ฉันเป็นผู้ชายของหลินเช่อ
หลินเช่อมองหน้าพ่อตัวเอง “พ่อคะ นี่หนูกลายเป็นคนไม่ดีไปได้ยังไงกันคะในเมื่อหนูไม่ได้มีส่วนรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับข่าวลือนั่นสักหน่อย”
“ถ้าแกบริสุทธิ์ใจจริงละก็ แกยังสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ด้วยการไปขอโทษบ้านตระกูลเฉิงซะ พวกเขายังคงหาผู้หญิงคนใหม่มาแต่งงานด้วยไม่ได้” หันไฉ่อิงขอตายซะดีกว่าที่จะยอมให้หลินลี่แต่งกับบ้านนั้น ส่วนหลินโหย่วไฉก็เฝ้าแต่หวั่นใจว่าทางตระกูลเฉิงจะเอาทรัพย์สมบัติมหาศาลนั้นไปยกให้ใครอื่นเสียก่อน ความคิดนี้ทำให้เขาวิตกไม่น้อยเลยทีเดียว
หลินเช่อไม่อยากจะเชื่อเลย เธอมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเย้ยหยัน เธอไม่คิดเลยว่าผู้เป็นบิดายังคงคิดถึงเรื่องนี้ไม่เว้นวาง
“พ่อคะ อย่าคิดถึงเรื่องนี้อีกเลยค่ะ ไม่ใช่หนูไม่อยากแต่งนะคะ อันที่จริงหนูมีแฟนแล้วเพราะฉะนั้นหนูจะไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่นเป็นอันขาด” หลินเช่อไม่ได้บอกออกไปว่าเธอแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ เพียงแค่บอกว่ามีแฟนเท่านั้น
หลินโหย่วไฉตกใจยิ่งนัก เขามองหน้าเธออย่างไม่เชื่อถือ “แกพูดจริงรึ”
หลินเช่อหัวเราะ “หนูจะโกหกเรื่องแบบนี้ทำไมละคะ”
“กู้จิ้งอวี่งั้นรึ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ นั่นเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น”
สายตาของหลินโหย่วไฉมีแววผิดหวัง มันก็คงเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผู้หญิงอย่างหลินเช่อจะไปเตะตาต้องใจคนอย่างกู้จิ้งอวี่ได้อย่างไรกัน
หลินโหย่วไฉพ่นลมใส่เยาะๆ “แกอย่าได้มีหน้าพาแฟนหนุ่มจิ๊กโก๋ของแกเข้ามาที่บ้านเป็นอันขาด ฉันจะบอกให้ แล้วก็อย่าโดนเขาหลอกด้วยล่ะ ฉันไม่เห็นว่าทางตระกูลเฉิงจะมีอะไรเลวร้ายตรงไหน ถ้าแกแต่งงานเข้าบ้านนั้นไป แกจะได้เป็นคุณผู้หญิงในทุกที่ที่แกไป ได้ใช้ชีวิตดีๆ มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ แก…”
“ถ้าพ่ออยากได้เงินของพวกนั้นนัก ทำไมไม่ส่งคุณแม่เลี้ยงไปแต่งงานเสียแทนละคะ หนูเป็นลูกพ่อนะ แต่พ่อกลับอยากจะขายหนู พ่อ…”
หลินเช่อเสียใจรุนแรง เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมเธอต้องเกิดมาในครอบครัวนี้ด้วย
หลินโหย่วไฉหน้าเสีย หันไฉ่อิงบังเอิญได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของหลินเช่อเข้า
“หลินเช่อ นี่แกพูดจาแบบนี้ได้ยังไง ฉันยอมให้แกมาร่วมงานหมั้นแล้วก็ปฏิบัติกับแกเหมือนคนในครอบครัว แกกล้าดียังไงมาพูดจากับฉันกับพ่อแกแบบนี้น่ะ”
หลินเช่อยิ้มเยาะ “คุณรู้ดีนี่คะว่าคุณยอมให้ฉันมาร่วมงานเพราะอะไร ถึงยังไงฉันก็มีแฟนแล้ว ฉันไม่คิดว่าตระกูลเฉิงจะยังเต็มใจรับฉันเป็นสะใภ้หรอกค่ะ ขอให้พวกคุณล้มเลิกความคิดนี้กันซะเถอะนะคะ”
หน้าของหันไฉ่อิงแดงก่ำ “แกมันผู้หญิงไร้ยางอาย! ฉันรู้ดี แกก็เสนอตัวให้เขาไปทั่วนั่นแหละ ทำมาปากดีบอกว่ามีแฟนแล้ว ภูมิใจนักหรือไงที่ได้เที่ยวอวดใครต่อใครว่าตัวเองใจง่ายแค่ไหนน่ะ แก…”
หลินเช่อรู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ยังคงดูผิดในสายตาของอีกฝ่ายอยู่นั่นเอง
ถ้าเธอหนีกลับเสียตอนนี้ พวกเขาก็คงพูดอีกนั่นแหละว่าเธอไม่ให้เกียรติครอบครัว
หรือถ้าเธอทำตัวดีๆ มาร่วมงาน พวกเขาก็คงหนีไม่พ้นพูดว่าเธอขี้อวด
หลินเช่อหมุนตัวและออกไปจากตรงนั้นทันที
แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณกำลังจะบังคับให้หลินเช่อแต่งงานกับคนอื่นงั้นเหรอ”
เสียงนั่น…
เสียงที่ทุ้มลึก แหบพร่า และเจือไปด้วยความรู้สึก
หลินเช่อหันกลับมาและเธอก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อยืนอยู่ทางด้านหลัง เขาอยู่ในสูทดำสนิทและกำลังเดินเข้ามาหา
ร่างสูงของเขาฉายรัศมีราวกับองค์กษัตริย์กำลังเสด็จมา ดวงตานิ่งสนิทไม่ไหวติงจนยากที่จะมีใครหยั่งถึงความรู้สึกภายในได้
หลินเช่อที่กำลังนั่งอยู่บนรถวีลแชร์ รู้สึกได้ถึงมือเขาที่เอื้อมมาผลักรถเข็นอย่างแทบไม่ต้องออกแรง
หลินเช่อไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาที่นี่
ไม่มีใครคาดคิดทั้งนั้นนั่นแหละ
หลินเช่อไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าเธอจะมางานหมั้นนี้
ถึงอย่างไรเธอกับเขาก็แต่งงานกันแค่เพียงในนาม เธอไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนกับธุระส่วนตัวใดๆ ของเธอ
หลินเช่อเงยหน้าขึ้นสบสายตาลึกล้ำของเขา ดวงตาสีเข้มนั้นดูราวกับจะจ้องลึกเข้ามาในตัวเธอ กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นมองหลินโหย่วไฉและหันไฉ่อิงด้วยสีหน้ารังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
หันไฉ่อิงถลึงตาจ้องกู้จิ้งเจ๋อก่อนจะตวัดเสียงถามอย่างหยาบคายว่า “แกเป็นใครมาจากไหนกัน”
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองหันไฉ่อิงอย่างไม่ใส่ใจ เสียงของเขาเย็นยะเยือก และถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามสะกดเอาไว้อย่างสุดกำลัง แต่เสียงนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยความเชือดเฉือนรุนแรง “นี่แม่เลี้ยงของเธอเหรอ” เขาก้มหน้าลงถามหลินเช่อ ไม่แยแสหันไฉ่อิงแม้แต่น้อย
หลินเช่อมองหันไฉ่อิงแล้วตอบว่า “อืม”
หันไฉ่อิงยกนิ้วขึ้นชี้หน้ากู้จิ้งเจ๋ออย่างโกรธเกรี้ยว “อ้อ แกคงจะเป็นไอ้แฟนจิ๊กโก๋ของหลินเช่อล่ะสิ ใช่มั้ยล่ะ”
“ใครปล่อยให้แกเข้ามาที่นี่”
กู้จิ้งเจ๋อจับวีลแชร์เอาไว้และมองหันไฉ่อิง ก่อนจะตอบโดยไม่กะพริบตาว่า “นี่เป็นงานฉลองหมั้น แน่นอนว่าคนในครอบครัวจะต้องมาร่วมงาน ในเมื่อคุณเชิญหลินเช่อ ฉันก็ต้องมาด้วยไม่ใช่เหรอ”
หลินเช่อคิดว่าหันไฉ่อิงคงจะไม่รู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นใครอย่างแน่นอน
แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยจินตนาการไว้เลยด้วยซ้ำว่าจะมีบุรุษที่สมบูรณ์พร้อมเช่นนี้อยู่จริงๆ ข้อแรก เขาเป็นยอดชายผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง สูงส่งเกินกว่าที่คนอย่างเธอจะเอื้อมถึงต่อให้พยายามแค่ไหนก็ตามที ข้อสอง ถึงแม้ว่านักข่าวจะพยายามแอบถ่ายภาพเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ กู้จิ้งเจ๋อมักจะถูกแวดล้อมด้วยบอดี้การ์ดจำนวนมากที่คอยปกป้องเขา และไม่ปล่อยให้มีภาพถ่ายหลุดรอดออกไปได้เลย
เป็นบุคคลที่ยากจะเข้าใจยิ่งนัก ผู้คนเคยได้ยินเกี่ยวกับเขา แต่ไม่เคยมีใครเห็นเขา
หันไฉ่อิงพิจารณาดูกู้จิ้งเจ๋ออย่างเต็มตาอีกครั้ง หมอนี่หน้าตาไม่เลว หรือว่าจะเป็นดาราเหมือนกันล่ะนี่
หันไฉ่อิงพ่นลมพรืดแล้วพูดว่า “แกเป็นใครกันจะมาอ้างว่าเป็นคนในครอบครัว ถ้าแกอยากจะแต่งงานและพานังหลินเช่อนั่นไปอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ควรจะมาขออนุญาตจากเราเสียก่อน ซึ่งบอกได้เลยว่าเราไม่มีทางยกให้แน่”
กู้จิ้งเจ๋อตอบสั้นๆ ปราศจากความรู้สึกใดในน้ำเสียง “ฉันไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตหากต้องการจะแต่งงานกับใคร”
“เฮอะ ทำตัวโอหังเกินไปแล้วนะ แม่นี่เป็นคนของตระกูลหลิน และหล่อนก็เป็นลูกสาวของเรา ไม่ใช่ผู้หญิงราคาถูกที่แกจะมาคว้าตัวไปเมื่อไหร่ก็ได้ ไหนลองบอกมาก่อนซิ ว่าแกทำมาหากินอะไร ได้เงินเดือนละเท่าไหร่ มีบ้านช่องอยู่หรือเปล่า”
“เป็นคนเมืองนี้รึเปล่า มีรถมั้ย”
“แล้วนี่เตรียมสินสอดไว้ให้เราเท่าไหร่ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าสินสอดอย่างต่ำๆ ต้องหนึ่งล้านหยวน ถ้าไม่มีปัญญาก็อย่าฝันว่าจะได้แต่งงานกับหล่อนเลย หล่อนกินนอนอยู่ที่นี่มาตั้งกี่ปี แถมยังได้ใช้ชื่อคุณหนูหลินอีกต่างหาก… ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทั้งนั้น ไม่ใช่ของฟรี”
กู้จิ้งเจ๋อทวนคำ “หนึ่งล้านหยวนรึ”
หันไฉ่อิงถาม “แล้วจะทำไมล่ะ มีปัญญาหรือเปล่า ถ้าไม่มีปัญญาก็ไสหัวไปซะ”
เมื่อมาถึงตรงนี้ หลินโหย่วไฉเข้ามาดึงหันไฉ่อิงจากทางด้านหลัง เขามองกู้จิ้งเจ๋อด้วยแววตาตื่นเต้น ราวกับอยากจะประจบเอาใจ และพูดว่า “คุณเป็นแฟนของหลินเช่อจริงๆ น่ะหรือ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหลินเช่อที่กำลังกัดริมฝีปากและมองดูเขาท่าทีอายๆ
ดวงตาของเขาโชนแสงเป็นประกายระยิบเหมือนทะเลสาบยามสะท้อนแสงดวงดาว เขาขยับตัวเล็กน้อย
กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “ใช่”
หลินโหย่วไฉหัวเราะ “หลินเช่อนี่ก็ไม่ยอมบอกเราสักนิดว่ามีแฟน เธอน่าจะบอกเราให้เร็วกว่านี้หน่อย”