หลินเช่อบอก “ใช่…สามีฉันเอง”
เด็กสาวมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความอิจฉา “แต่งงานแล้วเหรอ…งั้นดูเหมือนฉันจะไม่มีหวังแล้ว”
“…” ยังไม่แต่งงานก็ไม่มีความหวังซะแล้ว เธอพึ่งอายุเท่าไหร่กันเชียว เพิ่งสิบกว่าเองนะ ยังกล้าเพ้อฝันหาผู้ชายอีก
กู้จิ้งเจ๋อบอก “เอาล่ะ เรากลับกันเถอะ”
หลินเช่อเอ่ยขึ้น “นี่ คุณมีเงินหรือเปล่า” เธอหันไปถามกู้จิ้งเจ๋อ
กู้จิ้งเจ๋อถาม “เธอจะทำอะไร”
หลินเช่อหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋ากู้จิ้งเจ๋อออกมา จากนั้นหยิบเงินออกมาหนึ่งพันยูโร
เธอหันกลับไปบอกเด็กสาว “นี่ให้เธอ ถือว่าเป็นน้ำใจ ต่อไปอย่าไปขายใครเขาอีกล่ะ อ้อ รีบกลับบ้านไปเถอะ อย่ามาอยู่ข้างนอกเลย ดูเธอแต่งตัวยังกะจิ๊กโก๋ น่าเกลียดมาก”
เด็กสาวบอก “อะไรนะ พี่บอกว่าฉันน่าเกลียดเหรอ…”
หลินเช่อโบกมือ “เอาล่ะ ฉันจะไปทานข้าวแล้ว หินจะแย่อยู่แล้ว พวกเธอก็ไปหาอะไรทานเถอะ”
เด็กสาวเบ้ปาก “ก็ได้ ต่อไปก็อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ อีกล่ะ โชคดีที่พี่ได้เจอฉัน เข้าใจหรือเปล่า”
ยังกล้าพูดอีก…
เด็กสาวมองหลินเช่อเดินออกไป จากนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมา
น่าเสียดาย เธอไม่โชคดี ไม่มีแฟนหน้าตาดีแบบนั้น
พ่อของเธอคิดจะให้เธอไปแต่งงานกับตาแก่นั่น ให้ตายเธอก็ไม่ยอม จึงได้หนีออกมา
——
เพราะหลินเช่อยังไม่ได้ทานอาหารเช้า จึงอยากทานอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ค่อยกลับไป
มีชายหนุ่มรูปหล่อสองคนคอยอารักขา เธอกลับไปยังถนนที่ไปมาก่อนหน้านี้
ตอนที่รถคลาสสิกสองคันหยุดลง ผู้คนรอบข้างต่างก็มองมาเป็นตาเดียว
เธอมองเห็นร้านอาหารจีนที่ไปก่อนหน้านี้ มองเจ้าของร้านที่โผล่หน้าออกมาดู
จากนั้น เดินเข้าร้านอาหารตะวันตกที่อยู่ด้านข้าง ภายใต้สายตาแปลกใจของเจ้าของร้าน
วันนั้นเธอสั่งอาหารมามากมาย เมื่อทานเสร็จแล้วยังให้ทิปกับเจ้าของอีกจำนวนไม่น้อยเลย
เจ้าของร้านเห็นดังนั้นก็ยิ้มกว้าง ไปส่งพวกเขาจนถึงรถ ถึงเดินกลับ
แต่เจ้าของร้านอาหารจีนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ทำได้เพียงยืมมองทิปจำนวนมากนั้น เม้นปาก ส่งเสียง หึ ด้วยความอิจฉา แล้วเดินจากไป
เมื่อผ่านเหตุการณ์นี้มาแล้ว ระหว่างเดินทางกลับ หลินเช่อถามถึงสถานการณ์ของกู้จิ้งเหยียน
ถึงได้รู้ว่ากู้จิ้งเหยียนดื่มจนเมา ตอนนี้ยังหลับอยู่
และลู่เป่ยเฉิน เมื่อกลับไปถึงก็ต้องพบกับความวุ่นวาย
เมื่อเข้าประตูมาเขาก็เจอกับทนายชาวต่างชาติมารออยู่ก่อนแล้ว เขาบอกกับลู่เป่ยเฉิน “คุณลู่ ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ แต่ว่านี่เป็นรายการค่าชดเชยของเรา คุณลองดูว่าจะจ่ายค่าเสียหายยังไงครับ”
ลู่เป่ยเฉินรับมา กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะถาม “เกินแสนล้านหรือเปล่า”
“เป็นไปได้ยังไง” ลู่เป่ยเฉินบอก “สี่สิบล้าน”
“อ้อ ไม่เลวนี่”
“ยูโร”
“…” หลินเช่อนิ่งอึ้ง
หมายความว่าอย่างไร เพราะทรัพย์สินของอีกฝ่ายโดนเผา จึงต้องชดเชยสี่สิบล้านยูโร…งั้นก็เท่ากับแสนล้านน่ะสิ
ลู่เป่ยเฉินหัวเราะ หัวไปคุยกับทนาย “บ้านพังๆ นั่นมีค่ามากมายขนาดนี้เลยเหรอ”
ทนายท่าทางเย่อหยิ่ง พวกเขาเรียกเยอะขนาดนี้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมจ่าย ถึงตอนนั้นค่อยไปคุยราคากันที่ศาลอีกที และวันนี้ที่เขามา ก็เพื่อรอดูท่าทีขอร้องอ้อนวอนและขอโทษของอีกฝ่าย พวกเขาอาจจะยอมลดราคาให้สักเล็กน้อย
ทว่าลู่เป่ยเฉินกลับเผยรอยยิ้มเย็นออกมา
จากนั้น ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เขาก็ชกเข้าไปที่ใบหน้าของทนายทันที
ทนายโดนต่อยจนเลือดกำเดาไหล
เขาก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่ตกใจกับเงินสี่สิบล้านยูโรเลยสักนิด แถมยังมาต่อยตัวเองอีก…
ลู่เป่ยเฉินบริหารข้อมือ “ในเมื่อต้องชดใช้ค่าเสียหาย ก็เอาไปจ่ายค่ายาคุณด้วยเลยแล้วกัน คิดจะมาวางอำนาจที่นี่ ไม่ดูตัวเองบ้างเลย”
ทนายความตกใจจนหางตกหูลู่ รีบหนีโดยทันที
วันนี้เขาหาเรื่องคนที่โหดกว่าเบอร์นาร์ดเข้าให้แล้ว
หลินเช่อพึ่งเคยเห็นผู้ชายอวดเก่งแบบนี้ครั้งแรก เธอยกมือขึ้นปิดปากมองทนายที่วิ่งหนีไป รู้สึกสนุกอยู่ในใจ
ดูไม่ออกเลยว่า ลู่เป่ยเฉินคนนี้จะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้
เพียงแต่…
เขาพึ่งต่อยทนายคนนั้นไป คนตระกูลลู่ก็วิ่งเข้ามา บอกเสียงเบา “คุณชาย…คุณท่านเรียกให้คุณกลับประเทศ อาจเพราะรับรู้ถึงเรื่องนี้แล้ว…”
ลู่เป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความปวดหัว “อืม รู้แล้ว”
ดูเหมือนว่าจะเลี่ยงไม่ได้แล้ว
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เราก็เตรียมกลับประเทศกันเถอะ”
“อืม ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อตบไหล่ลู่เป่ยเฉิน “ดูแลตัวเองด้วย”
หลินเช่อเห็นแบบนั้น จึงดึงกู้จิ้งเจ๋อไว้แล้วถาม “เขากลับไปแล้วจะโดนทำโทษไหมคะ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ไม่เป็นไรหรอก เขาชินแล้ว”
“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย…”
“เมื่อก่อนวีรกรรมแบบนี้ของเขาเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วเมืองบี เขาเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาเลย เพราะเมื่อก่อนเขาใจร้อน ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน ก่อเรื่องเอาไว้ไม่น้อย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก”
เอาล่ะ ลูกผู้ดีมีสกุลพวกนี้…
คืนวันนั้น หลังจากกู้จิ้งเหยียนตื่นแล้ว ทุกคนต่างก็บินกลับประเทศ
กู้จิ้งเหยียนและลู่เป่ยเฉินยังคงไม่มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างไม่สนใจซึ่งกันและกัน
ดีที่ทุกคนได้พักผ่อนบนเครื่องบิน ไม่นานก็มาถึง
——
ทันทีที่กลับมาถึง หลินเช่อก็ถูกอวี๋หมินหมิ่นลากตัวไป
เธอบอกกับหลินเช่อ “ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของเราแล้ว”
หลินเช่อบอก “ไม่นับหรอก ฉันยังต้องชดใช้เงินนะ”
“ค่าเสียหาย ฉันเรียกจากพวกเขาสี่ล้าน บวกกับเงินชดเชยอื่นๆ อีก พรีเซนเตอร์บ้าง ละครบ้างพวกนี้ เงินที่เธอจ่ายไป อย่างน้อยๆ ก็ได้มาสักครึ่งก็ยังดี พวกเขาเสียหาย เธอวางใจได้”
“ดีขนาดนี้เลย”
“แน่นอนอยู่แล้ว อย่าลืมสิ เล่นการเมืองกับฉัน…ยังไงฉันก็เป็นภริยาประธานาธิบดีนะ มีเส้นมีสายนิดหน่อย ฉินหวานหว่านไม่ตายก็ให้มันรู้ไป”
“โอเค…ฉันมีความรู้สึกว่าคนรอบตัวต่างก็เป็นคนใหญ่คนโต ฉันถูกพวกเธอล้อมเอาไว้ ได้รับการปกป้องแบบนั้น ฉันโชคดีเกินไปหรือเปล่านะ ฮ่าๆ”
“ยังไงซะ ครั้งนี้เราก็ยังรักษาชื่อเสียงของเราเอาไว้ได้ ไม่ได้เสียหายอะไรมาก พวกเขาล่ะ ได้ไปแค่เงินค่าเสียหายเจ็ดล้านกว่า ทำตัวเองจนแทบสิ้นชื่อ ทำให้พวกเรากลายเป็นผู้ถูกกระทำ และสุดท้ายพวกเขาก็ได้เงินไปแค่นิดเดียว เกมนี้เล่นได้ไม่เลวเลย”
“ใช่…สุดยอดจริงๆ” ตอนนั้นหลินเช่อทำตามคำแนะนำของอวี๋หมินหมิ่น แม้ว่าตอนนั้นจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ตอบโต้ แต่ตอนนี้ สุดท้ายผลออกมาแบบนี้ เห็นได้ว่า อวี๋หมินหมิ่นเองก็ไม่เลวเลย”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “เรื่องนี้ เพราะกู้จิ้งหมิงบอกทั้งนั้น ฉันถึงได้บอกไงว่า คนพวกนี้ แม้ร้ายแค่ไหน สุดท้ายก็สู้กับจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างกู้จิ้งหมิงไม่ได้หรอก”
“…”
ที่แท้นี่ก็เป็นแผนการของท่านประธานาธิบดี ไม่น่าเชื่อ เรื่องในวงการบันเทิงเล็กๆ ของเธอ ยังต้องอาศัยแผนการของท่านประธานาธิบดี เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา…