ก็จะให้เธอทนไหวได้ยังไงกันเล่า ตอนนี้ใบหน้าเธอแดงก่ำเสียไม่มีดีในขณะที่มือสัมผัสโดนบางอย่างที่แข็งขึง และมันกำลังขยายใหญ่ด้วยความเร็วและขนาดที่น่าตกใจเป็นที่สุด ให้ตายเถอะ…หลินเช่อมองผู้ชายตรงหน้าเธอ “คะ คะ คุณ…นะ นี่…เราจะทำยังไงกันต่อ…”
กู้จิ้งเจ๋อมองดูผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอยังจะกล้าถามอีกเหรอว่าจะทำอะไร…
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ!” กู้จิ้งเจ๋อถามด้วยความฉุนเฉียว
หลินเช่อเจียนจะร้องไห้เต็มแก่ “คุณไม่รู้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนี่นา มันเป็นของคุณนะ ไม่ใช่ของฉัน”
เขาก้มหน้าลงมองเธอ แต่หลินเช่อรีบหันหนี ทำเป็นไม่เห็นสายตาเว้าวอนคู่นั้น
เขาขยับยิ้มที่มุมปากแล้วค่อยๆ โน้มลงไปหาใบหูเธอ มองดูใบหูเล็กๆ บอบบางนั้น ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะแตะจูบลงอย่างแผ่วเบา
หลินเช่อสั่นระริกไปทั่วร่างราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดเข้ามาจากริมฝีปากคู่นั้น
เสียงของกู้จิ้งเจ๋อนั้นใกล้เสียจนราวกับว่ามันออกมาจากร่างกายเนื้อตัวของเขา
“มันอาจจะเป็นของฉันก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่ยอมฟังฉันแล้วนี่นา บางทีมันอาจจะยอมฟังเธอก็ได้ ไหนลองพูดใหม่ซิ เราจะทำยังไงกันต่อ”
“…”
หลินเช่อกลืนน้ำลาย รู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงดูดเข้าไปใต้สายตาคู่นั้น เธอแทบลืมหายใจ
“แต่ แต่ว่า…”
“ลองสัมผัสมันดูสิ สัมผัสมันเท่าที่เธอจะรู้สึกสบายใจกับมัน ตกลงมั้ย”
“แต่…”
“ฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ” เขาคว้ามือเธอไว้และจับมันกดลงไปตรงนั้น
มีเพียงผ้าเช็ดตัวขวางไว้เท่านั้น หลินเช่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสัมผัสมัน จับมันเอาไว้ และกอดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเกร็งเขม็งขึ้น ในขณะที่ตัวเธอเองแทบจะอยากตายด้วยความขัดเขิน
ใครก็ได้ช่วยบอกเธอหน่อยเถอะ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไรกันแน่
แม้จะเป็นการสัมผัสเพียงแผ่วเบา แต่ดูเหมือนว่ากู้จิ้งเจ๋อจะทรมานเอามากๆ
เขาไม่อาจหักห้ามจินตนาการที่กำลังขยายตัวใหญ่โตขึ้นมาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มรู้สึกเพียงว่าพลังในการควบคุมตัวเองอันยิ่งใหญ่ที่เขามีกำลังพังทลายครืนลงมาแล้วอย่างสิ้นเชิง
ไม่สิ แค่นี้ยังไม่พอหรอก
เขายังต้องการอีก เขาอยากจะกลืนกินผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า อยากมากเหลือเกิน
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่อาจ…
ในชั่วขณะที่ใกล้จะสูญเสียการควบคุมตัวเองนั้นเอง เขาก็หลับตาและบังคับตัวเองให้ก้าวลงจากเตียง
หลินเช่อตกใจ คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด
“ฉันทำคุณเจ็บเหรอคะ…ฉะ…ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่ามือของเธอเพิ่งจะไปสัมผัสร่างกายส่วนใดของเขามา หญิงสาวก็รีบชักมือหนีโดยเร็ว เธอจ้องมองมือตัวเอง สับสนงุนงงจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
กู้จิ้งเจ๋อบ้า…นี่เขาพยายามจะทำอะไรกันแน่นะ…
ชายหนุ่มรีบผลุบเข้าห้องน้ำและเปิดก๊อกน้ำเย็นอย่างรวดเร็ว เขาก้าวเข้าไปในสายน้ำเย็นเฉียบราวน้ำแข็งนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น
ยิ่งได้ยินเสียงหญิงสาวที่กำลังร้องเสียงดังอยู่ข้างนอก เขาก็ยิ่งสบถก่นด่า
ใช่แล้ว เขาทำอะไรไม่ได้น่ะสิ เพราะฉะนั้นนี่มันยิ่งแย่ยิ่งกว่า!
เขาอ้อยอิ่งอยู่ใต้ฝักบัวพักใหญ่ก่อนที่จะออกมาจากห้องน้ำ
เขาเห็นหลินเช่อโดดผลุงลุกขึ้น เขาจึงรีบบอกเธอว่า “พอที ไม่ต้องทำอะไรแล้ว รีบนอนเถอะ”
ถ้าใครได้มาเห็นฉากอันน่าอับอายนี้ของเขาเข้าละก็ คงจะต้องหัวเราะจนท้องแข็งเป็นแน่
เรื่องน่าเศร้าก็คือ ในบรรดาผู้คนตั้งมากมาย เรื่องแบบนี้กลับมาเกิดกับเขา
หลินเช่อมองดูกู้จิ้งเจ๋อที่มีท่าทางดีขึ้นแล้ว แม้ว่าเนื้อตัวเขาจะยังเปียกฉ่ำแต่ก็ดูเหมือนว่าอารมณ์วาบหวามทั้งหลายจะหมดไปแล้ว
เธอคิดว่ามันแปลกทีเดียว ที่อารมณ์นั้นสามารถเหือดหายไปได้ด้วยการเข้าไปอยู่ในห้องน้ำนานครึ่งชั่วโมง
ถึงแม้จะไม่ได้เห็นกับตาแต่เธอก็พอจะรู้จากเสียงที่ได้ยิน และนี่ทำให้เธอเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้
นี่เขาเข้าห้องน้ำไปเพื่อ…
ช่วยตัวเองหรือเปล่านะ
หลินเช่อแทบจะระเบิดหัวเราะออกมา
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อก็บูดบึ้งและมึนตึงเต็มทีราวกับก้อนหิน
หญิงสาวรีบนั่งลง ยกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างแล้วพลิกตัวหันตะแคงข้างให้
“นอนเถอะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอก่อนจะล้มตัวลงนอน เขายังคงอึดอัดไม่หายในขณะที่คนข้างๆ ดูจะระบายลมหายใจด้วยเสียงอันดัง
ที่น่าหงุดหงิดก็คือ ร่างกายของเขาที่เริ่มจะสงบลงแล้วเมื่อครู่ ทำไมถึงได้ปั่นป่วนขึ้นมาอีกระลอกได้ล่ะเนี่ย
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วพลิกตัว
หลินเช่อยังขบคิดถึงเรื่องนี้ บางทีเรื่องผู้หญิงอาจจะเป็นปัญหาสำหรับกู้จิ้งเจ๋อ เพราะฉะนั้นเธอกับเขาอาจจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุขไปอีกนาน แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็น
ลองดูเขาสิ…ออกจะดูสุขภาพแข็งแรง
แล้วทำไมเขาถึงยังสามารถหักห้ามใจตัวเองได้อยู่อีกล่ะ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาต้องการรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถแตะต้องเธอได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถควบคุมตัวเองได้แบบนี้กระมัง
หลินเช่อคิด บางทีผู้ชายอาจจะไม่เหมือนผู้หญิงที่ควบคุมตัวเองได้ดีกว่า เพราะเธอเองก็สามารถมองดูผู้ชายหล่อๆ ได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นว่าจะมีอาการหัวใจกระตุกบ้างนิดหน่อย แต่สำหรับผู้ชายแล้ว ยังไงก็ต้องมีการแสดงออกทางร่างกาย
ดูเหมือนว่าชีวิตกู้จิ้งเจ๋อจะน่าเศร้ามากทีเดียว…
เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเช่อก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอผงกศีรษะและรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหว เธอจึงถามออกไปว่า “กู้จิ้งเจ๋อ คุณหลับหรือยังคะ”
“อือ” เขาพึมพำ
หลินเช่อบ่นใส่ “คุณจะหลับแล้วได้ยังไงในเมื่อยังพูดอยู่เลย”
“ฉันละเมอพูดไม่ได้หรือไง”
ดูเหมือนว่าเขาจะยังอารมณ์เสียอยู่
หลินเช่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ชายที่ถูกทำให้ขาดช่วงแบบนี้จะน่ากลัวสักแค่ไหน เธอจึงยิ้มแล้วถามว่า “รู้สึกไม่ดีเหรอคะ”
นี่หล่อนยังมีหน้าถามอีกงั้นรึ
“เธอ คิด ว่า ยังไง ล่ะ”
หลินเช่อได้ยินเขากัดฟันตอบ
เธอจึงรีบบอก่า “ฉันขอโทษนะคะ…งั้นคราวหน้าเราแยกกันนอนดีไหม”
“…ไม่จำเป็น” เขาตอบ
หลินเช่อหัวเราะคิกแล้วเงียบเสียงลง ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกว่า “ขอบคุณนะคะ…”
ขอบคุณที่อุตส่าห์อดทนกับความทรมานแบบนี้
ถึงแม้ว่าข้อตกลงนั้นจะเกิดขึ้นในตอนแรก แต่การรักษาสัญญาก็เป็นคุณธรรมที่พึงปฏิบัติ
ยิ่งคิด กู้จิ้งเจ๋อก็ยิ่งอารมณ์บูดหนักขึ้นไปอีก
“ถ้ายังพูดมากอีกละก็ ฉันจะไม่รักษาคำพูดแล้วนะ!”
หลินเช่อรีบหุบปากฉับ เธอกอดผ้าห่มแน่น หันหลังให้เขา รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นปลอดภัย
แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าดูเหมือนโชคดีทั้งหลายในชีวิตของเธอที่มีจะเกิดขึ้นเพราะเขา
เพราะเธอบังเอิญได้พบกับเขา บางทีเธออาจจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆ ก็ได้
บางทีหลังจากที่เธอหย่ากับเขาแล้วในอนาคต เธออาจไม่มีโอกาสได้พบเจอผู้ชายดีๆ แบบนี้อีกเลยก็เป็นได้
ก็โลกนี้จะมีคนแบบกู้จิ้งเจ๋อสักกี่คนกันล่ะ
วันต่อมา
หลินเช่อตื่นนอนและเดินออกจากห้องพร้อมชายหนุ่ม
“ฉันจะไปทำงานนะคะ”
“โอเค ฉันจะไปกับเธอด้วย” เขาบอก แต่ทันทีที่เขาเปิดประตู โม่ฮุ่ยหลิงก็วิ่งถลาเข้ามาหา
“จิ้งเจ๋อ นั่นคุณจะไปไหนคะเนี่ย! บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันกำลังจะไปทำงานพอดี พาฉันไปด้วยนะคะ”
หลินเช่อหน้าเสีย
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาลืมไปสนิทว่าโม่ฮุ่ยหลิงย้ายมาอยู่ใกล้มากเสียจนสามารถเดินมาหาได้