ทำเนียบหลิวลี่
กู้จิ้งหมิงกลับมาแล้ว ถามสาวใช้ “คุณผู้หญิงยังไม่กลับมาเหรอ”
“ยังเลยค่ะ ท่านประธานาธิบดี”
“ข้างนอกฝนจะตกแล้ว ให้คนไปรับคุณผู้หญิง”
“ได้ค่ะท่านประธานาธิบดี”
ความจริงด้านนอกนั้นฝนตกแล้ว
ตอนนั้นเองกู้จิ้งหมิงได้รับโทรศัพท์
หยินซู่หย่าอยู่กับสวี่อี้ รถของพวกเขาติดอยู่กลางทาง
กู้จิ้งหมิงรีบบอก “เดี๋ยวฉันให้คนไปรับพวกเธอ”
ไม่รู้ฝนด้านนอกแรงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กู้จิ้งหมิงมองออกไปด้านนอก จากนั้นมองดูเวลา เลยสามทุ่มไปแล้ว ทว่าอวี๋หมินหมิ่นยังไม่กลับมาเลย
ไม่นานหยินซู่หย่าและสวี่อี้ก็มาถึง
หยินซู่หย่ามาทำเนียบหลิวลี่แทบนับครั้งได้ อย่างไรซะทำเนียบหลิวลี่ก็เป็นที่ของกู้จิ้งหมิง หากเธอมาบ่อย เกรงว่าจะมีคนถ่ายภาพเอาไว้ได้ มันเป็นผลเสียต่อเขา
เธอเงยหน้ามองเข้าไปด้านใน สถานที่กว้างขวางจนน่าตกใจ หรูหราไม่อาจเทียบได้
สวี่อี้บอก “ไม่คิดว่าอยู่ๆ ฝนจะตก เมื่อสักครู่มีงานเลี้ยงที่คลับ เรายังคุยกันอยู่ว่า นายไม่ได้ไปด้วยมันน่าเสียดาย แต่ว่าก็เข้าใจได้ ท่านประธานาธิบดียุ่งมากจริงๆ ” เขามองไปรอบๆ “ทำไมถึงไม่เห็นภริยาประธานาธิบดีล่ะ”
กู้จิ้งหมิงจ้องสวี่อี้เขม็ง ไม่ได้พูดอะไร
สวี่อี้บอก “ด้านนอกฝนตกหนักขนาดนี้ นายก็ไม่ให้คนไปรับเธอหน่อยเหรอ ไม่รู้จักเอาใจใส่เลยจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวฉันขับรถออกไปรับเอง เธอผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ข้างนอกคงไม่ดี”
หยินซู่หย่ามองสวี่อี้ “เป็นคุณชายเพลย์บอยขึ้นมาทันทีเลยนะ พึ่งเจอกันกี่ครั้งเอง นายเริ่มเป็นห่วงเธอแล้วเหรอ นายนี่นะ อย่าเห็นผู้หญิงแล้วเดินไม่ตรงทางจะได้ไหม”
มือของกู้จิ้งหมิงชะงัก
สวี่อี้บอก “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันเป็นห่วงหมินหมิ่นจริงๆ ดูสิว่าเธอเป็นผู้หญิง แม้ว่าบางทีจะทำตัวแข็งแกร่งไปหน่อย แต่อย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง และฉันยังรู้สึกว่านับวันเธอก็ยิ่งน่าสนใจ อย่างแรกคือไม่ได้เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอ แถมยังดุมากด้วย ไม่มีความเป็นผู้หญิงบอบบางเลยสักนิด ไม่เลวเลย จิ้งหมิง ในเมื่อนายมันเย็นชา เรากังวลมาตลอดว่านายจะหาแฟนไม่ได้ แต่ว่า ดวงนายไม่เลวเลยจริงๆ ”
แววตาของหยินซู่หย่าเปลี่ยนไป
“นายเปลี่ยนเร็วดีนี่ พึ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง รู้จักเธอดีขนาดนี้แล้วเหรอ” หยินซู่หย่าบอก “เป็นภริยาประธานาธิบดียังไงก็ต้องมีความเป็นผู้หญิงบ้าง แข็งแกร่งเกินไปก็ไม่ได้หรอก ยังไงก็เป็นภาพลักษณ์ของประเทศ”
มองไปยังกู้จิ้งหมิง หยินซู่หย่าบอก “แต่ต่อหน้าสื่อคุณอวี๋ก็คงไม่เหมือนอยู่ต่อหน้าเราหรอก ฉันก็ได้แต่พูด…อย่างไรซะ คนที่หาภรรยาก็คือจิ้งหมิง เราก็แค่คนอื่น ใช่ไหมจิ้งหมิง”
กู้จิ้งหมิงยังคงเงียบ พิงอยู่ตรงนั้น พลางยกกาแฟขึ้นดื่ม
สวี่อี้บอก “ยังไงฉันก็รู้สึกว่า หมินหมิ่นไม่เลว และน่าสนใจอีกด้วย ฉันชอบ ฉันชอบ หึหึ เฮ้อ ว่าแล้วทำไมเธอยังไม่มาอีกล่ะ”
หยินซู่หย่าทนฟังต่อไปไม่ได้
เธอจิกเบาะโซฟาเอาไว้ กัดฟันแน่น
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักภริยาท่านประธานาธิบดีมา เราอยู่ตรงนี้มันคงไม่ดี ฉันไปก่อนล่ะ” หยินซู่หย่าพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
“นี่ ซู่หย่า เธอจะไปตอนนี้เหรอ ฝนยังตกแรงอยู่เลยนะ”
หยินซู่หย่าทำราวกับไม่ได้ยินเสียงของสวี่อี้ วิ่งออกไป
กู้จิ้งหมิงขมวดคิ้ว ไม่รอสวี่อี้เอ่ยอะไรอีก เขาวิ่งตามออกไป
“ซู่หย่า”
หยินซู่หย่าวิ่งออกไป
เม็ดฝนที่ตกลงมารุนแรงนั้นทำให้ร่างของทั้งสองเปียกโชก
“ซู่หย่า” เขายื่นมือไปคว้าข้อมือของหยินซู่หย่า “อย่าดื้อ เข้าไปด้านในกับฉัน เดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง”
“ไม่…คุณปล่อยฉัน จิ้งหมิง”
“ซู่หย่า”
เธอหันกลับมา แยกไม่ออกว่าน้ำตาหรือน้ำฝน เธอมองกู้จิ้งหมิง “ฉันรู้สึกว่าตัวเองควรอยู่ให้ห่าง ไม่อย่างนั้น มองดูคุณ มองดูชีวิตคุณตอนนี้ มองดูร่องรอยของเธอ ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกนั้นมันเป็นของฉัน มันเป็นของฉันทั้งหมด ถ้าฉันไม่ยืนยันที่จะเป็นนักออกแบบต่อไป ตอนนี้ฉันคงจะได้อยู่ข้างกายคุณแล้วใช่ไหม”
มือกู้จิ้งหมิงกำแน่น ม่านตาหดตึง จ้องมองเธอ
หยินซู่หย่าร้องไห้เสียงสั่น “ฉันเสียใจแล้ว ทำยังไงดี…”
กู้จิ้งหมิงยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ขยับเลยสักนิด
หยินซู่หย่าเดินเข้าหาอ้อมกอดของเขา “ฉันเสียใจแล้ว แต่มันสายเกินไปแล้วใช่ไหม ใช่หรือเปล่า จิ้งหมิง”
ใช่ ถ้าเร็วกว่านี้หนึ่งปี พวกเขาคงแต่งงานกันแล้ว คงไม่มีเรื่องต้องมาเสียใจทีหลังแบบนี้
แต่ว่า เขารอเธอมานานหลายปี เธอยังคงยืนหยัดที่จะทำงานของเธอ ไม่ยอมแต่งงาน สุดท้าย…
เขาได้พบกับอวี๋หมินหมิ่น และเพราะเรื่องครั้งนั้น พวกเขาจำเป็นต้องแต่งงาน
“ซู่หย่า เอาล่ะ…มันผ่านไปแล้ว”
หยินซู่หย่าร้องไห้หนักขึ้น
เธอยังไม่อยากให้มันผ่านไป ทำอย่างไรดี…
——
อวี๋หมินหมิ่นลงจากรถ
สาวใช้รีบบอก “คุณผู้หญิง…เชิญทางนี้…”
เท้าของอวี๋หมินหมิ่นหยุดอยู่ตรงนั้น
ห่างออกไปไม่ไกลท่ามกลางสายฝน
หยินซู่หย่าอยู่ในอ้อมแขนของกู้จิ้งหมิง ทั้งสองคนยืนตากฝน ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ
สาวใช้มองอวี๋หมินหมิ่นอย่างกังวล “คุณผู้หญิง…คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ก็แค่…แค่…”
แค่อะไร ก็เห็นอยู่กับตา พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
สาวใช้เองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ทว่าได้ยินอวี๋หมินหมิ่นเอ่ยเสียงเรียบ “เอาล่ะ ไปเถอะ เข้าไปด้านในกันเถอะ”
เธอเปลี่ยนเส้นทาง กางร่ม เดินเข้าประตูไป
สวี่อี้มองเห็นอวี๋หมินหมิ่นจึงรีบลุกขึ้น “อ้าว หมินหมิ่น กลับมาแล้วเหรอ…เอ่อ จิ้งหมิงเขา เขา…”
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” อวี๋หมินหมิ่นทำลายความกระอักกระอ่วนของเขา “ฝนตกหนัก หลายวันก่อนได้ยินท่านประธานาธิบดีบอกแล้วว่าเข้าหน้าฝนแล้ว ยังไม่รู้จะแก้ปัญหาน้ำขังยังไง วันนี้ฝนก็ตกลงมาแล้ว”
เมื่อเห็นอวี๋หมินหมิ่นทำเหมือนมองไม่เห็น สวี่อี้จึงเม้มริมฝีปาก มองอวี๋หมินหมิ่นด้วยสายตาลึกซึ้ง “ใช่ ฝนตกหนัก มา มา มาหาพี่เร็ว พี่มีของขวัญจะให้”
“นี่ ใครเป็นพี่ใคร”
“ฉันอายุมากกว่าเธอไม่ใช่เหรอ”
“คุณอายุมากกว่าฉัน แต่ว่าท่านประธานาธิบดีก็อายุมากกว่าคุณไม่ใช่เหรอคะ ฉันเป็นภรรยาของประธานาธิบดี คุณก็ควรเรียกตามเขา ต้องเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่หรือไง ไหนลองเรียกให้ฟังหน่อยสิ”
“นี่ กล้าพูดแบบนี้เหรอ มานี่ เธอกำลังทำบริษัทอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันมีงานดีๆ ให้เธอ”
“จริงเหรอ” เมื่อได้ยินว่ามีงานดีๆ ให้ อวี๋หมินหมิ่นก็รีบวิ่งเข้าไปหา
สวี่อี้บอก “ดูสิ ดูเธอสิ แค่ให้สามีเธอออกหน้า เธออยากถ่ายอะไรก็ได้ จำเป็นต้องมาทำตัวแบบนี้ด้วยเหรอ”
“คุณจะเข้าใจอะไร นี่เรียกว่าพึ่งพาตัวเอง ไม่หวังพึ่งคนอื่น อีกอย่าง พึ่งผู้ชาย ผู้ชายพึ่งไม่ได้ แค่ดูพ่อฉันก็รู้แล้ว ผู้หญิงพึ่งตัวเองน่ะดีแล้ว เข้าใจไหม”