บทที่1010 ภาพสะเทือนใจ
“คฤหาสน์เดิม?”
ได้ยินสองคำนี้แล้ว นัยน์ตาดำสนิทของเย่โม่เซินปรากฏแววตาของความสับสนออกมา
หานมู่จื่อเองก็รู้ตัวขึ้นมา ว่าเขาได้สูญเสียความทรงจำไป จะต้องจำคฤหาสน์เก่าไม่ได้แน่ๆ ทำได้เพียงแค่พูดอธิบายออกไป “ก็คือบ้านเดิมของตระกูลเย่ไง เมื่อห้าปีก่อนพวกเราเคยอยู่ที่นั่น หลังจากนั้น…”
ต่อจากนั้นหลังจากที่เธอจากไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเย่โม่เซินพวกเขาย้ายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
จนหลังจากที่เธอกลับมาที่นี่ เธอก็ไม่ได้สนใจว่าบ้านหลังนั้นตอนนี้จะเป็นยังไง จนเมื่อหลายวันมานี้เธอได้ข่าวมาบ้างแล้ว ว่าที่แท้บ้านหลังนั้นก็ว่างมาหลายปีแล้ว
เนื่องจากนายท่านเย่พักอยู่ที่สถานพักฟื้นมาตลอด ส่วนเย่หลิ่นหานก็มีบ้านของตัวเอง ก็เลยไม่ได้พักอยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน
เย่โม่เซินนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตามนิสัยของเขาแล้ว ไม่มีทางที่จะพักอยู่ที่บ้านหลังนั้นแน่
“หลังจากนั้นทำไม?” เย่โม่เซินพูดต่อออกมา เหมือนกับว่าจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
“ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เหตุการณ์ในตอนนั้นคงต้องถามเซียวซู่แล้วล่ะ”
เขาอยู่กับเย่โม่เซินมาโดยตลอด เรื่องนี้ไปถามเขาดีที่สุดแล้ว
เซียวซู่งั้นหรอ?
เย่โม่เซินเม้มปากพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยเอง คุณอย่ากังวลไปเลย”
“ค่ะ”
เช้าวันที่สอง เย่โม่เซินก็ได้เรียกเซียวซู่มาที่ห้องทำงาน ถามถึงเรื่องคฤหาสน์เก่าของตระกูลเย่
พูดถึงคฤหาสน์เก่านั้นขึ้นมา สีหน้าของเซียวซู่ก็ดูลำบากที่จะพูดออกมาขึ้นมาทันที
“คุณชายเย่ ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องคฤหาสน์นั้นขึ้นมาล่ะครับ?”
“ทำไม?” เย่โม่เซินสำรวจสีหน้าของเขา “ที่คฤหาสน์มีปัญหา?”
เซียวซู่จับหัวตัวเอง เอ่ยพูดอธิบายออกมา “ไม่ได้มีปัญหาครับ จะมีก็แต่คฤหาสน์หลังนั้นมันว่างไม่มีคนอยู่มานานมากแล้ว คุณชายเย่อยากกลับไปอยู่หรอครับ?”
กลับไปอยู่?
เย่โม่เซินนึกย้อนไปถึงคำพูดที่หานมู่จื่อพูดออกมาเมื่อวานนี้
เธอบอกว่าเมื่อก่อนทั้งสองคนพักกันอยู่ที่นั่น งั้น…ถ้ากลับไป ก็จะได้อยู่ในวงโคจรชีวิตแบบเมื่อก่อนนี้ใช่หรือเปล่า ตามหาความทรงจำของตัวเองกลับมาสินะ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เย่โม่เซินก็พยักหน้าออกไป “นายให้คนไปเตรียม ทำความสะอาดให้เรียบร้อย มะรืนนี้ฉันจะไปดู”
“ครับคุณชายเย่”
หลังจากที่เซียวซู่ตอบรับออกมานั้นก็ได้ถอยออกจากห้องไป ด้วยความรู้สึกที่ยังห่อเหี่ยวใจ
คุณชายเย่…เมื่อก่อนยังเกลียดคฤหาสน์นั่นที่สุดอยู่เลย
เนื่องจากที่นั่นเป็นที่ที่ตระกูลเย่เคยอยู่มาก่อน และบ้านหลังนั้นก็ยังเป็นบ้านที่นายท่านเย่สั่งให้คนสร้างขึ้นมาในสมัยหนุ่มๆ ดังนั้นแล้วหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกันแล้ว เย่โม่เซินก็ได้ฮุบทั้งบริษัทตระกูลเย่ไป แล้วเอาผู้อาวุโสของบ้านไปอยู่สถานพักฟื้น
พูดให้น่าฟังหน่อย ก็คือสถานพักฟื้นนั้น
แต่ความจริงแล้วก็คือโรงพยาบาลจิตเวชนั่นเอง
ต่อมาคุณชายเย่ก็ได้ให้คนมาปิดบ้านนั้น แล้วมันก็ปิดจนฝุ่นเกาะมาจนถึงตอนนี้
นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีวันที่ถูกเปิดมาได้
เซียวซู่คิดอย่างละเอียด ถ้าไม่เพราะเหตุผลพิเศษ คุณชายเย่ไม่มีทางให้เขาทำอย่างนี้ ดังนั้นแล้วก่อนที่จะทำเรื่องนี้เซียวซู่ก็ได้โทรหาหานมู่จื่อ
อย่ามองแค่ผิวเผินว่าคุณชายเย่ได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงก็ยังเป็นคุณนายน้อยที่เป็นใหญ่ที่สุด!
หานมู่จื่อรับสายของเซียวซู่ก็ยังแปลกใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่เย่โม่เซินสั่งให้เขาไปทำ เขาจะหันมาถามความเห็นของเธอเสียอย่างนั้น อำนาจของเธอมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
สุดท้ายแล้วหานมู่จื่อก็พยักหน้า หลังจากที่บอกไปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนพูดกับเย่โม่เซินออกไป เซียวซู่ก็ลอบคิดในใจว่าอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ถ้าไม่เพราะคุณนายน้อย จู่ๆคุณชายเย่จะมาพูดถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่นั้นขึ้นมาได้ยังไง
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เซียวซู่เอาเรื่องเมื่อก่อนมาเล่าให้หานมู่จื่อฟัง
“อืม ที่นายพูดมาฉันรู้แล้ว แต่ตอนนี้คุณชายเย่ของพวกนายสูญเสียความทรงจำไป และพวกเราก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ที่นั่น ฉันก็แค่จะพาเขาไปเดินดูรอบๆสักหน่อย ถึงยังไงก็เป็นที่ที่เคยอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะกระตุ้นให้เขานึกอะไรขึ้นมาได้บ้างก็ได้”
เซียวซู่ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้ว ก็ได้พยักหน้าออกมา “ผมเข้าใจแล้วครับคุณนายน้อย”
“จริงสิ เรื่องที่คุณชายเย่ของพวกนายสั่งให้นายไปทำ ทำไมนายถึงได้โทรมาถามฉันล่ะ?” สุดท้าย หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เซียวซู่ “…คุณนายน้อย พูดตามตรงนะครับ ตอนนี้คุณชายเย่เหมือนจะฟังคุณที่สุดแล้วล่ะมั้งครับ ก็เลยต้องโทรมาถามสักหน่อย”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ภายในใจของหานมู่จื่อก็รู้สึกสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายออกไป
ในตอนที่กำลังจะวางสาย จู่ๆเซียวซู่ก็ตะโกนเรียกเธอคุณนายน้อยดังขึ้นมา
“ว่าไงเซียวซู่ ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”
ถูกหานมู่จื่อถามออกมาอย่างนั้น คำพูดที่อยู่ตรงปากก็ได้หยุดชะงักไปในทันที เซียวซู่กลับพูดไม่ออกมาเลยสักคำเดียว หานมู่จื่อได้ยินปลายสายลังเลไปแล้วก็กลับมามีน้ำเสียงที่ปกติขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรครับคุณนายน้อย เรื่องพวกนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”
“อืม”
หลังจากที่วางสายไปแล้ว หานมู่จื่อก็มองโทรศัพท์ไปอย่างเหม่อลอย ความจริงแล้วเธอรู้ว่าที่เซียวซู่ลังเลไปแวบนึงนั้นเขาอยากจะถามอะไร ในตอนนั้นคำพูดของเธอก็อยู่ตรงปากใกล้จะพูดออกไปแล้วเหมือนกัน
แต่สุดท้ายเธอก็เก็บกลั้นมันเอาไว้
ไม่ต้องบอกเซียวซู่เรื่องที่เสี่ยวเหยียนลาออกไปแล้วน่าจะดีกว่า ท่าทางของเสี่ยวเหยียนในวันนั้น ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจจะไม่ดีนัก ถ้าในตอนนี้เธอยังเพิ่มภาระอื่นมาให้เสี่ยวเหยียนอีกล่ะก็ อย่างนั้นแล้วก็คงจะยิ่งทำให้เสี่ยวเหยียนเป็นทุกข์มากขึ้นเปล่าๆ
เธอต้องการสภาพแวดล้อมที่จะฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเอง
ดังนั้นแล้วตั้งแต่ที่เธอลาออกไปในวันนั้น หานมู่จื่อก็เลือกที่จะไม่รบกวนเธออีก
ถึงยังไงเธอก็เป็นน้องสาวของหานชิงนี่
ถ้าเห็นเธอเข้า ก็จะทำให้เสี่ยวเหยียนเหมือนเห็นภาพสะเทือนใจเข้าล่ะมั้ง?
ดังนั้นแล้วในเวลานี้เธอจึงขอไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเสี่ยวเหยียนไปสักพัก
เซียวซู่นั้นหลังจากที่วางสายไป ก็ได้มองโทรศัพท์อยู่นานเช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ได้ถอนหายใจยาวๆออกมา จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์รีบไปทำงานทันที
เพียงไม่นานคฤหาสน์ตระกูลเย่ก็ได้ถูกเซียวซู่ให้คนมาทำความสะอาด จัดเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนข้าวของจะหรูหรามีค่ามาก แต่ถึงอย่างไรมันก็ทิ้งว่างมาหลายปี ไม่ใช้ไม่รักษามานาน ในตอนนี้ก็เลยดูเก่ามากอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหานมู่จื่อไม่สั่งว่าของในคฤหาสน์ต้องทำให้เหมือนเดิมจะย้ายไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้แล้ว เซียวซู่ก็คงเปลี่ยน
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านไปหมดแน่
แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหานมู่จื่อแล้ว เซียวซู่เองก็รู้ว่าหานมู่จื่อหมายความว่าอะไร ก็เลยสั่งกำชับให้สาวใช้ที่ทำความสะอาดไม่ให้แตะต้องของพวกนั้น ให้ทำความสะอาดให้สะอาดก็พอ
เพียงเวลาสองวัน คฤหาสน์ตระกูลเย่ก็ได้จัดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
คนที่เซียวซู่ตรงไปหาเลยก็คือหานมู่จื่อ หานมู่จื่อไม่ได้บอกเย่โม่เซิน ได้ลงไปดูด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มาที่นี่มานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ได้ยืนอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลเย่ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่แล้ว ตรงหน้าก็เหมือนกับมีภาพความทรงจำปรากฏขึ้นมา
ภาพแต่ละฉากๆได้แวบเข้ามา
ในตอนที่เธอเพิ่งจะแต่งเข้ามา ก็ได้พบเจอกับความไม่เป็นธรรมมากมายจริงๆ
ในตอนนั้นเอง ปากของเย่โม่เซินก็ยังร้ายกาจมาก หวังดีต่อเธอแต่ก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆเลย ถึงยังไงถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะรังแกเธอ แต่ก็ไม่เคยให้คนอื่นมาหยาบคายกับเธอเลย
ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครช่วยในตอนนั้น เย่โม่เซินก็เหมือนกับเธอผู้ที่อยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บที่อยู่ไกลออกไปได้เจอกับแสงอาทิตย์
ดังนั้นแล้ว ในตอนที่เธออยู่ที่นั่น…ก็ได้รักเขาไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะมั้ง?
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ได้อมยิ้มเล็กๆออกมา
เธอนิ่งไปไม่นาน ประมาณสิบกว่านาทีก็ได้ออกไปพร้อมกับเซียวซู่