โชคดีที่การถ่ายทำในวันนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและทุกคนไม่ต้องอยู่ทำงานต่ออีกวันอย่างที่คาดกันไว้
เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง ทุกคนก็ทยอยกันขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับ ฉินหวานหว่านรีบเข้ามาดึงตัวหลินเช่อให้ตามไปและชวนให้เธอร่วมดื่มฉลองกับคนอื่นๆ ด้วยกันในช่วงรับประทานอาหารเย็นหากเธอไม่ได้มีสิ่งใดที่ต้องไปทำในคืนนี้
คืนนั้นเอง ผู้กำกับ ทีมงาน และหญิงสาวทั้งสองที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มราวเจ็ดแปดคนก็ตรงไปที่คลับเพื่อร่วมกินดื่มและร้องเพลง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเช่อได้มาที่นี่กับพวกเขา ฉินหวานหว่านเป็นสาวเข้าสังคมเก่ง เธอสามารถพูดคุยได้กับทุกคนได้อย่างเป็นกันเองและไม่ถือตัว หลินเช่อกำลังนั่งมองคนโน้นคนนี้อยู่อย่างเพลิดเพลินเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหา “นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่มาที่นี่สินะจ๊ะ ที่นี่น่ะมีคนจากในวงการมาเที่ยวกันเยอะแยะเลย”
หลินเช่อตอบ “ฉันเป็นแค่ดาราหน้าใหม่น่ะค่ะ ไม่ค่อยรู้จักใครนักหรอก”
ฉินหวานหว่านให้กำลังใจ “สุดท้ายเธอก็จะได้รู้จักไปเองนั่นแหละจ้ะ รู้จักคนให้เยอะๆ เข้าไว้น่ะไม่เสียหายหรอกนะถ้ารักจะทำอาชีพนี้”
“ค่ะ” หลินเช่อไม่ใช่คนที่เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่ายนัก เธอไม่ใช่คนช่างพูดหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ในทันที แต่ถ้าหากได้สนิทสนมคุ้นเคยกันแล้วละก็ เธอจะกลายเป็นคนพูดไม่หยุดไปเลยทีเดียว
ฉินหวานหว่านพูดต่อไปอีกว่า “เอาล่ะ งั้นฉันจะเป็นพี่ใหญ่ให้เธอเองก็แล้วกัน แล้วฉันจะลากเธอไปด้วยทุกที่เลยด้วย มาเถอะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
หลินเช่อยิ้ม มองดูอีกฝ่ายอย่างนึกชื่นชมที่สามารถเข้ากับทุกคนได้อย่างง่ายดายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้
ฉินหวานหว่านว่า “แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับกู้จิ้ิ้งอวี่ก็ไม่ได้แย่นี่จ๊ะ”
หลินเช่อตอบเบาๆ “แต่มันก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่เหมือนกันน่ะค่ะ ฉันไม่ได้ติดต่อเขามาพักใหญ่แล้ว”
“จริงเหรอ เขาเป็นไอดอลของฉันเลยนะเนี่ย ฮิๆ แต่บางทีฉันอาจจะได้ร่วมงานแสดงกับเขาเร็วๆ นี้นี่แหละ”
“จริงเหรอคะ ดีเลย เขาเป็นนักแสดงที่เก่งทีเดียว” หลินเช่อชม
ฉินหวานหว่านยิ้มล้อๆ แล้วมองหน้าหลินเช่อ “งั้นก็แปลว่า ข่าวลือระหว่างพวกเธอสองคนนี่ก็…”
“เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้นแหละค่ะ!” หลินเช่อรีบบอก “ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ มันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น”
“โอเคๆ”
ขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น หลินเช่อก็รู้สึกว่ามีสายเรียกเข้าที่โทรศัพท์ของเธอ เมื่อดึงออกมาดูก็ได้เห็นว่าเป็นสายจากกู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง
สายตาของฉินหวานหว่านนั้นคมปลาบทีเดียว เธอมองเห็นชื่อที่ระบุว่า ‘สามีสุดที่รัก’ อย่างชัดเจนบนหน้าจอโทรศัพท์จึงยิ้มให้และหยอกว่า “โอ้ งานเข้าแล้วละสิเนี่ย”
หลินเช่อหน้าแดง
ฉินหวานหว่านเห็นแล้วก็หัวเราะก่อนจะแตะไหล่อย่างปลอบโยน “เอาน่า ก็ถ้าเธอมีแฟนแล้วจะทำไมล่ะ เธอก็โตป่านนี้แล้ว ไม่มีใครห้ามเธอหรอกจ้ะ ฉันไม่บอกใครหรอก สบายใจได้นะ”
หลินเช่อตอบ “มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ…แต่ถึงยังไง ฉันก็ต้องรับสายนี้”
หลินเช่อรีบกดรับสาย เมื่อต่อติดเธอก็ได้ยินเสียงกู้จิ้งเจ๋อถามขึ้นว่า [นี่เธอจะกลับเมื่อไหร่น่ะ]
มุมปากของหญิงสาวขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่อาจห้ามได้ “จะกลับเร็วๆ นี้นี่แหละค่ะ”
[โอเค งั้นฉันไปรับนะ]
อันที่จริงกู้จิ้งเจ๋อค่อนข้างจะอดทนและเข้าอกเข้าใจทีเดียว เขาคิดว่ามันเป็นการดีสำหรับหลินเช่อที่ได้ออกสนุกข้างนอกบ้าง คนเราต้องมีสังคมและพื้นที่ส่วนตัวกันบ้างในบางเวลา นั่นเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพจิต
เมื่อหลินเช่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อ เธอก็รีบก้าวขึ้นรถแล้วบอกว่า “ฉันแค่แวะมาดูหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ทุกคนต่างก็เป็นทีมงานแล้วก็นักแสดงบางส่วนจากรายการทั้งนั้น”
กู้จิ้งเจ๋อบอกว่า “เธอเอาแต่อยู่บ้านตลอดเวลาน่ะไม่ดีหรอก เธอควรจะมีเพื่อนให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคนซื่อบื้ออย่างเธอก็จะไม่มีเพื่อนดีๆ ไว้คอยพึ่งพา จะทำอะไรทีก็ลำบาก”
“เฮ้ นี่คุณจะเรียกฉันว่ายัยซื่อบื้อตลอดเวลาเลยงั้นเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่เป็นความสามารถพิเศษของเธอนะ ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดบ่อยๆ เหมือนกันนั่นแหละ แต่พอเห็นหน้าเธอทีไรมันก็นึกขึ้นได้ทุกที จะให้ทำยังไงได้ล่ะ” ขณะพูดเขาก็เอื้อมมือมาลูบหัวเธอ หลินเช่ออยากขยับตัวหนี เธอรู้หรอกน่าว่าเขาพยายามจะทำอะไรน่ะ แต่เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะมาลูบหัวกันแบบนี้ได้ไง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินเช่อก็จัดแจงล้างเครื่องสำอาง อาบน้ำ สำรวจดูสิ่งต่างๆ และพูดคุยกับบรรดาสาวใช้
กู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าบ้านกำลังวุ่นวายอึกทึกไปด้วยเสียงพูดคุย
แทนที่จะรู้สึกเช่นนั้น เมื่อชายหนุ่มกวาดตามองไปทั่วห้อง เขากลับคิดว่าเพียงแค่คนคนเดียว กลับทำให้ห้องที่ว่างเปล่ารู้สึกเติมเต็มขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
หลินเช่อคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีชีวิตชีวาจริงๆ
รายการเรียลลิตี้ของหลินเช่อยังไม่ได้ออกอากาศแต่ก็มีตัวอย่างรายการฉายให้ดูแล้ว
ในตัวอย่างรายการนั้น มีตอนที่ทุกคนแห่กันเข้าไปในห้องของหลินเช่อ ตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นนั้นเธอรู้สึกอายอย่างมาก และเมื่อได้มาเห็นภาพบนจอโทรทัศน์อย่างนี้ เธอก็คิดว่าตัวเองดูน่าเกลียดสิ้นดี แต่เมื่อลองไปตามอ่านความคิดเห็นของคนอื่นในโลกออนไลน์แล้ว หลินเช่อกลับพบว่าเธอมีฐานแฟนๆ ที่ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่พวกเขาจะพากันบอกว่า [ฉันยังชอบหลินเช่อนะ เธอจริงใจแล้วก็ไม่เสแสร้งดีน่ะ]
[ใช่เลย หวังฉิงฉู่น่ะเฟคจะตาย ฉันบอกได้เลยว่าหล่อนกำลังแสดงอยู่ ทำตัวยั่วยวนอย่างกับผู้หญิงอย่างว่ายังไงยังงั้นแหละ]
[ฉันว่าฉากนี้ไม่ได้ดูแย่อะไรเลยนะ หลินเช่อดูดีออกจะตาย หน้าสดขนาดนี้แต่ผิวเธอยังดูดีอยู่เลย ตาก็โต แล้วก็ดูสวยอีกต่างหาก]
[หลินเช่อน่ารักจัง]
หลินเช่อตกตะลึง เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าฉากดังกล่าวจะได้รับแต่คำชมมากมายขนาดนี้
ในช่วงบ่าย หลินเช่อไปนั่งดูตัวอย่างรายการกับอวี๋หมินหมิ่นที่บริษัท ผู้จัดการสาวบอกกับเธอว่า “นี่เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ต้องรอจนกว่าจะออกฉายจริงนั่นแหละ ถึงจะรู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง”
อวี๋หมินหมิ่นหันมามองหลินเช่อ “ผิวเธอดีมากก็เลยทำให้ยังดูสวยแม้จะไม่ได้แต่งหน้า เพราะงั้นจงมั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้นะ เห็นมั้ย ขนาดหน้าสดเธอยังเอาชนะหวังฉิงฉู่ได้เลย”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะพี่อวี๋ พี่ก็พูดเกินไป”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “อ้อ แล้วก็อีกอย่าง ตัวแทนของฉินหวานหว่านติดต่อเรามานะ พวกเขาถามว่าเราอยากจะเดินสายโปรโมตรายการร่วมกันหรือเปล่า
“โปรโมตร่วมกันเหรอคะ” หลินเช่อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก”
อวี๋หมินหมิ่นจึงอธิบายต่อไปว่า “มันก็เหมือนกับการลดแลกแจกแถมน่ะ เป็นการทำกิจกรรมร่วมกันของดาราสองคน แฟนๆ น่ะชอบที่จะได้เห็นดาราไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะงั้นการร่วมโปรโมตกันกับฉินหวานหว่านก็น่าจะทำให้ภาพออกมาดูดีกว่านะ ถ้าเธอสนใจ เราก็จะไปคุยรายละเอียดกัน ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อาจเป็นแค่การให้เธอสองคนออกสัมภาษณ์ร่วมกันหรือไม่ก็ไปออกรายการด้วยกัน ฉินหวานหว่านได้รับความสนใจจากแฟนๆ เป็นอย่างดี ส่วนเธอก็ขาดเรื่องการเข้าสังคมกับคนในวงการ นี่น่าจะช่วยได้”
หลินเช่อฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “โอเคค่ะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้นักหรอก แต่ฉันเชื่อพี่ค่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มก่อนตัดสินใจ
ตอนนี้หลินเช่อเข้าใจแล้วว่าการ ‘ใช้โชคดีให้เป็นประโยชน์’ นั้นหมายความว่าอย่างไร
แม้ว่าหลินเช่อจะดูเป็นคนหัวช้าในรายการ แต่ในอินเทอร์เน็ตก็พูดถึงเรื่องนี้กันว่าบุคลิกแบบเข้าใจอะไรช้าของเธอนั้นดูน่ารักดี ฉากที่ทุกคนกำลังพยายามแข่งกันเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่หลินเช่อกลับเดินลอยชายไปมาอยู่ทางด้านหลัง หรือตอนที่ทุกคนพยายามแกล้งเธอหลายต่อหลายครั้ง แต่หลินเช่อกลับต้องใช้เวลาพักใหญ่ทีเดียวกว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้บรรดาแฟนๆ หัวเราะชอบใจกันอย่างมาก
ทุกคนพากันตั้งชื่อใหม่ให้หลินเช่อ ตอนนี้เธอถูกเรียกว่า ‘แม่สาวสมาธิสั้น’
หลินเช่อหัวช้าจึงกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ไปชั่วขณะในทันที
หญิงสาวพูดกับอวี๋หมินหมิ่นด้วยความแปลกใจ “ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ฉันคิดว่าการแสดงของฉันมันแย่ออกจะตาย แล้วตัวเองคงจบเห่แน่แล้ว”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “การแสดงของเธอไม่ได้แย่หรอก แค่เธอคิดอะไรออกช้ากว่าชาวบ้านเขา แต่นั่นคือตัวจริงของเธอไงล่ะ เราไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้”
ผู้ช่วยของอวี๋หมินหมิ่นที่นั่งอยู่ไม่ไกลหัวเราะแล้วบอกว่า “หลินเช่อ พี่อวี๋น่ะเป็นมืออาชีพตัวจริงนะ เธอต้องเชื่อใจสิ่งที่พี่อวี๋บอก พี่เขาเป็นคนเก่งมากจริงๆ ไม่มีใครเทียบได้เลย ไม่อย่างนั้นพี่เขาคงไม่ได้กลายเป็นผู้จัดการอันดับหนึ่งแบบนี้หรอก พี่อวี๋น่ะเป็นตัวแทนนักแสดงที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการนี้เลยนะ ทุกคนรู้ดีว่าพี่อวี๋น่ะเยี่ยมยุทธ์แค่ไหน เธอโชคดีมากเลยนะที่ได้อยู่ในการดูแลของพี่เขา”
เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 124 ไม่คาดว่ามันจะออกมาดี
Posted by ? Views, Released on September 30, 2021
, เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก
หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน!
ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด