บทที่9 หญิงมือสองท้องแล้ว
“พวกคุณจะทำอะไรฉัน?”เสิ่นเฉียวอยากจะหนีออกไปข้างนอก แต่กลับโดนคนเหล่านี้ขวางทางเอาไว้
“อย่านะ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ปล่อยฉันสิ”
เสิ่นเฉียวยังไม่ทันตั้งตัวก็มีหนึ่งในชายชุดดำเข้ามาแบกตัวเธอแล้วรีบอุ้มเธอออกไปข้างนอก ชายชุดดำคนอื่นๆก็รีบเดินตามมา
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างงงกันไปหมด ต่างไม่รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น
***
บริษัทตระกูลเย่
“คุณชายเย่ คนของเราที่อยู่โรงพยาบาลส่งข่าวมาแล้วครับ”
เซียวซู่ไม่สนใจเหตุการณ์ภายในห้องรองรับ เขารีบเดินพุ่งเข้ามาแจ้งข่าวให้กับเย่โม่เซิน เย่โม่เซินกำลังคุยธุระกับแขกคนสำคัญอยู่ เดิมทีเขาคิ้วขมวดทันทีเมื่อมองเห็นเซียวซู่พุ่งพรวดเข้ามาในห้อง แต่เมื่อได้ยินข่าวที่เขาเข้ามาบอกแล้วเขาก็ค่อยๆเดินออกมาข้างนอก
“มีข่าวอัปเดตแล้วงั้นหรอ?”
เซียวซู่มองไปที่แขกคนอื่นแล้วพยักหน้าแรงๆทีหนึ่ง
ทันใดนั้น เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นายโจว วันนี้ผมต้องขอโทษด้วย พอดีผมที่ธุระสำคัญบางอย่าง ผมต้องขออนุญาตให้คนอื่นมารับช่วงต่อจากผมนะครับ”
เมื่อพูดจบ เขาไม่สนใจว่าแขกคนนั้นจะตอบตกลงหรือไม่ เซียวซู่ก็เข็น เย่โม่เซินออกไป
เมื่อขึ้นรถมาเย่โม่เซินก็ยักคิ้วขึ้นแล้วถาม “ว่ามา เรื่องมันเป็นยังไง?”
“คุณชายเย่ให้ผมไปสืบข่าวจากทางโรงพยาบาลใช่มั้ยครับ? เมื่อตะกี้คนของเราส่งข่าวมาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวแปลกประหลาด ใส่หมวกอีกทั้งยังใส่ผ้าปิดปากเอาไว้ เธอเดินทางไปตรวจที่แผนกสูตินรีเว=ด้วยท่าทางที่ลับๆล่อๆ อีกทั้งเธอเดินทางมาคนเดียว ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนครับ”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินหรี่ตาลง
น่าจะเป็นเธอคนนั้น!
“คนของเรากำลังจับตัวเธอมาแล้วครับ กำลังไปที่วิลล่าซีหลงครับ”
***
“พวกคุณคิดจะทำอะไรฉัน? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ชายชุดดำพาดตัว เสิ่นเฉียวไว้บนบ่าแล้วเดิน กระแทกไปมาจนเธอเริ่มรู้สึกเวียนหัว เธอรู้สึกอยากจะอ้วกออกมา
โชคดีที่เดินมาได้สักพัก เธอก็ได้ขึ้นมานั่งบนรถ แต่นั่งไม่นานก็เดินทางมาถึงปลายทาง เสิ่นเฉียวโดนคนแบกตัวอีกรอบ ชายชุดดำเดินแบกเธอมาได้สักพักก็วางตัวเธอลงอีกครั้ง
“พวกคุณลักพาตัวฉันหรอ ฉันจะบอกอะไรให้พวกคุณรู้เอาไว้ ฉันไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกคุณก็อย่าทำอะไร…”
เธอที่กำลังพูดอยู่นั้นอยู่ๆก็หยุดพูดทันทีเมื่อมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เสิ่นเฉียว ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอได้พบเจอกับใคร
เย่โม่เซิน??!!
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
เซียวซู่ ยืนอยู่หลังของเขา สีหน้าไร้ความรู้สึกจ้องมองมาที่เธอ แต่สายตาของ เย่โม่เซินกลับดูนิ่งสงบ ร่างกายของเขาแผ่รังสีที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งออกมา
เพียงแค่พริบตาเดียว
เสิ่นเฉียวรีบก้มหน้าลง
โชคดีที่เธอสวมหมวกสวมผ้าปิดปากสวมแว่นตาเอาไว้ ดังนั้นเย่โม่เซินจึงยังไม่รู้ว่าคือเธอ
แต่ทว่า เขาจับตัวเธอมาที่นี่ทำไมกัน?
รึว่า เขาจะรู้เรื่องที่เธอตั้งท้องแล้ว? ดังนั้นจึงให้อภัยเธอไม่ได้อย่างนั้นหรอ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไป!
เดิมทีเธอแต่งงานเข้ามาแทนตัวเสิ่นโย่ว เย่โม่เซินก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเธอท้องอีกละก็เขาคงไล่เธอออกจากตระกูลเย่แน่นอน
เมื่อเธอนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวอยากจะผลักคนเหล่านี้ออกแล้วรีบวิ่งหนีออกไป
“รีบจับตัวเธอกลับมา” เซียวซู่ตะโกนบอก
เย่โม่เซินสังเกตร่างน้อยๆของเธอคนนั้น นึกถึงเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว แววตาของเขานิ่งลง พูดกำชับด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ห้ามทำให้เธอบาดเจ็บ”
เซียวซู่อึ้งไปสักพักแล้วพยักหน้าพูด “ระวังกันหน่อย พวกนายอย่าทำให้เธอบาดเจ็บนะ”
เสิ่นเฉียวดูเหมือนเป็นคู่ปรับกับเหล่าชายชุดดำพวกนี้ซะที่ไหนกัน พวกเขาเป็นมืออาชีพของเย่โม่เซิน พวกเขาผ่านการฝึกอบรมต่างๆ เธอวิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าวก็โดนชายชุดดำจับตัวกลับมา
เสิ่นเฉียวโดนควบคุมตัวมาอย่างเข้มงวด ไม่ว่าเธอจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออก
เย่โม่เซินจ้องมองเธอ เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น เซียวซู่เข็นเขาไปข้างหน้า
เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หัวใจของเธอเต้นแรงและสับสนมากจนแทบจะระเบิดออกมา
จบกันจบกัน ตัวตนของเธอกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว
ถึงแม้ว่าเย่โม่เซินจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ร่างกายของเขาก็ใหญ่โตกำยำเป็นอย่างมาก เขาเอื้อมมือมาคว้าผ้าปิดปากของเธอออก
เสิ่นเฉียวลืมตาโต พยายามเบือนหน้าหนี
เย่โม่เซินเอื้อมมือมาอีกครั้ง เสิ่นเฉียวลืมตาโต พยายามขัดขืนหนี
ราวกับแมวที่กำลังพยายามไล่จับหนู เย่โม่เซินหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพูด
“ชอบเล่นสนุกขนาดนี้เลยหรอ?”
นี่มัน……เกิดอะไรขึ้น?
เสิ่นเฉียวจ้องเขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
นี่คือเย่โม่เซิน ที่เย็นชาสีหน้าไร้ความรู้สึกคนนั้นอย่างนั้นหรอ? น้ำเสียงและคำพูดของเขาทำไมอยู่ๆถึงอ่อนโยนขึ้นมาเช่นนี้?
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ผ้าปิดปากที่อยู่บนใบหน้าของเสิ่นเฉียวก็โดนเย่โม่เซินดึงออกมาจนได้
“เห้ย!” เสิ่นเฉียวร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอรีบเอามือมาปิดหน้าตัวเอง แขนของเธอโดนคนดึงเอาไว้ ทำให้ปิดหน้าไม่มิด
สีหน้าที่อ่อนโยนของเย่โม่เซินหายไปทันทีที่ผ้าปิดปากของเธอหลุดออกไป สีหน้าของเขากลับมาเย็นชาเหมือนเดิม
เขาหรี่ตามอง “ทำไมถึงเป็นเธอ?”
เสิ่นเฉียวเองก็อึ้งเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าเป็นเธออย่างนั้นหรอ?
“คุณถามฉันงั้นหรอ? ก็คนของคุณจับตัวฉันมาที่นี่เองไม่ใช่หรอ?”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาหรี่ตาจ้องมองไปที่เธอ
“งั้นเธอไปทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
หัวใจของเสิ่นเฉียวแทบจะหยุดเต้น เธอไม่ใช่คนที่โกหกคนเก่ง ขนตาเธอสั่นเล็กน้อย “ฉันไม่สบาย ไปหาหมอที่โรงพยาบาลน่ะ”
“ห๊ะ?” เย่โม่เซินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หัวเราะอย่างเย็นชา “ไปหาหมอที่แผนกสูตินรีเว=อย่างนั้นหรอ? เธอบอกฉันมาสิว่าเธอป่วยเป็นโรคอะไร?”
เสิ่นเฉียว “……”
แย่แล้ว
ทำยังไงดี?
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแน่น พยายามนึก แต่อยู่ๆเธอก็ย้อนถาม “งั้นคุณล่ะ? คุณไม่รู้ว่าเป็นฉันแล้วทำไมคุณถึงให้คนจับตัวฉันมาที่นี่?”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินก็อึ้งทันที
เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ เขาอยากจะตามหาผู้หญิงที่เจอกันเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าคนของเขาจะจับตัวเธอมา อีกทั้งเธอได้ปรากฏตัวอยู่ที่แผนกสูตินรีเว=
เมื่อนึกถึงแผนกสูตินรีเว=แล้ว เย่โม่เซินก็นึกอะไรบางอย่างออกทันที
“หญิงหม้าย เธอท้องอย่างนั้นหรอ?”
คำถามนี้ทำให้สีหน้าของเสิ่นเฉียวขาวซีด ริมฝีปากของเธอเริ่มสั่น เธอลืมตาโตแล้วจ้องมองไปที่เย่โม่เซิน
“หึ ดูแล้วฉันพูดไม่ผิดสินะ” เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไม่น่าล่ะทำไมเธอถึงร้อนตัวอยากจะแต่งงานแทนน้องสาวของเธอเสิ่นโย่วเข้ามาในตระกูลเย่ ที่แท้เธอก็มีภาระจากสามีเก่าเลยร้อนตัวตามหาคนที่จะมาช่วยรับภาระให้สินะ?”
เซียวซู่ที่ยืนอยู่หลังของ เย่โม่เซินได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็รู้สึกโกรธและกำหมัดในมือแน่น
“เธอเห็นว่าคุณชายเย่ของพวกเราคือตัวอะไร? กล้าดียังไงถึงติดลูกเข้ามาแล้วแต่งงานเข้าตระกูลเย่ ไม่น่าล่ะว่าทำไมเธอถึงทำตัวลับๆล่อๆแล้วเดินทางไปที่แผนกสูตินรีเวช เธอคงนึกไม่ถึงว่าพวกเราเจอแล้วรู้ความจริงเข้าสินะ?”
เสิ่นเฉียว ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
เดิมทีเธออยากจะจัดการเรื่องนี้เงียบๆตามลำพัง แต่เธอนึกไม่ถึงว่าจะมีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจับตัวเธอมาที่นี่ จนถึงตอนนี้ตัวเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
ไม่ได้นะ เสิ่นเฉียว เธอต้องใจเย็นๆ
ใจเย็นสิ!
เสิ่นเฉียวพยายามเก็บความกลัวที่อยู่ในใจไว้แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องไปในตาของ เย่โม่เซิน “ใครบอกว่าการที่ฉันไปแผนกสูตินรีเวชคือฉันท้อง? คุณก็รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานมาก่อน ฉันมีโรคของผู้หญิงบางอย่าง ดังนั้นฉันก็ไปต่อคิวเพื่อรักษาไม่ได้รึไง?”
เมื่อพูดจบ เย่โม่เซินก็ยืนมือมาจับไปที่คางของเธอ
พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับเป็นซาตาน
“ดูแล้ว ถ้าเธอไม่เห็นโล่งศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ”