หลินเช่อเดินเข้ามา มองคนของบริษัท เธอยิ้มบางๆ ตอบกลับไป “พวกคุณหมายความว่ายังไงคะ ตอนนี้กำลังบีบบังคับให้ฉันทิ้งละครเรื่องนี้เหรอ”
ทุกคนหันไปมองสบตากัน
เพราะเมื่อสักครู่ กองละครบันทึกอูกู่แจ้งมาว่า พวกเขาลงความเห็นกันว่าหลินเช่อเหมาะสมกับบทบาทนี้ที่สุด
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ดูการแคสบทของเธอและฉินหวานหว่านแล้ว ต่างก็คาดเดากันว่าหลินเช่อจะได้บทนี้ไป
ดังนั้นจึงได้ลองดู แต่สุดท้ายก็ถูกหลินเช่อปฏิเสธ
ตอนนี้อีกฝ่ายโทรติดต่อมาแล้ว บอกว่าอยากได้หลินเช่อ พวกเขาจึงต้องมาคิดหาวิธี
อย่างไรซะตอนนี้ฉินหวานหว่านก็ต้องการแค่บันทึกอูกู่เรื่องนี้เรื่องเดียว บริษัทของพวกเขายังมีทรัพยากรบทละครที่น่าสนใจอย่างอื่นอยู่มาก ไม่ได้ดีน้อยไปกว่าบันทึกอูกู่เลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับหลินเช่อว่าจะยอมหรือเปล่า
หลินเช่อมอง “เรื่องไหนฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น ในเมื่อพวกคุณมากันแล้ว บันทึกอูกู่ยืนยันแล้วใช่ไหม เลือกฉันแสดงเหรอ”
คนที่มีฐานะเป็นหัวหน้าอย่างเฉินจิ้งเต๋อลุกขึ้น ตบโต๊ะเสียงดัง
หลินเช่อคนนี้ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ตอนนี้คิดจะต่อต้านงั้นเหรอ
เพราะเมื่อก่อน หลินเช่อว่าง่ายมาตลอด บริษัทบอกอะไรก็เชื่อฟัง
แต่ว่าตอนนั้น บริษัทสนับสนุนเธอเต็มที่ เพราะไม่มีฉินหวานหว่าน เธอจึงนับว่าเป็นความก้าวหน้าของบริษัท
ใครจะรู้ว่า ฉินหวานหว่านนั้นร่วมมือกับคณะบริหาร แทรกแซงคนในบริษัท กดดันผลักไสเธอแบบนี้
ก่อนหน้านี้หลินเช่อหายไปหนึ่งเดือน ฉินหวานหว่านจึงได้เข้ามายึดพื้นที่ในบริษัทแล้ว
หลินเช่อกลับมาครั้งนี้ คนพวกนี้ไม่มีใครยืนอยู่ข้างเธอแล้ว
“หลินเช่อ คุณรู้หรือเปล่า ตอนแรกคุณก็เป็นแค่ตัวประกอบ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ให้โอกาสกับคุณ คุณคิดว่าลำพังตัวคุณเองคุณจะดังได้งั้นเหรอ คุณมีชื่อเสียงขนาดนี้เพราะตัวคุณเองเหรอ”
ใช่ งานที่บริษัทให้มานั้นสำคัญ แต่ว่าความพยายามของเธอมันไม่ได้สำคัญเลยงั้นเหรอ
หลินเช่อบอก “ฉันรู้สึกขอบคุณบริษัทที่ป้อนงานให้กับฉัน แต่ว่า ฉันคิดเสมอว่าบริษัทกับนักแสดงต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน บริษัทให้งานฉัน ฉันเองก็ทำรายได้ให้บริษัทไม่น้อยเลยนะ ส่วนแบ่งรายได้จากเรื่องเทพธิดากรงทองในครั้งนี้ บริษัทก็เอาไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ฉันได้จากบริษัทแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอง รายได้หนังเรื่องนี้ร้อยสามสิบล้าน บริษัทเอาไปแล้วยี่สิบล้าน ฉันได้แค่ไม่กี่ล้าน ที่เหลือให้บริษัทไปจนหมด หรือว่านี่ไม่นับว่าเป็นเงินที่ฉันหาให้บริษัทเหรอ รวมทั้งค่าแบรนด์แอมบาสเดอร์ ค่าตอบแทนสำหรับรายการทีวีบางรายการ แต่ละปีฉันสร้างรายได้หลายร้อยล้านให้กับบริษัท หรือว่านี่ไม่ใช่ความสามารถของฉัน ไม่ใช่ความพยายามของฉันเหรอคะ”
เฉินจิ้งเต๋อสำลัก จากนั้นหันไปมองหลินเช่อ “คุณปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ คิดว่าตัวเองเก่ง แล้วจะมาแข็งข้อต่อบริษัท ได้ ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ บริษัทเราอยู่ในวงการนี้มานานหลายปีแล้ว เห็นนักแสดงแบบคุณมานักต่อนัก ถ้าตอนนี้คุณคิดว่าคุณจะอยู่ได้โดยไม่มีบริษัท คุณคิดผิดแล้ว ผมจะบอกให้นะ คุณเซ็นสัญญาสิบปี ตอนนี้พึ่งผ่านไปสามปี หนึ่งปีก็ขาดไม่ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง คุณจะถูกเราละเลย สัญญาไหนๆ ก็จะไม่ให้โอกาสคุณเซ็นแน่นอน”
หลินเช่อหัวเราะ
สิบปี หากหมดสัญญาอาจต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อยกเลิกสัญญา บางทีอาจต้องลงนามเซ็นชื่อว่าจะไม่ทำสัญญากับบริษัทอื่น แล้วค่อยปล่อยไป
บริษัทพวกนี้ชอบปิดทางศิลปิน พวกเขาเข้ามาในสายนี้แล้วจึงมารู้ทีหลังว่า คนภายนอกน้อยมากที่จะรู้เรื่องพวกนี้
แต่ว่าตอนนี้ หลินเช่อไม่กลัวพวกเขา
หลินเช่อบอก “ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน พวกคุณไม่อนุญาตให้ฉันรับละครสักเรื่อง ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกคุณเข้าข้างฉินหวานหว่าน งั้นคงต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ยอม ฉันปีกกล้าขาแข็งแล้ว งั้นฉันก็ต้องพูดเพื่อตัวเอง พวกคุณไม่ฟัง งั้นเราก็เจอกันที่ศาลแล้วกัน”
“ได้สิ ได้เลย งั้นคุณก็ลองดู ผมจะดูว่า เมื่อคุณมีคดี บันทึกอูกู่ที่ใกล้จะเปิดกล้องแล้ว เขายังจะให้คุณเป็นนางเอกอยู่หรือเปล่า”
บริษัทรู้ดีอยู่แล้ว ถึงแม้เธอจะยกเลิกสัญญาในตอนนี้ ต้องขึ้นศาล แบบนั้น ละครบันทึกอูกู่ก็คงไม่กล้าใช้นักแสดงที่มีคดีความ หากเกิดปัญหาอะไรกับสัญญาในอนาคต ก็จะส่งผลกระทบต่อกองละคร นั่นเป็นเรื่องสำคัญ
หลินเช่อยิ้มเย็น “ได้ งั้นเรามาลองดู”
หลินเช่อหมุนตัวเตรียมเดินออกไป
เฉินจิ้งเต๋อไม่คิดว่า หลินเช่อจะแข็งข้อขนาดนี้
เขาเอ่ยขึ้นมา “หลินเช่อ คุณคิดให้ดีนะ ว่าคุณอยากเป็นศัตรูกับเราจริงๆ เราบอกแล้วว่าเราจะชดเชยให้คุณ คุณจะไม่ยอมจริงๆ เหรอ”
“ไม่ยอมค่ะ”
“หลินเช่อ คุณ…ได้ ได้เลย ผมจะรอดูว่าคุณจะทำอะไรได้ รอถึงตอนชื่อเสียงของคุณย่อยยับเมื่อไหร่ แล้วคุณจะเสียใจ”
หลินเช่อยิ้มจากนั้นเดินออกไป
ชื่อเสียงย่อยยับงั้นเหรอ
ยอมเป็นหยกที่แหลกละเอียด แต่จะไม่ยอมเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ เธอไม่ยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ หรอกนะ
ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่บริษัทนี้ตัวคนเดียว เธออยู่กันเป็นทีม คนอื่นๆ ในสตูดิโอของเธอ พวกเขาต้องอาศัยเธอ ถ้าเธอยังอ่อนแอ ต่อไปคนเหล่านี้จะไม่ต้องคอยก้มหัวให้คนอื่นตลอดเลยหรืออย่างไร
เหมือนหลินเช่อจะเข้าในใจสิ่งที่กู้จิ้งเจ๋อเคยพูดเอาไว้ ตำแหน่งยิ่งสูง ความกดดันยิ่งมีมากขึ้น
ดังนั้นกู้จิ้งเจ๋อที่ต้องคอยดูแลตระกูลกู้ทั้งหมด เขาจึงลำบากมาก
และหลินเช่อ ตอนนี้ตัวเธอก็ต้องรับผิดชอบอนาคตคนอีกหลายคน เธอจะทำตัวสบายๆ ไม่ได้
คนในบริษัทเห็นว่าหลินเช่อไปแล้ว จึงเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนหลินเช่อจะแข็งข้อแล้วจริงๆ ถ้าเธอไปแบบนี้จริงๆ …”
“ดูเธอมั่นใจขนาดนั้น จะไม่ไปคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“งั้นก็น่าเสียดายแล้ว”
หลินเช่อกำลังมีชื่อเสียง กำลังเป็นต้นเงินได้ดีทีเดียว
แน่นอน ช่วงนี้เธอยังไม่มั่นคง ลาไปหนึ่งเดือนเต็มๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอหายไปไหน ทำให้คนในบริษัทเองก็เป็นกังวล
จึงพากันคาดเดาต่างๆ นานา หลินเช่อมีแผนอย่างอื่นแล้วหรือเปล่า เพราะฉินหวานหว่านเข้ามา เธอรู้สึกถึงความไม่มั่นคง จึงวางแผนจะแยกตัวออกไป
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แน่นอนว่าบริษัทไม่ยอมแน่
เฉินจิ้งเต๋อบอก “เฮ้อ แต่ว่า ตอนนี้ฉินหวานหว่านเองก็เป็นต้นเงินเหมือนกันนะ อนาคตเธอนั้นไร้ขีดจำกัด แน่นอน ยังไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับคณะกรรมการอีก”
ที่สำคัญขอแค่มีคนสนับสนุน คนคนนี้มีพรสวรรค์ เรื่องโด่งดัง มันแน่นอนอยู่แล้ว
เพียงแค่ต้องรอดูว่าใครจะดังมากกว่ากันก็เท่านั้น
ตอนนี้ฉินหวานหว่านมีคนสนับสนุน
แต่หลินเช่อ…แม้จะมีพรสวรรค์เหมือนกัน แต่ถ้าไม่เชื่อฟัง พวกเขาก็คงต้อง…ตัดรากถอนโคน เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทมีคู่แข่งขึ้นมา
“พรุ่งนี้เป็นต้นไป เริ่มทำลายหลินเช่อ”
หลินเช่อเองก็รู้ดี ตัวเองออกมาแบบนี้ พวกเขาคงคิดลงมือกับเธอแน่
แต่ว่า ภายในห้องสตูดิโอ หลายคนมองหน้าหลินเช่อ ฟังสิ่งที่หลินเช่อได้ตัดสินใจแล้ว เหล่าพนักงานในสตูดิโอของเธอต่างบอกว่า “เราจะตามพี่เช่อ เรามากับพี่เช่อ เราก็จะไม่มีวันหักหลังพี่เช่อเด็ดขาด”
หลินเช่อดีกับพวกเขามาโดยตลอด