เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 135 โทรศัพท์ที่เข้ามาขัดจังหวะ

หลินเช่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงตอบไปว่า “ทำไมถึงไม่รอบคอบอย่างนี้นะ เดี๋ยวฉันไปรับ คืนนี้เธอค้างกับฉันก็ได้” 
 
 
“ฮ่าๆๆ ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่จ๊ะ ดวงมันซวยน่ะ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะอีตาโจวหมินฮั่นนั่นแหละที่มายุ่มย่ามอยู่ที่ชั้นล่าง” 
 
 
หลินเช่อถามที่อยู่และหันไปถามเฉินอวี่เฉิง “ที่อยู่นี่เขตอะไรคะ พอดีฉันต้องไปรับเพื่อนน่ะค่ะ” 
 
 
เฉินอวี่เฉิงตอบว่า “คุณผู้หญิงรอเป็นเพื่อนท่านประธานกู้อยู่ที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวผมช่วยไปรับเพื่อนของคุณให้เอง” 
 
 
หลินเช่อค้าน “คุณอาจจะหาบ้านไม่เจอก็ได้นะคะ…” 
 
 
“ใช่เพื่อนคุณคนที่เมาแอ๋อยู่ในบาร์เมื่อคราวก่อนหรือเปล่าละครับ” เฉินอวี่เฉิงถามเรียบๆ 
 
 
“ใช่ค่ะ” 
 
 
“ถ้างั้นผมรู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหน” ขณะที่พูดเขาก็เดินไปหยิบกุญแจรถและเดินออกไป 
 
 
ตอนนั้นหลินเช่อถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยขอให้เขาช่วยพาเฉินโยวหรานไปส่งบ้านเมื่อครั้งก่อน 
 
 
ภายในคลินิก นางพยาบาลกำลังตรวจร่างกายให้กู้จิ้งเจ๋อ 
 
 
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลินเช่อก็ถามว่า “เขาเป็นยังไงบ้างคะ” 
 
 
นางพยาบาลตอบ “เรายังต้องรอให้คุณหมอเฉินกลับมาก่อนค่ะถึงจะรู้ได้ แต่จากที่ฉันตรวจดู นี่เป็นอาการกระเพาะอาหารอักเสบนะคะ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะคุณผู้หญิง” 
 
 
หลินเช่อถามอย่างหวั่นใจ “กระเพาะอักเสบนี่ปวดนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันไม่เคยปวดเพราะอะไรแบบนี้เลย” 
 
 
นางพยาบาลหัวเราะแล้วตอบว่า “ร่างกายของแต่ละคนก็ตอบสนองไม่เหมือนกันน่ะค่ะ ร่างกายของคุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรเลยก็จริง แต่ระบบย่อยอาหารของคุณกู้ออกจะอ่อนแออยู่สักหน่อย” 
 
 
หลินเช่อหันไปมองชายหนุ่มอย่างรู้สึกผิด “ฉันจะไม่ให้คุณกินอาหารข้างทางอีกแล้วค่ะ ฉันลืมไปเลยว่าคุณไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน คุณกินแต่อาหารสุขภาพก็เลยไม่คุ้นกับอะไรแบบนี้ อีกอย่างตอนนี้คุณก็อายุมากแล้ว เกือบจะสามสิบอยู่แล้วนะคะ…” 
 
 
“…” คนป่วยเงยหน้าทันควันเมื่อได้ยินเธอพูดถึงอายุของเขา 
 
 
เขาจ้องเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอว่ายังไงนะ” 
 
 
หลินเช่อยังพูดต่อ “แหม ก็คุณจะสามสิบจริงๆ นี่! คุณต้องยอมรับอายุตัวเองสิคะ ว่าคุณไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะฟื้นตัวได้เร็วน่ะ คุณต้องระวังให้มากกว่านี้” 
 
 
เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอบ่นเรื่องอายุเขา! 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจ้องหน้าเธอเป๋ง หลินเช่อจึงรู้สึกตัวว่า เธอคงจะพูดมากเกินไปอีกแล้ว 
 
 
ให้ตายสิ ทำไมอีตานี่ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้นักนะ 
 
 
ขี้ใจน้อยเสียจริงเลย 
 
 
แต่ถึงจะขัดใจอย่างไร หลินเช่อก็ยอมหุบปากแต่โดยดี 
 
 
เธอหัวเราะแห้งๆ และโชคดีที่โทรศัพท์ของกู้จิ้งเจ๋อดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน 
 
 
ชายหนุ่มก้มลงดูและเห็นชื่อที่กะพริบถี่ๆ บนหน้าจอ 
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงนั่นเอง… 
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงถูกกักตัวไว้ในบ้านมาได้สองสามวันแล้ว แม้ว่าเธอจะยังคงโกรธและหัวเสีย แต่สุดท้ายเธอก็ได้เข้าใจอะไรหลายอย่าง 
 
 
พ่อของเธอพูดถูก ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่คอยตามติดเป็นเงาตามตัว ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีคู่แข่ง กู้จิ้งเจ๋อจึงดีกับเธอเพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้เธอจะทำตัวหัวดื้อเอาแต่ใจเหมือนเดิมอีกไม่ได้แล้ว โม่ฮุ่ยหลิงไม่คิดว่าเธอจะด้อยกว่าหลินเช่อตรงไหน เธอมาจากพื้นเพครอบครัวที่ดีกว่า ฐานะก็ร่ำรวย เธอเป็นคุณหนูผู้มั่งคั่ง ไม่มีทางเลยที่นังแมวจรจัดอย่างหลินเช่อจะมาเทียบเธอได้ 
 
 
อีกอย่าง หลินเช่อนั้นได้อยู่ใกล้ชิดเขามากกว่า กู้จิ้งเจ๋อจึงอาจคิดว่าเธอน่ารักอยู่ แต่ก็เพราะว่าเป็นของใหม่เท่านั้นแหละ หล่อนเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน แตกต่างจากเธอ เธอรู้จักกู้จิ้งเจ๋อมาหลายปี และความรู้สึกที่เธอและเขามีต่อกันก็เป็นของจริง หลินเช่อไม่มีทางสู้ได้ 
 
 
ด้วยเหตุนี้โม่ฮุ่ยหลิงจึงให้คำมั่นกับบิดาว่าเธอรู้แล้วว่าเธอควรจะต้องทำอย่างไร และเธอจะไม่ทำให้ตระกูลโม่ต้องเสื่อมเสียอีก 
 
 
ด้วยเหตุนี้บิดาของเธอจึงได้ยอมปล่อยตัวออกมา 
 
 
เมื่อเป็นอิสระ โม่ฮุ่ยหลิงก็นึกอยากจะโทรหาเขาทันที เธอไม่อาจห้ามตัวเองได้หลังจากที่ไม่ได้ติดต่อเขามาหลายวัน เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทอดทิ้ง 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อรับโทรศัพท์และถามว่า “มีอะไรเหรอ” 
 
 
เมื่อได้ยินเสียงเขา เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลงว่า [จิ้งเจ๋อคะ ทำอะไรอยู่เหรอ] 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ฉันยุ่งอยู่น่ะ มีอะไรหรือเปล่า” 
 
 
หญิงสาวรีบตอบ [ไม่มีอะไรค่ะ แหม คุณพูดอย่างกับว่าฉันต้องมีอะไรเสียก่อนถึงโทรหาคุณอย่างงั้นแหละ ฉันแค่อยากจะขอโทษคุณ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันกังวลมากไปเอง ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาฉันได้ลองคิดทบทวนตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วก็ได้รู้ว่าฉันทำตัวราวกับคนบ้า เพราะแบบนี้ฉันถึงได้กลายเป็นคนหัวดื้อแล้วก็ไม่รู้จักเป็นผู้ใหญ่เสียที ต่อไปฉันจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้วนะคะ] 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจและบอกไปว่า “รู้ตัวเองก็ดีแล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะวางสายล่ะ” 
 
 
[โอเคค่ะ ไปเถอะ ถ้าว่างก็ค่อยมาหาฉันนะคะ] 
 
 
“อืม” 
 
 
ชายหนุ่มวางสายแล้วหันไปมองหลินเช่อ “คราวก่อนเธออาละวาดเสียไม่มีดี แต่พอมาตอนนี้กลับมาบอกขอโทษ” 
 
 
หลินเช่อทำหูทวนลม เพราะไม่อย่างนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะตอบว่าอะไร เธอมักพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไปอยู่เสมอ 
 
 
หลินเช่อเป็นคนไม่พูดถึงใครลับหลัง ถึงยังไงนี่ก็เป็นเรื่องระหว่างเขาสองคน ก็ต้องจัดการกันไปเองนั่นแหละ 
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงวางสายแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเสียงของกู้จิ้งเจ๋อออกจะเฉื่อยชาเซื่องซึมผิดปกติ ดูอารมณ์ไม่สู้ดีนัก 
 
 
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ 
 
 
ด้วยเหตุนี้เธอจึงขอให้คนรู้จักช่วยสืบข่าว 
 
 
ตอนที่เธอและกู้จิ้งเจ๋อยังคบหากัน เธอพอจะมีสายอยู่บ้าง พวกเขารู้เรื่องความสัมพันธ์พิเศษระหว่างเธอและกู้จิ้งเจ๋อเป็นอย่างดี และในไม่ช้าพวกเขาก็คาบข้อมูลมาบอกว่ากู้จิ้งเจ๋อออกไปทานอาหารนอกบ้านกับหลินเช่อและลงเอยด้วยอาการปวดท้อง เขาเป็นกระเพาะอาหารอักเสบและตอนนี้กำลังเข้ารับการรักษาจากหมอเฉิน 
 
 
เมื่อฟังจบ โม่ฮุ่ยหลิงแทบจะปาโทรศัพท์ในมือทิ้ง 
 
 
“หลินเช่อ…นังหลินเช่ออีกแล้วเรอะ” เธอกำหมัดแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ 
 
 
เธอจะแล่นไปที่นั่นในตอนนี้เลยไม่ได้ เรื่องนี้ต้องใช้แผนการระยะยาว 
 
 
เธอจะต้องกลับไปเป็นโม่ฮุ่ยหลิงคนเดิมในสายตาเขาให้ได้เสียก่อน 
 
 
เธอต้องยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน และวางแผนเป็นอย่างดีสำหรับอนาคตครั้งนี้ 
 
 
 
 
 
อีกด้านหนึ่ง 
 
 
เฉินอวี่เฉิงกลับมาแล้ว 
 
 
เขาเดินกลับเข้ามาพร้อมกับเฉินโยวหราน หญิงสาวหันมองอีกฝ่ายที่เดินก้าวเท้ายาวๆ โดยไม่แยแสเธอแม้แต่น้อยแล้วก็หน้าง้ำไป “นี่ นี่บ้านคุณเหรอคะ ใหญ่จังเลยนะ” เฉินอวี่เฉิงอึ้งไป เขาหันกลับมามองเธอ “นี่มันคลินิกของฉัน ใครจะพักอยู่ในที่แบบนี้กันล่ะ” 
 
 
ไม่มีตามองหรือไงนะ 
 
 
เฉินโยวหรานตอบอย่างไม่ลดละ “อ๋อเหรอ ก็ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงล่ะ” 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อนั้นอยู่ด้านใน ทั้งสองได้ยินเสียงทุ่มเถียงดังมาแต่ไกลจากด้านนอก 
 
 
เมื่อเฉินโยวหรานก้าวเข้ามาและได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อนั่งอยู่ แม้ว่าชายหนุ่มจะกำลังให้น้ำเกลือและดูอ่อนเพลีย แต่เขาก็ยังดูโดดเด่นเป็นสง่าอย่างยิ่งราวกับมีแสงส่องประกายออกมาจากตัว 
 
 
เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่ 
 
 
หญิงสาวจึงร้องเสียงดังด้วยความประหลาดใจ “อา นั่นกู้…ประธานกู้ไม่ใช่เหรอ ในที่สุดก็ได้เจอกันตัวเป็นๆ สักทีนะเนี่ย” 
 
 
“…” 
 
 
หลินเช่อร้อง “เฉินโยวหราน!” 
 
 
หลินเช่อนึกอายกู้จิ้งเจ๋อ “นี่เพื่อนที่ฉันเล่าให้ฟังน่ะค่ะ เฉินโยวหราน” เฉินอวี่เฉิงยืนกลอกตาไปมาอยู่ทางด้านหลัง งี่เง่าเป็นบ้า มีผู้หญิงงี่เง่าแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย 
 
 
แต่จะว่าไปหลินเช่อก็ดูงี่เง่าไม่แพ้กัน 
 
 
พอลองคิดดูแล้ว ผู้หญิงสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนรักกันนี่นะ 
 
 
เฉินโยวหรานตื่นเต้นอยู่เป็นครู่ก่อนที่จะอาการดีขึ้น เธอหันมายิ้มให้เพื่อนสาวและนึกทึ่งที่หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อได้เป็นสามีภรรยากัน 
 
 
หลินเช่อลากแขนเพื่อนออกไปเพื่อถามว่า “เกิดอะไรขึ้นน่ะ แล้วทำไมเธอถึงลืมกุญแจไว้ในห้องได้ล่ะ” 
 
 
เฉินโยวหรานตอบ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะลืมหรอก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอีตาโจวหมินฮั่นแฟนเก่าเฮงซวยของฉันจะโผล่เข้ามาก่อกวนอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ล่ะ พ่อแม่ฉันพาน้องสาวไปเยี่ยมบ้านที่บ้านนอก ฉันไม่อยากตามไปให้โดนกระแนะกระแหน ไอ้ธรรมเนียมนี้มันแย่จริงๆ นะ ฉันเพิ่งอายุยี่สิบสามเองแต่ทุกคนก็เอาแต่เร่งให้แต่งงานเสียที ฉันไม่มีทางยอมไปที่นั่นแล้วก็ทนฟังอะไรแบบนี้หรอก แต่อยู่ๆ โจวหมินฮั่นก็มา ฉันตกใจเลยรีบพยายามวิ่งลงไปห้ามเขา ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านจะคิดยังไงถ้ามาเห็นเขาเข้า ใครจะรู้ล่ะ…” 

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset