วันต่อมา
หลินเช่อและหยางหลิงซินมาถึงบริษัทพร้อมกัน
คนที่บริษัทพลันถอนหายใจ อยากให้พวกเธอเข้าไปคุย
หยางหลิงซินพูดอยู่ข้างๆ “ฉันว่าพวกเขาคงไม่แข็งข้อแล้วค่ะ เมื่อวานน่าจะแค่ข่มขู่เรา วันนี้เห็นว่าพวกเรายังแข็งอยู่ จึงรีบเปลี่ยนทันทีเลย”
หลินเช่อกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น
เธออยู่ในวงการนี้มานาน ยิ่งรู้มากขึ้น เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
“เข้าไปดูก่อนค่อยว่ากัน” หลินเช่อบอก
หยางหลิงซินบอก “ต้องเป็นแบบนั้นแน่ พี่เช่อเก่งขนาดนี้ มีชื่อเสียงขนาดนี้ ผลประกอบการภาพยนตร์เรื่องไหนก็ดีไปหมด พวกเขาคงไม่อยากให้พี่เช่อไป อีกอย่างพี่เช่อรู้จักคนในวงการเยอะมาก คนที่รู้จักล้วนเป็นคนเก่งๆ ทั้งนั้น ฉินหวานหว่านเทียบได้ที่ไหน”
“เอาล่ะ อย่าพึ่งพูดมากเลย เสี่ยวซิน หน้าต่างมีหูประตูมีตา บางทีคนอื่นได้ยินคำพูดแบบนี้แล้ว มันไม่เป็นผลดีต่อเรา”
“กลัวอะไรคะพี่เช่อ เรามีความสามารถมีชื่อเสียง จะไปกลัวพวกเขาทำไม”
หลินเช่อส่ายหน้ามองหยางหลิงซิน “คำพูดคนน่ะน่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้น มีชื่อเสียงก็เพราะมีคนให้ เป็นคนต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ”
พูดแล้ว ก็เดินมาถึงพอดี หลินเช่อให้หยางหลิงซินรออยู่ด้านนอก ตัวเองเข้าไปคุยส่วนตัวกับผู้จัดการเฉิน เพื่อไม่ให้หยางหลิงซินเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
หยางหลิงซินมองหลินเช่อเดินเข้าไป ยืนคิดอยู่ด้านนอก ทำไมยังต้องไว้หน้าบริษัทอีก ทั้งๆ ที่เธอก็กลายเป็นดาราดังไปแล้ว
ถ้าสักวันเธอได้เป็นดาราดังบ้างนะ เธอจะไม่สนใครเลย อยากทำอะไรก็จะทำ อย่างไรซะก็มีคนช่วยเธอจ่ายเงิน ในเมื่ออยู่เหนือคนอื่น ทำไมต้องทำตัวราวกับว่าตัวเองไม่มีอะไรเลย
ตอนนั้นเอง ก็มองเห็นฉินหวานหว่านเดินเข้ามากับคนของเธอ
หยางหลิงซินมองไปที่ฉินหวานหว่าน แสยะยิ้ม
ดวงตาฉินหวานหว่านกระตุก เดินเข้ามาท่าทางเป็นมิตร ไม่ได้มีความเป็นศัตรูสักนิด
“เธอชื่อหยางหลิงซินใช่ไหม ได้ยินมาว่า เป็นคนสำคัญในทีมของหลินเช่อ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินเช่อมาตลอด”
คนสำคัญอะไร ความจริงหยางหลิงซินถูกหลินเช่อเก็บมาต่างหาก ใครๆ ต่างก็รู้ เพราะที่บ้านหยางหลิงซินนั้นฐานะไม่ดี ดังนั้นหลินเช่อจึงแนะนำให้เธอมาทำงานที่บริษัท
ไม่คิดว่า เพราะหยางหลิงซินนับถือหลินเช่อเป็นอย่างมาก จึงคอยติดตามหลินเช่อไปไหนมาไหน ดังนั้นหลินเช่อเองจึงเชื่อใจเธอ
แม้จะสู้อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้ แต่ว่าก็ตัวติดกันราวกับเป็นเงาก็ว่าได้
พอหลินเช่อมีชื่อเสียง คนรอบข้างของเธอ แน่นอนว่านักข่าวก็จำได้ราวกับสมบัติในบ้าน รู้เรื่องราวพอสมควร ดังนั้นเวลานักข่าวสอบถามอะไร จึงถามได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
หยางหลิงซินส่งเสียง หึ คิดในใจ เสแสร้ง
ฉินหวานหว่านทำราวกับมองไม่เห็นท่าทางแบบนั้น เอ่ยต่อ “เสี่ยวซิน ฉันว่าเธออยู่ข้างหลินเช่อไปก็ไม่มีประโยชน์ มาอยู่กับฉันดีกว่า ความจริงฉันเห็นว่าเธอเหมาะกับการเป็นนักแสดง รูปร่างหน้าตาเธอก็ไม่ได้แพ้หลินเช่อ ทำไมต้องคอยติดตามอยู่ข้างกายเธอ ความจริงเธอสามารถออกหน้าได้เลยนะ”
คำพูดนี้ ทำให้จิตใจของหยางหลิงซินไขว้เขว
เงยหน้าขึ้นมา จ้องมองฉินหวานหว่าน
จากนั้น…
เธอรู้ว่าฉินหวานหว่านสู้หลินเช่อไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น หลินเช่อมีกู้จิ้งเจ๋อ เธอมีหรือเปล่า
หยางหลิงซินเอ่ยเสียงหยัน “ไม่ต้องหรอก เธอก็สู้พี่เช่อของฉันไม่ได้ เราติดตามพี่เช่อด้วยใจ เธอไม่ต้องยื่นเท้าเข้ามาแหย่หรอก ฉันไม่ตกหลุมพรางเธอหรอกนะ พี่เช่อของเราเก่งกว่าเธอเยอะ”
สีหน้าฉินหวานหว่านเปลี่ยนไปทันที
คิดในใจ ไร้เดียงสาจริงๆ หลงจนไม่ลืมหูลืมตา
แต่ว่า เดิมฉินหวานหว่านเองก็ไม่ได้อยากจะดึงเธอจริงๆ อยู่แล้ว
ฉินหวานหว่านบอก “งั้นก็ช่างเถอะ ฉันก็แค่เห็นว่าเธอมีความสามารถ เลยมาคุยกับเธอก็แค่นั้น” เธอหมุนตัวเดินออกไป แต่เธอตั้งใจใช้เท้าเหยียบลงบนเท้าของหยางหลิงซินอย่างแรง
“โอ๊ย…”
หยางหลิงซินร้องเสียงดัง เจ็บปวดจากการโดนรองเท้าส้นสูงเหยียบ
ฉินหวานหว่านรีบแสร้งทำเป็นตกใจ “ขอโทษนะ”
หยางหลิงซินมองใบหน้าฉินหวานหว่านด้วยความโมโห “เธอ…เธอตั้งใจเหยียบเท้าฉันใช่ไหม เหอะ เธอคิดว่าพี่เช่อของเราจะถูกรังแกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ จะมารังแกคนของเธอได้ง่ายแบบนี้เลยหรือยังไง ฉันจะบอกอะไรให้นะ พี่เช่อของเราไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายขนาดนั้น เธอระวังเอาไว้เถอะ มาลองดีกับพี่เช่อของเรา เธอจบไม่สวยแน่ ถึงตอนนั้นมาขอร้องอ้อนวอนคงไม่ทันหรอกนะ”
ฉินหวานหว่านมีสีหน้าเบื่อหน่าย “ฉันแค่เหยียบเบาๆ มันเกี่ยวอะไรกับพวกนี้ล่ะ อีกอย่างฉันก็ขอโทษไปแล้ว ฉันไม่ได้รังแกหลินเช่อซะหน่อย”
“เธอยังไม่รังแก หลายวันมานี้เธอมารังแกพี่เช่อเพราะพี่เช่อไม่มีใคร ฉันจะบอกเธอให้นะ คนที่อยู่เบื้องหลังของพี่เช่อ ถ้าบอกแล้วอย่ามาตกใจก็แล้วกัน”
“งั้นเหรอ เบื้องหลังของหลินเช่อมีใครกันล่ะ”
“เหอะ ทำไมฉันต้องบอกเธอ ฉันไม่บอกเธอหรอก เธอไปคาดเดาเอาเองสิ ยังไงซะก็เป็นคนที่ไม่ว่ายังไงเธอก็แตะต้องไม่ได้ ไม่งั้นเธอคิดว่าพี่เช่อจะดังขึ้นมาได้ยังไง เธอคิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง พี่เช่อแค่ถ่อมตัว ไม่เสียเวลามาแข่งกับเธอหรอก ไม่งั้น แค่พี่เช่ออยากดังขนาดไหนก็ดังได้ ทรัพยากรพวกนี้ของบริษัทไม่ประสาหรอก เราไม่เสียดายสักนิด”
ฉินหวานหว่านบอก “พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริง”
“เธอไม่เชื่อก็ช่างสิ จะบอกให้นะ เราตัดสินใจแล้ว เธอมาที่นี่เพื่อบีบบังคับเราไม่ใช่เหรอ เราจะไป เราไม่เอาอนาคตมาเสียเวลากับบริษัทบ้าๆ แบบนี้หรอก”
ฉินหวานหว่านบอก “ว้าว เก่งขนาดนั้นเลย หึๆ งั้นก็ขอให้พวกเธอมีอนาคตที่สดใสแล้วกันนะ”
“นั่นไม่จำเป็นหรอก ไม่ดูหน้าศัลยกรรมของเธอแทนล่ะ สู้พี่เช่อของฉันได้หรือเปล่า แฟนคลับของพี่เช่อเยอะกว่าเธออีก หึ”
แม้ว่าจะตั้งใจ แต่ฉินหวานหว่านยังคงฟังเธอด่า ในใจนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เธอเดินหนีออกไป ยืดอกคิด หลินเช่อมีแฟนคลับมากมาย แต่เธอสามารถซื้อใจพวกเขาผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้
ตอนนั้นเอง พี่หลินอยู่ด้านหลังคว้าเธอเอาไว้ เม้มปากบอก “เอาล่ะ หวานหว่าน อย่าโกรธเลย เดี๋ยวอีกหน่อยพวกเขาก็คงได้มีอนาคตที่สดใสแน่ แต่น่าเสียดาย ที่เป็นร้อนรน ไม่ใช่สดใส”
ทั้งสองมองหน้ากันยิ้มๆ
หยางหลิงซินยังไม่รู้เรื่อง คิดว่าตัวเองได้ด่าฉินหวานหว่านไปแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นมา เธอได้พูดแทนหลินเช่อ ดูสิ เธอด่าฉินหวานหว่านไปแบบนั้น เธอยังไม่กล้าตอบโต้อะไรเลย หลินเช่อระมัดระวังเกินไป ยอมก้มหัวเกินไป ความจริง ตัวเองอยู่สูงแล้ว ทำไมต้องมาสนใจไว้หน้าใครด้วย สบายใจจังเลย
ตอนที่หลินเช่อเดินออกมาจากห้องทำงาน ใบหน้ายังคงนิ่ง
หยางหลิงซินเดินเข้าไปหา “เป็นไงบ้างคะ”
“ยังไม่คุย ไปเถอะ”
หลินเช่อเองก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับบริษัท แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางให้เดินแล้ว พวกเขาเรียกเธอมาที่บริษัท ก็แค่อยากยื้อเวลาเท่านั้นเอง ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยด้วยซ้ำ
จากนั้น เมื่อทั้งสองจากไปแล้ว…