การพลิกสถานการณ์ของหลินเช่อนั้น ทำให้ทั้งวงการไม่ทันได้ตั้งตัว
แต่ว่าการฉีกสัญญากับบริษัท ทำให้คนอื่นมองไม่ดี
ชาวเน็ตพากันแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
ด้านหนึ่งมีคนบอกว่า ดารานักแสดงเมื่อมีชื่อเสียงแล้วก็หนีจากบริษัทเดิม เป็นเรื่องปกติ ก็เห็นๆ อยู่ว่าเป็นการหักหลัง
บางคนบอกว่า เงื่อนไขของบริษัทนั้นเกินไป หนีไปได้ก็ดีแล้ว
แต่ว่า ทุกคนต่างก็คิดว่า หลินเช่อรู้จักกับซือถูฉยงงั้นเหรอ…
บอกว่าเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ เป็นศิษย์อาจารย์กันจริงๆ เหรอ ไม่ใช่คนที่คอยเลี้ยงอยู่เบื้องหลังเหรอ
เพราะเหตุนี้ นักข่าวสายบันเทิงเมื่อได้เจอกับกู้จิ้งอวี่ จึงได้สอบถาม ถามเขาว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องของหลินเช่อและบริษัท
กู้จิ้งอวี่หันกลับมาด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเพราะมีพร้อมทั้งชาติตระกูลและความสามารถ เขาตอบตามตรง “พูดอะไรครับ หลินเช่อหักหลังงั้นเหรอ ผมอยากบอกเพียงว่า ถ้าเธอคิดจะหักหลังจริงๆ ผมเคยบอกเธอไปตั้งแต่แรกแล้วว่าให้เธอมาอยู่ที่บริษัทผม ผมดูแลเธอได้ จะไม่หักเปอร์เซ็นต์เลยสักนิด หาได้เท่าไหร่ให้เธอเอาไปหมดเลย ทำไมยังต้องอยู่ที่บริษัทนั้นอีก ยังต้องโดนบริษัทอะไรนะ หลิงต้งใช่ไหม ยังต้องยอมให้พวกเขาหักไปตั้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์”
นักข่าวคิดว่า ถ้าคนของบริษัทภาพยนตร์หลิงต้งมาได้ยินประโยคนี้ของกู้จิ้งอวี่ ก็คงจะโมโหมาก
แต่ว่า คนของหลิงต้งคงได้แต่อดกลั้นเอาไว้ เพราะทั้งวงการบันเทิง มีใครกล้ามีเรื่องกับกู้จิ้งอวี่กันล่ะ
เฉินจิ้งเต๋อได้แต่นั่งดูตัวเองถูกต่อว่าเสียๆ หายๆ อย่างไรซะ สิ่งที่กู้จิ้งอวี่พูดก็ไม่ผิด เมื่อเทียบกันแล้ว สตูดิโอของกู้จิ้งอวี่ แม้จะมีเพียงห้องเดียว แต่ก็ยังยิ่งใหญ่กว่าหลิงต้งทั้งตึกด้วยซ้ำ ว่ากันว่าตระกูลกู้ได้มอบตึกไม่กี่ชั้นเพื่อให้เขาใช้เป็นบริษัท แถมยังมีทำเลที่ดีอีกด้วย
เทียบกันแล้ว หลิงต้งนับเป็นอะไรได้ล่ะ
พี่หลินดูข่าวด้วยความโมโห
“ยัยหลินเช่อคนนี้…ซือถูฉยงถึงขั้นเปิดบริษัทให้เธอ แต่ยังมาบอกว่าไม่ได้เลี้ยงดูเธอ”
ฉินหวานหว่านนั่งจ้องข่าวละครบันทึกอูกู่
สุดท้ายก็โดนหลินเช่อแย่งบทละครเรื่องนี้ไปจนได้
อีกทั้งซือถูฉยงยังเป็นคนเลี้ยงดูเธอจริงๆ เหรอ
เฉินจิ้งเต๋อเองก็นั่งดูอยู่อีกฝั่ง หันไปพูดกับพี่หลิน “คาดไม่ถึงว่าหลินเช่อจะมีหน้ามีตาขนาดนี้ รู้จักกับตระกูลซือถูด้วย”
ถ้ารู้แต่แรก เขาก็ไม่ควรปฏิบัติกับหลินเช่อแบบนั้น
ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์
ตอนนี้เธอออกไปมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว แถมยังมีซือถูฉยงเป็นคนลงทุนให้ด้วย
——
อวี๋หมินหมิ่นเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินเช่อฟัง
หลินเช่อถาม “ทำไมเธอถึงได้ไปร่วมมือกับซือถูฉยงเปิดบริษัทแล้วล่ะ”
“เดิมก็ต้องการของคนมาเป็นคนลงทุนให้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้คนมาถามถึงที่มาของเงิน เมื่อก่อนฉันยังคิดอยู่เลย ว่าจะขอร้องกู้จิ้งเจ๋อช่วยฉันหาบริษัทใหญ่ๆ มาช่วยเป็นผู้ลงทุนอยู่เบื้องหลังให้ แค่เอาชื่อมาแขวนไว้ ให้คนข้างนอกเห็นว่า ถือว่าเป็นโล่ให้กู้จิ้งเจ๋อ ในเมื่อตอนนี้มีซือถูฉยงที่เสนอตัวมาเอง นั่นก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ยังไงซะความเป็นศิษย์กับอาจารย์ของพวกเธอก็ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็ลงรูปคู่ของเธอและเขาขณะฟันดาบ เดี๋ยวทุกคนก็รู้แล้ว”
หลินเช่อถอนหายใจออกมา “ตอนนั้นที่เซ็นสัญญากับบริษัท ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องการชดเชยหรือค่าปรับอะไร ไม่คิดว่า สุดท้ายต้องมาจ่ายไปเยอะขนาดนี้”
“ช่างเถอะ สำหรับสามีเธอแล้ว แค่ไม่กี่ล้านนี้ไม่ประสาอะไรหรอก ก็แค่เงินให้เธอซื้อรถก็เท่านั้นเอง”
“ก็แค่ไม่พอใจ เงินฉันถูกพวกเขาฉกไปแบบนี้ รู้สึกเสียดายนิดหน่อย”
“วางใจเถอะ ต่อไปฉันจะฟ้องพวกเขาที่ทำให้เราเสียชื่อเสียง ถ้าพวกเขาไม่ยอมจ่ายเงินมาเอง ฉันไม่มีวันปล่อยแน่”
——
อีกด้าน ฉินหวานหว่านนั่งอ่านคอมเมนต์ด้วยความโกรธ เพราะประโยคนั้นของกู้จิ้งอวี่ ทำให้คนเอนเอียงไปหาหลินเช่อ
“ทำไมหลินเช่อถึงได้โชคดีขนาดนี้ มีแต่คนอยู่ข้างเธอ หรือว่าครั้งนี้ฉันต้องโดนเธอเหยียบอีกแล้วเหรอ บันทึกอูกู่เธอก็ได้ไปแล้ว ตอนนี้ยังมีคนพูดว่า คลิปนั้นฉันเป็นคนทำขึ้นมาเองอีก”
พี่หลินเองก็ไม่พอใจ แต่หันไปพูดกับฉินหวานหว่าน “เธอมีซือถูฉยงเลี้ยงดูแล้วยังกล้ามาพูดแบบนี้อีก เดี๋ยวฉันจะไปบอกคนอื่น ให้คนไปต่อว่าเธอ เหอะ”
พี่หลินหาคนไปสร้างหัวข้อ บอกว่าคนที่เลี้ยงดูหลินเช่อก็คือซือถูฉยง บอกว่าเป็นอาจารย์ของเธอ ไม่รู้มีแผนการอะไรหรือเปล่า
คนของเธอด่ารุนแรงมาก บอก “หลินเช่อเป็นนักแสดงนี่ดีจริงๆ แค่แยกขาสองข้าง ก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว”
“ตั้งแต่กู้จิ้งอวี่ จนมาถึงซือถูฉยง หลินเช่อนอนมาหรือยังไง”
“ได้ข่าวว่าเมื่อก่อนหลินเช่อเป็นแค่ตัวประกอบ จากละครถึงผู้กำกับ ก็นอนมาตลอดทาง จากนั้นเป็นนักแสดงบทนางรอง จนล่อลวงกู้จิ้งอวี่ได้ ก็นอนมาอีก ถามหน่อยเถอะ เห็ดหูหนูของเธอดำถึงขึ้นไหนแล้ว”
เห็นว่าหลินเช่อโดนด่าแบบนี้ ฉินหวานหว่านก็รู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว
แม้จะเป็นข่าวที่ปั้นขึ้นมา แต่ว่าฉินหวานหว่านก็คิดว่า ถ้าหลินเช่อไม่นอนกับพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ช่วยหลินเช่อขนาดนี้หรอก
แม้นึกขึ้นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นกู้จิ้งอวี่ หรือว่าซือถู ดูจากหน้าตาและฐานะ ล้วนทำให้คนต้องอิจฉา
แต่พวกเขาเองก็ราวกับลืมไปว่าตัวเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่มองว่าหลินเช่อเลวร้าย ใช้วิธีนอนกับเขาไปเรื่อย นับเป็นตัวอะไรกัน
แต่ว่า เธอดีใจได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
วันต่อมา ซือถูฉยงเขียนประกาศ
เขาโพสต์ลงไปในหน้าเพจของบริษัท บอกว่า “มีคนพูดตลอดว่า ผมเลี้ยงดูหลินเช่อ ผมอยากบอกว่า พวกคุณได้พูดความในใจของผมจริงๆ ”
“ผมแทบอยากเลี้ยงดูหลินเช่อไปตลอดชีวิตด้วยซ้ำ เลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคุณนายซือถู แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสนั้น”
“หลังจากที่ผมตามจีบหลินเช่อล้มเหลว จึงยอมถอย กลายเป็นเพื่อนที่ดีของเธอตลอดไป เป็นอาจารย์ที่ดี เพราะเธอ ทำให้ผมได้จุดประกายการฟันดาบขึ้นมาอีกครั้ง และเรียนรู้ว่าอย่าท้อถอย เธอทำให้ผมเห็นว่าชีวิตนั้นมีสีสัน ดังนั้น ผมยินดีที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ ชาตินี้ เธอจะเป็นเพื่อนของผมตลอดไป”
“แน่นอน ถ้าเธอเกิดเปลี่ยนแนวคิด คิดว่าผมไม่เลว ผมก็ยินดีจะเป็นตัวสำรองให้เธอ”
การสารภาพรักแบบโจ่งแจ้งนี้ ทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึง
แม้กระทั่งหลินเช่อที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรเองก็ยังต้องอึ้ง
ซือถูฉยงคนนี้…ไม่ได้ให้เขาเล่นแบบนี้ซะหน่อย
การสารภาพรักจริงใจของซือถูฉยง ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายอบอุ่นขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างไปค้นหาภาพสมัยที่เขายังฟันดาบอยู่ แถมยังค้นหาประวัติของเขาและชาติตระกูลที่ดีงามในเวยป๋อ
เพียงเท่านั้น ก็มีคนมากมายรู้แล้วว่า ที่แท้ซือถูฉยงก็คือแชมป์กีฬาฟันดาบ และอยู่ในตระกูลดังของประเทศจีน
หลินเช่อกำลังถูกผู้ชายคนนี้สารภาพรัก แถมยังเป็นลูกศิษย์เขาด้วย นี่มันโชคดีไปหรือเปล่า
ทุกคนต่างอิจฉาหลินเช่อ ถูกผู้ชายไม่ธรรมดาคนนี้ แถมยังร่ำรวย นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถมาสารภาพรัก