แน่นอนว่าเธอไม่รู้ มีข่าวลือว่า บ้านกู้จิ้งเจ๋อเลี้ยงสุนัขสองตัว เวลาว่างกู้จิ้งเจ๋อจะพาสุนัขออกมาเดินเล่น จากนั้นผู้คนบริเวณโดยรอบ ต่างพากันให้สาวใช้ไปซื้อสุนัขมาเลี้ยงเกิดวันไหนพาสุนัขออกมาเดินเล่นแล้วอาจได้เจอและเข้าไปคุยกับกู้จิ้งเจ๋อ
หลินเช่อทำเพียงมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย จากนั้นพาหวังจื่อเดินเข้าไปด้านใน ทว่าเธอมองไม่เห็น ด้านข้าง ที่ประตูทางเข้าหมู่บ้าน มีคนคนหนึ่งกำลังมองตรงมาทางนี้อยู่เงียบๆ…มองอยู่แบบนั้น ไม่ยอมจากไปไหน…
——
หยางหลิงซินยืนมองอยู่ตรงนั้น
เธอเฝ้ารอมาหลายวันแล้ว ในที่สุดทั้งสองก็กลับมา
ทุกวันนี้เวลาอยู่ที่บ้าน เธอรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนหมุดเข็ม รู้สึกมองไปทางไหนก็สกปรกไปหมด ผ้าปูที่นอนซักแล้วซักอีก แต่ก็ยังดูสกปรก เสื้อผ้าซักอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังมีกลิ่น
เพราะเธอรู้ว่า เสื้อผ้าที่บ้านตระกูลกู้ เตียงนอน ของใช้ ไม่เพียงทำความสะอาด แถมยังฆ่าเชื้อ จากนั้นอบกลิ่นธูปก่อนจะนำไปปูบนเตียงได้
แต่ที่บ้านนั้นสกปรก ไม่มีอะไรสักอย่าง
หยางหลิงซินไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นสักนิด เธออยากมีชีวิตแบบหลินเช่อ เป็นคุณผู้หญิงที่มีชีวิตสุขสบาย
เธอมาถึงหน้าประตู อยากเข้าไป ทว่าไม่คิดว่า เขาจะไม่ยอมให้เข้า
“ที่นี่ถ้าไม่มีบัตรก็จะเข้าไม่ได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกแบบนั้นตลอด
หยางหลิงซินบอก “ฉันเคยอยู่ที่นี่ พวกคุณจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันมากับหลินเช่อ พักอยู่ที่นี่”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองเธอ “แต่ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“…” หยางหลิงซินกระทืบเท้า คงต้องกลับไปก่อน
วันต่อมา หลินเช่อพึ่งจะออกมา ก็มองเห็นหยางหลิงซินวิ่งมาจากที่ไกลๆ
“พี่เช่อ ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว”
หลินเช่อเห็นหยางหลิงซินวิ่งเข้ามา ท่าทางน่าสงสาร
ด้านข้าง บอดี้การ์ดตระกูลกู้มองเห็นหยางหลิงซิน ทำเหมือนมองไม่เห็นอะไร จากนั้นหันไปทางอื่น
หยางหลิงซินมองหลินเช่อ “พี่เช่อ คิดถึงพี่จังเลยค่ะ ทำไมพี่ไปนานขนาดนี้ พึ่งจะกลับมา”
หลินเช่อมองหยางหลิงซิน “ที่ไหนกันล่ะ ฉันไปนานที่ไหนกัน ฉันไปแค่ไม่กี่วันเอง แต่ว่า เธอสิ พวกเขาบอกว่าเธอกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน ทำไม ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”
กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านอย่างงั้นเหรอ
หยางหลิงซินมองบอดี้การ์ดเหล่านั้นอย่างเคียดแค้น แต่เมื่อหันกลับมามองหลินเช่อ ก็กลับมาท่าทางอ่อนโยนเหมือนเดิม
“ฉัน ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ แค่คิดถึงพี่เช่อ ฉันยังไปทำงานกับพี่เช่อได้ไหมคะ”
“แน่นอนสิ ฉันไม่ได้ไล่เธอออกซะหน่อย”
หลินเช่อแค่รู้สึกแปลกใจ แต่ว่า มองหยางหลิงซิน เธอไม่อยากให้ตัวเองคิดในแง่ร้าย อยากให้เธอไปที่บริษัทก่อน เมื่อถึงบริษัทเธอค่อยไปถามอวี๋หมินหมิ่นอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อมาถึงบริษัท อวี๋หมินหมิ่นนั่งอยู่ในห้องทำงาน
ตั้งแต่เปิดบริษัทเอง อวี๋หมินหมิ่นก็ทำงานหนักขึ้นมาก
เมื่อก่อนเป็นบริษัทของคนอื่น หลายอย่างเธอก็ทำไม่ได้ ตอนนี้ แม้ว่าเธอจะทำงานในนามของหลินเช่อ แต่ว่าก็ยังเป็นเจ้านายด้วย
มองเห็นหลินเช่อเดินเข้ามา ทว่าด้านหลังยังมีหยางหลิงซินตามมาด้วย เธอชะงักเล็กน้อย อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมา บอก “เสี่ยวซินมาแล้วเหรอ พึ่งมาบริษัทครั้งแรกสินะ ลองไปทำความคุ้นเคยด้านในก่อนสิ คนรู้จักกันทั้งนั้น เธอเข้าไปหาพวกเขาสิ”
หยางหลิงซินยิ้ม เดินเข้าไปด้านใน
อวี๋หมินหมิ่นเห็นเธอไปแล้ว จึงรีบถามหลินเช่อ “เธอกลับมาทำไมอีก”
หลินเช่อถาม “เธอเป็นอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่ เพียงแต่เมื่อก่อนเธออยู่ที่บ้านเธอตลอด ไม่ย้ายออก ฉันคิดว่าเธอนี่จริงๆ เลย จะขัดขวางเวลาของเธอกับกู้จิ้งเจ๋อหรือเปล่า ดังนั้นเลยเตือนเธอ อยู่นานไปก็ไม่ดี ต่อมาได้ข่าวว่าเธอย้ายออกไปแล้ว ฉันคิดว่าเธอจะออกไปเอง ไม่กลับมาที่บริษัทแล้ว”
“ช่างเถอะ เดิมก็เพราะฉันให้เธอไปอยู่พักรักษาตัวเองแหละ” แม้ว่าหลังๆ จะรู้สึกว่าเธออยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่า บางทีเธออาจจะเพราะถูกลักพาตัว มีผลกระทบต่อจิตใจ ก็เลยไม่ได้ให้เธอย้ายออก อย่างไรซะเธอก็ทำให้เธอต้องมาลำบากไปด้วย
อวี๋หมินหมิ่นบอก “แค่เธอไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ เพียงแต่ ตั้งแต่เรื่องวีดิโอนั่น ฉันคิดว่าเธอจะลาออกไปเอง”
หลินเช่อบอก “ฉันก็เหมือนกัน…หวังว่าเธอจะแค่ยังไม่โต ถึงได้ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น ช่างเถอะ ให้โอกาสเธอสักครั้งแล้วกัน”
“อืม ฉันจะให้คนจับตามองเธอ”
——
ตอนกลางวัน งานของหยางหลิงซินง่ายมาก เพียงช่วยทำเอกสาร เธอก็ใสซื่อ เพราะตัวเองก่อเรื่องเอาไว้ จึงไม่กล้าหยิ่งยโส ทำเพียงทำงานอยู่ตรงนั้นอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ตอนเย็น กู้จิ้งเจ๋อโทรหาหลินเช่อ ถามเธอว่าจะกลับตอนไหน
หลินเช่อบอก “ตอนเย็นต้องไปคุยกับผู้กำกับและทีมงานเกี่ยวกับบทละครบันทึกอูกู่ วันนี้ไปทานข้าวด้วยกันครั้งแรก ฉันไม่ไปไม่ได้”
กู้จิ้งเจ๋อได้ยินดังนั้น ถามเธอว่าไปกินร้านไหน
หลินเช่อบอก “เป็นร้านอาหารด้านล่างของโรงแรมเอสที”
โรงแรมเอสทีเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ด้านล่างมีภัตตาคาร ดูหรูหรา เหมาะที่จะนัดทานข้าวสังสรรค์ ดูเป็นทางการ
อร่อยไม่อร่อยก็เป็นอีกเรื่อง แต่ว่า เมื่อหลินเช่อไปถึง เห็นสถานที่แล้วรู้สึกว่าหรูหรามาก
แต่ว่าที่นี่เป็นห้องโถงกว้าง ไม่มีห้องวีไอพี
คนที่มารับประทานอาหารที่นี่มีไม่น้อย เมื่อเห็นหลินเช่อเดินเข้ามา มีคนบางกลุ่มอยากเข้ามาขอลายเซ็นหลินเช่อ
ดีที่พนักงานเข้ามาห้ามเอาไว้ หลินเช่อเซ็นไปได้ไม่กี่คน ยิ้มให้พวกเขาขอบคุณที่สนับสนุน
เธอพาหยางหลิงซินมาด้วยกัน
เพราะที่บริษัทก็ไม่มีใครที่สามารถพามาด้วยได้แล้ว อวี๋หมินหมิ่นช่วงนี้ออกงานสังสรรค์ไม่ได้ แต่ผู้ช่วยก็มีเพียงหยางหลิงซิน ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
เมื่อเข้ามาด้านใน เมื่อคนในกองบันทึกอูกู่มองเห็นหลินเช่อ พากันเข้ามาต้อนรับทันที
ผู้กำกับเป็นผู้ใหญ่ หลินเช่อเป็นเพียงผู้น้อย ยิ้มและทักทายพวกเขา
“ผู้กำกับหู ผู้จัดจาง สวัสดีค่ะ”
“นักเขียนคนนี้คือซานไฉจื่อ คุณเรียกเขาว่าซานไฉก็ได้ คนนี้คุณยังไม่เคยร่วมงานด้วยใช่ไหมครับ เป็นดาราหน้าใหม่ คุณน่าจะเคยได้ยิน จี้หยาง นี่คือนักแสดงสมทบหญิง ยังใหม่อยู่ ต่อไปต้องฝากคุณช่วยดูแล ท่านนี้แสดงเป็นเจ้านายของพวกคุณ เป็นผู้อาวุโสแล้ว คุณน่าจะรู้จัก”
ผู้จัดแนะนำกับหลินเช่อทีละคน หลินเช่อทักทายพวกเขาด้วยท่าทางนอบน้อม มื้ออาหารนี้ เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ทุกคนมองว่าหลินเช่อกำลังโด่งดัง อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ทว่ากลับไม่มีความเย่อหยิ่ง รู้สึกนับถืออยู่ในใจ
ได้ข่าวว่าช่วงนี้ซือถูฉยงยังตามจีบเธอด้วย เปิดบริษัทด้วยกันกับเธอ ยิ่งไม่ลืมที่จะแซวเธอด้วย
หลินเช่อเพียงบอก “พวกคุณอย่าพูดถึงเลยค่ะ ฉันกับซือถูเป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์เพียงเท่านั้น ฉันกับเขา เราเป็นอะไรกันไม่ได้หรอกค่ะ”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา
“แต่ว่า ได้เป็นลูกศิษย์ของซือถูฉยงก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว”
ตอนนั้นเอง ได้ยินเสียงคนด้านนอกพูดว่า เหมือนมีใครมาทานอาหาร เห็นว่าคนในร้านอาหารต่างหันไปมองเป็นตาเดียว พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองตาม
“คุณครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เขาถาม
พนักงานตอบ “ได้ยินว่าคุณกู้จิ้งเจ๋อพาคนมารับประทานอาหารครับ”