บทที่1018 คุณกลับมาเถอะ
เธอไม่กลับไปหรอก
แต่ว่าครั้งนี้ หลังจากเสี่ยวเหยียนลาออก ถึงแม้มีบ้านที่หานมู่จื่อซื้อไว้และให้พักอาศัยอยู่
แต่ว่าในใจของเธอกลับว่างเปล่า
เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับคุณตาของเขาที่ต่างประเทศ มู่จื่อกับเย่โม่เซินเป็นคู่สร้างคู่สมกัน ปกติทั้งสามคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด เหลือแค่เธอคนเดียวเท่านั้นแล้ว
เสี่ยวเหยียนรู้สึกอ้างว้างมาก เวลานี้ จึงคิดถึงบ้านเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่า คิดถึงหลายปีที่ผ่านมานี้ พ่อของเธอไม่เคยโทรศัพท์ให้เธอเลย ก็รู้สึกว่ากล้ำกลืนมากเลยทีเดียว อยากกลับบ้านแต่ก็ดื้อดึงอดทนไว้ไม่อยากกลับไป
วัยรุ่นใจร้อนและไม่เอาถ่าน คำพูดที่เอาแต่ใจและดื้อดึงเหล่านั้น คิดไม่ถึงสุดท้ายกลายเป็นผลกรรม
ถ้าหากตอนนี้พ่อของเธอโทรศัพท์ให้เธอกลับบ้าน จะดีมากเลยทีเดียว
เสี่ยวเหยียนก็จะได้ไม่ต้องกินเสร็จนอน นอนเสร็จก็กินแบบนี้ทุกวี่ทุกวัน เหมือนกับคนพ่ายแพ้ที่ตามใจตัวเอง
เธอรู้สึกว่าตัวเองย่ำแย่เกินไปแล้ว ไม่เคยโดดเดี่ยวเดียวดายแม้แต่วินาทีเดียว บวกกับอารมณ์ที่อกหัก รู้สึกว่าตัวเองถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง
ถึงแม้จะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม
ฮือๆ ความรักทำให้คนกลุ้มใจคำนี้ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลนะ ก่อนหน้านี้เธอไม่ควรไปแตะต้องความรัก ตอนนี้ทำให้ตัวเองกลายเป็นแบบนี้
ถ้าหากว่าตอนนี้ มีคนอยู่ข้างกายเธอก็ดีแล้ว เสี่ยวเหยียนคิด
เธอพลิกตัว นอกหน้าต่างมีแสงส่องเข้ามา แสบตามาก เสี่ยวเหยียนจึงลุกขึ้นมาไปปิดผ้าม่าน แสงสว่างในห้องถูกแย่งชิงไป ในห้องเต็มไปด้วยความมืดมิด
รู้สึกสบายมากขึ้นแล้วจริงๆ
เสี่ยวเหยียนเดินกลับไปที่ข้างเตียงและนอนลงไป
มือถือกลับดังขึ้นมาในเวลานี้ เสี่ยวเหยียนเบลอๆ ถึงขั้นมีคนโทรหาเธอด้วย?
หรือว่าจะเป็นมู่จื่อ หรือไม่ก็เสี่ยวหมี่โต้ว?
คิดถึงตรงนี้ ในใจเสี่ยวเหยียนเกิดความหวังขึ้นมา หยิบมือถือออกมาดูแว๊บนึง กลับพบว่าสายที่ปรากฏขึ้นมาเป็นแม่ของเธอเอง คุณแม่?
ทำไมแม่ถึงได้โทรศัพท์หาตัวเองในเวลาแบบนี้นะ?
เสี่ยวเหยียนยกมือถือขึ้นมารับสายด้วยความสงสัย
“แม่คะ?”
“เสี่ยวเหยียน!” ในมือถือเสียงของแม่เธอฟังขึ้นไปใจร้อนเล็กน้อย เหมือนกับมีเรื่องอะไร เสี่ยวเหยียนยื่นมือขยี้ตา “แม่คะ ทำไมแม่ถึงโทรหาหนูในเวลานี้?ก่อนหน้านี้หนูก็เคยพูดกับแม่แล้วว่าหนูไม่กลับไป”
“เสี่ยวเหยียน ลูกกลับมาเถอะ”
เป็นจริงซะด้วย คุณแม่โทรศัพท์มาเรียกเธอกลับบ้านอีกแล้ว เสี่ยวเหยียนเบะปาก ไม่อยากตอบ
“เสี่ยวเหยียน?ลูกได้ยินที่แม่พูดมั้ย?”
“อืม ได้ยินค่ะ…………” เสี่ยวเหยียนตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ นอนอยู่บนเตียงไปด้วย และห่มผ้าห่อให้กลับตัวเองแบบไม่ใส่ใจไปด้วย
” ครั้งนี้ไม่ว่ายังไง ลูกก็ต้องกลับมาสักรอบ แม่รู้หลายปีมานี้ลูกยังโกรธเคือง แต่ว่านี่ก็ตั้งเวลาห้าปีแล้ว ทุกๆปีลูกก็ไม่กลับบ้านกลับช่องเลย แม่กับพ่อเลี้ยงลูกจนโตขนาดนี้ ไม่ใช่ให้ลูกมายั่วโมโหแบบนี้นะ”
เสี่ยวเหยียนฟังคำพูดที่จู้จี้จุกจิก ในใจรู้สึกแค่ว่าน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน แต่ว่าสำหรับเธอผู้ที่อ้างว้างและโดดเดี่ยวเดียวดาย ก็รู้สึกว่าอบอุ่นขึ้นมาบ้างแบบงุนงง เวลาเช่นนี้เสี่ยวเหยียนในอดีตอาจจะหาข้ออ้างบางอย่าง พูดว่าตัวเองงานยุ่ง จากนั้นก็วางสายไปเลย
แต่ว่าคราวนี้เธอกลับไม่อยากวางสาย แต่กลับนอนอยู่ที่นั่นฟังแม่ของเธอจู้จี้จุกจิก
“แม่คะ หนูไม่ได้อยากทำให้คนโมโหเลยนะคะ เรื่องราวในตอนนั้นเป็นยังไงแม่ก็รู้ดีนี่คะ ยังไงซะเขาเป็นคนให้หนูตัดขาดความสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกกับเขาเอง ในเมื่อตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกันแล้ว ถ้างั้นหนูจะกลับไปทำไมอีกหรอคะ? กลับไปแล้วละก็ถูกคนรังเกียจเปล่าๆไม่ใช่หรอคะ? “
“พ่อของลูกอายุก็มากขนาดนี้แล้ว คำพูดของพ่อลูกก็เชื่อด้วยหรือ? ต่อให้พ่อพูดแบบนี้แล้วจะทำไม?ลูกเป็นผู้ด้อยอาวุโสกว่าเข้าใจพ่อให้มากๆหน่อยไม่ได้หรือไง?”
เสี่ยวเหยียน:”…………หนูก็อยากเข้าใจ แต่ว่าหนูทำไม่ได้ “
“ได้เลย แม่ไม่พูดเรื่องในอดีตกับลูก พูดแค่วันนี้ ลูกต้องกลับมาให้ได้”
เสี่ยวเหยียนหลับตา และพลิกตัว เอ่ยปากแบบเซ็งๆ:” หนูไม่อยากกลับไป แม่คะหนูเคยพูดกับแม่แล้ว นอกจากเขาโทรศัพท์ให้กับหนูด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นหนูกลับไปตอนนี้ขายหน้าแย่เลย?”
แต่ว่าตั้งหลายปีแล้ว พ่อของเธอไม่เคยยอมเสียหน้าก่อน เสี่ยวเหยียนก็ไม่ยอมเสียหน้าด้วย
คิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่ากลุ้มใจ ขอแค่พ่อเธอพูดคำเดียวว่า เสี่ยวเหยียนลูกกลับมาเถอะ
คาดว่าเธอคงจะบินกลับบ้านไปเลยทีเดียว แม้แต่หอบเหนื่อยก็ไม่มีด้วยซ้ำ
สายทางโน้นเงียบไปสักพัก แม่ของเสี่ยวเหยียนถอนหายใจแรงๆ น้ำเสียงกลายเป็นเข้มขรึม “เสี่ยวเหยียน ต่อให้พ่อของลูกอยากโทรหาลูก ตอนนี้เขาก็โทรไม่ได้แล้ว”
“หมายความว่าไงคะ?”
“เมื่อวานหลังเลิกงานระหว่างทางกลับบ้านพ่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ รถยนต์ชนกับคนอื่น ตอนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
ครึม——
ข่าวคราวนี้ดั่งเช่นฟ้าที่ผ่าลงมากลางหัว เสี่ยวเหยียนอึ้งอยู่ที่เดิมทั้งคน ตั้งครึ่งค่อนวันก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ริมฝีปากของเธอกระตุก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว สมองวุ่นวายสับสนไปหมด
“เสี่ยวเหยียน เมื่อก่อนตอนที่พ่อหนูไม่เกิดเรื่อง ลูกจะเอาแต่ใจแค่ไหนแม่ก็ไม่สน แต่ว่าตอนนี้พ่อของลูกนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าหากว่าลูกเอาแต่ใจในเวลาแบบนี้อีก อย่าโทษแม่ใจร้ายใจดำกับลูกอีกคนเลยนะ”
โรงพยาบาลไหน?”เสี่ยวเหยียน หาเสียงของตัวเองแบบกระตุก
ทางโน้นอึ้ง จากนั้นบอกชื่อของโรงพยาบาลให้กับเสี่ยวเหยียน
“แม่รอลูกอยู่ที่โรงพยาบาลนะ”
หลังจากวางสายไปเรียบร้อย เสี่ยวเหยียนไม่คิดอะไรมาก หยิบมือถือและกุญแจก็ออกไปจากบ้านไปเลยทีเดียวกระเป๋าก็ไม่ได้เอา เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน เดินอยู่บนถนนถูกคนมองด้วยสายตาที่แปลกๆ เธอก็ขี้เกียจไปสนใจคนอื่นว่าทำไมคนอื่นถึงได้มองเธอแบบนี้ หลังจากโบกรถยนต์โดยสารที่ข้างถนน ให้คนขับรถขับไปที่โรงพยาบาลโดยตรง
ตลอดทางเธอรออย่างใจร้อน เจอรถติดจนได้ อย่าให้พูดเลยว่าอารมณ์ของเสี่ยวเหยียนหดหู่มากขนาดไหน ถามคนขับรถตลอดเวลาว่าถึงเมื่อไหร่ อาจารย์คะอีกนานแค่ไหนคะ
หลายครั้งแล้วล้วนเป็นคำถามนี้ ทีแรกคนขับรถยังตอบเธอด้วยความอดทนและถ้อยคำดีๆ ตอนหลังเริ่มรำคาญ หลังจากเธอถามขึ้นมาอีกครั้ง คนขับรถโดยสารพูดตรงๆออกมาว่า :”หนูดูถนนสิหนู ลุงไม่ได้ตั้งใจขับแบบนี้สักหน่อย พูดตรงๆเลยนะ ถึงเมื่อไหร่ลุงก็ไม่แน่ใจ!”
เสี่ยวเหยียนถูกดุแบบนี้ หดตัวลงไปทั้งคน หดขาเข้ามาแบบกล้ำกลืน แล้วก็ก้มหน้าก้มตากอดขาตัวเองไว้ เอาหน้าฝังเข้าไปในหัวเข่า
คนขับรถยนต์โดยสาร:“……”
คงไม่ใช่?เขาพูดแรงไปหน่อย พูดจนคนอื่นร้องไห้เลยหรือ?
ทันทีนั้นคนขับรถยนต์โดยสารเก้อเขินเล็กน้อย ได้แต่พูดแบบน้ำเสียงนิ่งๆ :” สาวน้อย ลุงไม่ได้ตั้งใจจะดุหนูอะไรเลยนะ เวลานี้รถติดจริงๆ แต่ว่าหนูวางใจได้เลย เราถึงโรงพยาบาลแน่นอนเพียงแต่ว่าเสียเวลามากกว่าปกตินิดหน่อยก็เท่านั้นเอง ถึงแม้ช่วงเวลานี้รถติดไปบ้าง แต่ว่าไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น สักพักก็โล่งแล้ว”
หัวสมองเล็กๆเสี่ยวเหยียนพยักหน้า ไม่ตอบกลับ
คนขับรถยนต์โดยสารเห็นหน้าตาเธอแบบนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ไวมากถนนค่อยๆโล่ง รถยนต์ถึงที่โรงพยาบาลในที่สุด
เสี่ยวเหยียนจ่ายค่าโดยสารเพิ่งลงจากรถ ก็เห็นแม่ซึ่งรออยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว แม่กำลังรอตัวเองอยู่