อีกฝ่ายบอก “อวี่เฉิง เด็กผู้หญิงคนนี้ เราเข้าใจได้ถ้าแกจะชอบเธอ เธอใสซื่อและน่ารัก แต่ว่าเธอไม่เหมาะสมกับครอบครัวของเรา เรายังคงชอบไล่ย่า แกลองคบกับเธอดู บางทีอาจจะเข้ากันได้ดีกับเธอก็ได้”
“แม่ ผมไม่ทำอะไรที่มันไม่มีประโยชน์หรอก ต้องเลิกกับผู้หญิงที่เหมาะสมและเข้ากันได้ดี ไปลองคบผู้หญิงคนใหม่ แม่คิดว่าผมจะทำแบบนั้นเหรอ” เฉินอวี่เฉิงเอ่ยถาม “เธออยู่ที่ไหน”
“อวี่เฉิง…”
“แค่บอกผมมา ว่าเธออยู่ที่ไหน”
“ก็ได้ เราเจอกันที่โรงแรมไหวเหอ จากนั้นเห็นเธอเดินไปตามลำธาร”
เฉินอวี่เฉิงวางสาย
พาหลินเช่อไปด้วยกัน ทั้งสองไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว
แถวนั้นเป็นสถานที่พักร้อน เมื่อถึงวันหยุดบางคนชอบมาเดินเล่นอยู่แถวนี้
บางทีหลังจากเจอกันแล้ว เธออาจมาเดินเล่นสงบจิตสงบใจ จึงได้เดินมาที่นี่
เฉินอวี่เฉิงลงไปตามหาเธอ หลินเช่อเดินตามหลังไป
กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ทว่าเมื่อไปถึงประตูก็มีคนจำได้ว่าเธอคือหลินเช่อ
“หลินเช่อ คนนั้นคือหลินเช่อใช่ไหม”
ทันใดนั้นหลินเช่อก็ถูกรุมล้อมเข้ามา เอ่ยด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ “สวัสดีค่ะ สวัสดี ขอบคุณค่ะ…”
แต่ไม่นาน ร่างของเธอก็ถูกบดบังไปจนมิด
เธอเอ่ย “ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนนะคะ แต่ว่าตอนนี้ฉันมีธุระ ช่วย…”
แต่ทุกคนที่มีโอกาสได้เจอดาราระหว่างทาง กลับรุมล้อมเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชอบหลินเช่อจริงๆ เพียงเจอดาราดังนั้นจึงเข้ามาห้อมล้อมด้วย
เมื่อทำอะไรไม่ได้ บอดี้การ์ดตระกูลกู้ก็ปรากฏตัวขึ้น ในที่สุดหลินเช่อก็พอมีระยะห่างขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นเธออาจจะโดนเบียดจนหายใจไม่ออกแล้ว
หลังจากบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ปรากฏตัว ไม่นานก็กันคนออกไปได้ หลินเช่อได้ยินมีคนกำลังด่า “ดารานี่มันวิเศษจริงๆ ออกมาก็มีบอดี้การ์ดเยอะขนาดนี้ เอาล่ะ ไม่อยากให้ดู งั้นไม่ดูแล้วก็ได้”
หลินเช่อคิดอยู่ในใจ ไม่ๆ พวกคุณเก่ง บีบจนบอดี้การ์ดของฉันต้องปรากฏตัว…
และอีกด้าน
เฉินอวี่เฉิงตามหาเฉินโยวหรานได้อย่างรวดเร็ว
เฉินโยวหรานแค่อยากหาสถานที่สงบๆ อยู่สักพัก คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะตามหาเธอเจอ
เฉินอวี่เฉิงเรียกเธอ “เฉินโยวหราน”
เธอหันกลับไป มองเห็นเฉินอวี่เฉิง จึงรีบเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ “คุณมาได้ยังไง”
เฉินอวี่เฉิงคว้าแขนเฉินโยวหรานเอาไว้ “คุณถามผมเหรอ ผมกำลังถามคุณ ว่าทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”
เฉินโยวหรานเม้มปาก “คุณหมอเฉิน ฉัน…ฉันพึ่งจะ…”
เฉินอวี่เฉิงเอ่ยขัดเธอขึ้นมา “ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร เรื่องของคุณกับผม ก็คือเรื่องของคุณกับผม คุณจำเอาไว้ ถ้าคุณตัดสินใจเองคนเดียวไม่ปรึกษาผม ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
เฉินโยวหรานตกใจ เงยหน้าขึ้นมามองเขา
เขากลับดึงเธอเข้าสู้อ้อมกอดทันที…
เฉินโยวหรานยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก…
เมื่อก่อนแม้ว่าเขาจะเคยบอกกับเธอ ลองคุยกันดู แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้มันแตกต่างออกไป
คล้ายกับยังมีความไม่ชัดเจน บอกเพียงว่าให้ลองคุยกันเท่านั้น
แต่ตอนนี้…
เธอนับถือเขามาก คิดว่าเขาเก่งมาก เป็นที่รักและเคารพของผู้คน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอันดับต้นๆ แถมยังเรียนปริญญาเอกจิตวิทยาคลินิกอีก เป็นคุณหมอเฉินที่ทุกคนนับหน้าถือตา
และเป็นอาจารย์ที่ดีของเธอ
แต่ว่าตอนนี้ เขามากอดเธอแบบนี้…
จากนั้นไม่นานหลินเช่อก็มาถึง
เธอหอบหายใจ มองดูทั้งสองกอดกันแน่น ยืนตบหน้าอกตัวเองอยู่ตรงนั้น สูดหายใจเข้าลึก “เฉินโยวหราน ฉันเกือบต้องตายเพราะเธอแล้วรู้ไหม ฉันเกือบจะโดนเบียดจนตายไปแล้ว”
เฉินโยวหรานเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ฉัน…ฉันทำอะไร ฉันแค่มาเดินเล่น ใครใช้ให้พวกเธอทำให้เป็นเรื่องใหญ่”
“…”
สุดท้ายพวกเขาทั้งสามก็กลับไปพร้อมกัน
หลินเช่อบ่นไปตลอดทาง “ดูเธอสิ ตอนเรื่องฉันดูฉลาดขนาดนั้น ทำไมพอถึงตัวเองถึงใช้แต่อารมณ์จัดการปัญหา พวกเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง ยังไงซะก็ไม่ได้จะแต่งงานเร็วๆ นี้ซะหน่อย พึ่งจะเริ่มคุยกัน เธอจะรีบเสียใจไปไหน อย่าละทิ้งความเป็นไปได้ที่มีอยู่สิ ไม่มีใครรู้หรอกว่าต่อไปจะเป็นยังไง ดังนั้นรักกันแล้วก็อยู่ด้วยกัน ไปกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงขนาดนั้นทำไม”
เฉินโยวหรานบอก “เอาล่ะๆ ฉันก็แค่…อยู่ๆ ก็มีคนตั้งเยอะมาหาฉันที่บริษัท แล้วถามฉันต่อหน้าทุกคนว่า ฉันคือเฉินโยวหรานหรือเปล่า ฉันตกใจแทบแย่”
เธอไม่คิดว่าคนตระกูลเฉินจะน่ากลัวขนาดนั้น แน่นอนว่าพวกเขาแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นแค่เห็นเธอก็กลัวแล้ว
และเมื่อหันกลับไปมองเฉินอวี่เฉิง เธอมาคิดดูแล้วมันก็ถูก ทำไมเธอต้องคิดมากขนาดนั้น
อย่างไรก็ยังไม่ได้บอก…ว่าจะแต่งงานกับเขานี่นา
เฉินโยวหรานบอก “เอาล่ะ ไปส่งฉันที่บ้านเถอะ เดิมวันนี้ก็บอกพ่อกับแม่ไว้ว่าจะกลับไปทานข้าวที่บ้าน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับ พวกเธอร้อนใจ คิดว่าพวกเขาก็คงร้อนใจไม่ต่างกัน ฉันคงต้องกลับไปดูสักหน่อย อย่าเป็นเหมือนพวกเธอเลย คิดว่าฉันหายตัวไปแล้วหรือยังไง”
หลินเช่อพยักหน้า มองเฉินโยวหรานพลางบอกกับเธอ “มีเรื่องอะไรจำไว้ว่าเธอยังมีพวกเรา อย่าไปคิดทุกข์ใจอยู่คนเดียว เพื่อนมีไว้ทำไม เพื่อช่วยแบ่งเบาเธอในยามที่เธอลำบาก เธอไม่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ช่วย ก็หนีไปคนเดียวซะแล้ว”
“โอเคๆ ฉันรู้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”
เฉินโยวหรานเอนตัวเข้าหาอ้อมกอดของเธอ
มีเพื่อนอยู่ด้วยความกังวลในใจของเธอก็ลดน้อยลง
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็เป็นความรู้สึกว่าเธอไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
มาถึงบ้านตระกูลเฉิน
เฉินโยวหรานบอกลาทั้งสองเสร็จ ตัวเองก็เดินขึ้นตึกไป
เปิดประตูเข้าไป เธอบอก “พ่อคะ แม่คะ หนูกลับมาแล้ว ตอนกลางวันมีธุระนิดหน่อยก็เลยไม่ได้กลับมา”
เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นพ่อเดินออกมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
แม่เฉินมองเธอด้วยใบหน้าแดงก่ำ “โยวหราน กลับมาแล้วเหรอ ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เธอหรี่ตาลง มองดูแม่ที่เก็บซ่อนความลับไม่อยู่ “แม่ คนตระกูลเฉินมาหาพวกคุณหรือเปล่า”
แม่เฉินถอนหายใจออกมา มองเฉินโยวหราน “โยวหราน ช่างมันเถอะ แม่รู้คุณหมอเฉินเป็นผู้ชายดีๆ ที่หาได้ยาก มีเงินมีอำนาจ มีอิทธิพล สูงส่ง ครอบครัวล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ว่าครอบครัวแบบนี้ เราไม่คู่ควรกับเขาหรอก”
เฉินโยวหรานบอก “แม่คะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่เกี่ยวว่าที่บ้านเขาทำอะไรหรอก”
แต่ว่า ท่าทางของแม่ยังคงแปลกไปจากปกติ
เธออยากพูดอะไร แต่ก็เหมือนไม่กล้าพูด อีกทั้งท่าทางที่เสมองไปทางอื่นของพ่อ ไม่เอ่ยต่อต้านเลยสักนิด ทำให้เธอแปลกใจ
เธอบอก “พ่อคะ แม่คะ พวกคุณบอกมาตามตรง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ตอนนั้นเองพ่อถึงยอมเอ่ยออกมา “เอาล่ะ เธอบอกกับลูกก็พอแล้วไหม” เขาดึงเฉินโยวหรานเข้าใกล้ “ตระกูลเฉินให้เงินเรามานิดหน่อย ให้เราใช้ชีวิตดีๆ หาคนครอบครัวธรรมดา…ลูกก็จะปฏิเสธตระกูลเฉิน เรารับเงินมาแล้ว ต่อไปก็จะมีชีวิตที่ดี…”
เฉินโยวหรานมองเขาท่าทางตกใจ “เท่าไหร่คะ”
คนเป็นพ่อบอก “สาม…สามล้าน”
สามล้าน…
เยอะขนาดนั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แม่เฉินพลันคิดเหมือนมีขนมชิ้นใหญ่หล่นลงมาจากสวรรค์แล้ว “คนมีเงินพวกนี้ก็จริงๆ เลย แบบนี้สิถึงจะเป็นคนมีเงิน บอกว่าจะให้เงินก็ให้เงิน ไม่ลังเลเลยสักนิด พ่อเธอไปดูที่ธนาคารแล้ว เขาโอนเงินมาแล้ว โอ้ ต่อไปเราก็จะมีบ้านหลังใหม่…”
“พอแล้วค่ะแม่”