บทที่1009 ทำลายบรรยากาศ
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขา คิดอยู่สักพักแล้วก็ได้เอ่ยออกไปอีกครั้ง “เป็นฉันที่ให้เธอออกไปวันนี้ มอบหมายงานก็ไม่ได้ทำให้เรียบร้อยเลย เรื่องที่บริษัทในตอนนี้มันเยอะมากจริงๆ”
“อืม” เย่โม่เซินตอบออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็พูดต่อออกมา “งานค่อยๆทำไป ไม่ต้องให้มันเหนื่อยเกินไป อย่าลืมว่าตอนนี้คุณเป็นคนท้องนะ”
ในที่สุดหานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “คุณไม่ถามฉันหรอว่าเธอลาออกไปทำไม? แล้วก็ยังไม่ถามสักหน่อยเลยหรอว่าทำไมฉันถึงยอมให้เธอลาออก?”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่ด้านหน้าเป็นไฟแดง รถก็ได้หยุดรอไฟแดงอยู่พอดี หานมู่จื่อเห็นว่าจู่ๆเย่โม่เซินก็โน้มตัวเข้ามาหาเธอ
“อุบ”
หานมู่จื่อเอื้อมมือออกไปผลักเขาออกไปทันที เพื่อหยุดยั้งเขาเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าเธอแพ้แล้ว
“ไม่อยากถามเพราะจะส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนความรู้สึก”
จำนวนวินาทีของไฟแดงได้สิ้นสุดลงแล้ว สีก็ได้เปลี่ยนไปช้าๆ
เย่โม่เซินก็ได้กลับไปขับรถต่อด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น สีหน้าเรียบนิ่งเสียจนเหมือนกับว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยไม่มีผิด
กลับกันหานมู่จื่อ นั้นใบหน้าทั้งหน้าของเธอก็แดงเสียจนแทบจะมีเลือดหลั่งออกมา เนื่องจากเมื่อกี้นี้ตอนที่เขาโน้มเข้ามาจูบเธอนั้น หน้าต่างรถก็ได้ลดลงมาครึ่งนึงพอดี เธอเห็นว่าคนที่อยู่ในรถด้านตรงข้ามได้มองเข้ามาพอดี แล้วก็ได้เป็นพยานในการจูบครั้งนี้เข้าพอดี
อายคนจะตายอยู่แล้ว!
หานมู่จื่อยกมือขึ้นมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง แลบเลียริมฝีปากไปอย่างห่อเหี่ยวใจ “การแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่คุณพูดถึง คงไม่ได้หมายถึงสิ่งนี้หรอกใช่มั้ย?”
พูดจบ ไม่รอให้เย่โม่เซินตอบกลับ หานมู่จื่อก็ได้ค่อนแคะออกไปอย่างไม่พอใจ “วิธีการแลกเปลี่ยนบ้าอะไรกัน เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นคำแก้ตัวที่คุณเอาเปรียบฉันชัดๆ”
“เอาเปรียบ?” เย่โม่เซินหรี่ตาลงเล็กน้อย มองเธอไปด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยการเย้าแหย่ “คนที่มีสีหน้าเคลิ้มเมื่อกี้นี้ไม่ใช่คุณหรือไง? ทำไมถึงกลายมาเป็นผมเอาเปรียบคุณได้?”
“เย่โม่เซิน!”
“หืม?”
“หุบปากไปซะ!”
ใครหน้าเคลิ้มกันหาาา?”
ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอ! เธอจะทำหน้าเคลิ้มออกมาได้ยังไงกัน? เหลวไหล!
พอโมโหขึ้นมา ใบหน้าของหานมู่จื่อก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้บ้าเย่โม่เซิน ทุกครั้งที่เขาคิดแต่จะเอาเปรียบเธอไม่ว่า ยังชอบโยนความผิดมาให้เธอตลอดเลย
ในสถานการณ์ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง ดึงเธอเข้าไปจูบโดยที่ไม่ทันตั้งตัวจนไม่เหลือที่ให้ปฏิเสธออกไปได้เลยด้วยซ้ำแล้วยังมาหาว่าเธอยั่วยวนเขาอีก
ตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดออกมาว่าเธอมีหน้าเคลิ้มออกมางั้นหรอ? นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
เย่โม่เซินเหลือบมองภรรยาตัวน้อยของตัวเองหอบหายใจฮึดฮัดออกมา เดิมคิดอยากจะเย้าเธอเล่นสักหน่อย แต่ไม่คิดไม่ถึงว่าอารมณ์ของเธอจะอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ นึกขึ้นมาได้ว่าเธอกำลังท้อง เย่โม่เซินจึงได้เก็บกลับไปแต่โดยดี
“ก็ได้ งั้นครั้งนี้ถือว่าผมเอาเปรียบคุณ ผมเป็นคนอยากจูบเอง พอใจแล้วหรือยัง?”
หานมู่จื่อร้องเฮอะในใจ เอ่ยออกมาด้วยความฉุนเฉียว “มันก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกแล้วนี่!”
เย่โม่เซินไม่ได้เถียงกับเธอออกไปอีก พาเธอไปร้านอาหารร้านนึง จองห้องส่วนตัวเล็กๆสำหรับสองคนมาห้องนึง หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ เย่โม่เซินก็ได้พาเธออุ้มขึ้นมานั่งบนขา
“คุณคิดจะทำอะไรอีก?” หานมู่จื่อผลักร่างเขาออกไปอย่างแวดระวัง แต่แรงของเย่โม่เซินมีมากกว่านัก กอดรัดเธอแน่น ควบคุมแรงไว้เป็นอย่างดี ทำให้เธอหนีรอดออกไปไม่ได้และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อเธออีกด้วย
แววตาที่เป็นประกายของอีกฝ่ายทำให้ภายในใจของเธอสะดุ้งกึกขึ้นมาทันที ดวงตาเบิกกว้าง “คุณคงไม่คิดจะ…”
คำพูดยังไม่ทันหลุดออกมา จูบของเขาก็ได้จรดลงมาก่อนแล้ว ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินเข้ามาจากด้านนอก ภายในห้องนี้ได้เปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ด้วยอุณหภูมิที่สูงมาก แต่ทั้งสองคนยังไม่ได้ปรับตัวต่ออุณหภูมิของที่นี่
ดังนั้นแล้วในตอนที่ริมฝีปากของทั้งสองคนแตะกัน ริมฝีปากของทั้งสองฝ่ายต่างก็เย็นด้วยกันทั้งคู่
แต่ไม่ทันไร หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าริมฝีปากบางของเย่โม่เซินก็ได้เปลี่ยนจากเย็นมาเป็นร้อนแรงขึ้นมา บดขยี้เธอเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เขากอบกุมใบหน้าเธอจูบไปอย่างเอาจริงเอาจัง ให้ความรู้สึกของการปกป้องของมีค่าอย่างนึงขึ้นมา
หานมู่จื่อกะพริบตา สมองก็ได้ประมวลผลอย่างรวดเร็ว
หรือจะเป็นเพราะในรถเมื่อกี้นี้ยังจูบไม่พอ ก็เลยมาจูบในนี้ต่อ?
หรือไม่ก็เขาพาเธอมาที่นี่ก็เพราะมีแผนการเอาไว้แล้ว?
กำลังคิดไปจนสติหลุดล่องลอย จู่ๆข้างหูก็มีเสียงทอดถอนหายใจดังออกมา ตามมาด้วยเสียงของความขุ่นเคืองของเย่โม่เซิน “คุณใจลอยแบบนี้ เป็นเพราะฝีมือผมไม่ดี?”
หานมู่จื่อได้สติกลับมา เห็นสายตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนไปล้ำลึกอ่านยากเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งภายใต้แสงไฟที่ส่องลงมา ดูเหมือนว่าขอเพียงแค่เธอตอบว่าใช่ออกไป เขาก็พร้อมที่จะเข้ามาจับเธอกลืนลงไปทั้งร่างไม่เหลือแม้แต่กระดูกทันที
นึกถึงภาพนั้นแล้ว หานมู่จื่อก็ตัวสั่น รีบส่ายหน้าออกไปทันที
“ไม่ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่? งั้นก็เป็นเพราะว่าผมพยายามไม่พอ?”
คำถามนี้ถามออกมาจน…หานมู่จื่อรู้สึกอายแทนเขาเสียเหลือเกิน เธอกัดลงไปบนริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ได้เอื้อมมือออกไปจับหูเย่โม่เซินเอาไว้แน่น
“คุณถามพอแล้วหรือยัง? ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคำถามพวกนี้ฉันไม่มีทางตอบอยู่แล้ว แต่ยังถามอยู่นั่นแหละ! แล้วอีกอย่าง พวกเรามากินข้าวกันนะ ไม่ใช่มาทำอะไรพวกนั้น คุณช่วยทำตัวดีๆหน่อยสิ!”
การเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเธอ ทำเอาเย่โม่เซินเหมือนฝันสลาย อีกทั้งมือของหานมู่จื่อก็ยังออกแรงไปลงไป เย่โม่เซินในตอนนี้ก็เลยรู้สึกเจ็บขึ้นมาแล้วจริงๆ
บรรยากาศกุ๊กกิ๊กเมื่อสักครู่นั้นได้หายลับไปทันที
เย่โม่เซินมองเธออย่างหมดคำพูดไปสักพักนึง ส่งเสียงออกมาว่า “คุณนี่มันตัวทำลายบรรยากาศจริงๆ”
หานมู่จื่อเก็บมือกลับ ลงไปจากร่างของเขา
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”
ถ้าไม่ทำลายบรรยากาศล่ะก็ ถ้าเกิดทำให้เขาจุดไฟเผาตัวเองขึ้นมาจะทำยังไง? เธอตอนนี้นั้นไม่อาจอยู่กับเขาได้ ถึงตอนนั้นแล้วจะไม่เป็นการทำให้เขายิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้นหรือไง?
ดังนั้นแล้วสุดท้ายหานมู่จื่อก็เลือกที่จะไปนั่งลงตรงที่นั่งที่ไกลจากเย่โม่เซินที่สุด และยังเอ่ยด้วยเสียงดุออกมา “ต่อจากนี้ถ้าไม่มีการอนุญาตจากฉัน คุณก็ไม่สามารถมาจูบฉันซี้ซั้วได้อีกแล้วนะ”
เย่โม่เซิน “?”
เขาหรี่ตาลง มองจ้องไปทางหญิงสาวที่จงใจเลือกที่นั่งที่ไกลสุดๆตรงนั้น สักพักนึงก็ส่งเสียงเย้าแหย่ออกมา “นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอธิบายให้กับเขา ทำเพียงเอ่ยออกไปว่า “ยังไงฉันก็พูดไปแล้ว ถ้าครั้งหน้าคุณมาจูบฉันซี้ซั้วโดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาตจากฉัน เราได้เจอดีกันแน่!”
หลายวันที่กลับมานี้ เพราะเรื่องงานทั้งสองคนจึงได้เจอกันน้อยมาก ถ้าไม่ออกมากินข้าวด้วยกัน เธอกับเย่โม่เซินก็แทบจะไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย
เย่โม่เซินเห็นท่าทางที่สั่งเขามาอย่างจริงจังของเธอแล้ว เดิมยังคิดอยากจะช่วงชิงผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆให้กับตัวเองอีกสักหน่อย ปลายนิ้วเคาะลงไปกับโต๊ะเบาๆ หลังจากหยุดไปริมฝีปากของเขาก็แสยะออกมา
เหอะ เธอสั่งได้ แต่เขา…ก็ไม่แน่ว่าจะต้องฟังนี่นา?
ส่วนเรื่องที่ว่าจะเห็นดีกัน ระหว่างสามีภรรยา เธอจะโกรธเพราะเรื่องพวกนี้ไปถึงไหนกัน?
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว เย่โม่เซินก็ไม่ได้เถียงกับเธอออกไปอีก
เพียงไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ทั้งสองคนกินข้าวกัน จู่ๆหานมู่จื่อก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เรื่องที่บริษัทของคุณ สามารถพักได้เมื่อไหร่กัน?”
เย่โม่เซินมองเธอเล็กน้อย “ไม่นาน น่าจะประมาณหนึ่งสัปดาห์”
“ดี งั้นฉันก็จะพยายามจัดการงานในบริษัทให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้”
“แล้วยังไงต่อล่ะ?”
“แล้วพวกเราก็จะไปคฤหาสน์ตระกูลเย่กันหน่อย”