทรหาหยางหลิงซิน ถามเธอว่าทำไมถึงไม่กลับบ้าน
เธอบอกกับที่บ้านไปว่า ตอนนี้เธอมีชีวิตสุขสบาย ไม่อยากกลับไปเลยสักนิด
เธอบอกกับแม่ของเธอว่า “แม่ไม่ต้องโทรหาหนูแล้ว ตอนนี้หนูอยู่บ้านหลังใหญ่โต มีสาวใช้คอยเก็บห้องให้ เสื้อผ้าอาหารการกินล้วนเป็นของดีๆ ทั้งนั้น แม่จะให้หนูกลับไปอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นั่น หนูจะรับได้ได้ยังไง”
หยางหลิงซินคิดว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอก็คงชินกับชีวิตแบบนั้น แต่ว่า ตอนนี้เธอมีชีวิตที่สุขสบาย จะให้เธอกลับไปอยู่แบบนั้นเธอทำไม่ได้หรอก…
——
ห้องทำงาน
หลินเช่อพึ่งก้าวเดินเข้าไป คนด้านในก็เดินเข้ามารับทันที
“หลินเช่อ เธอดูนี่สิ เราเตรียมบทละครเอาไว้ให้เธอเยอะเลย เป็นละครฟอร์มยักษ์ทั้งนั้น ลงทุนสร้างดี ผู้กำกับดี ต้องดังแน่ๆ พวกเขาต่างก็ยินดีมากถ้าหากเธอไปร่วมแสดงด้วย”
แน่นอน ตอนนี้หลินเช่อมีชื่อเสียงมาก เพียงแค่ได้รับคำอนุญาตจากบริษัท ก็มีบริษัทมากมายยินดีที่ดึงเธอไปร่วมงานด้วย