บทที่104 อย่ามาแตะต้องฉัน
เสิ่นเฉียวยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาเธอเบิกกว้างจ้องมองตัวเองในกระจกด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่บริเวณคอขาวๆของเธอมีรอยม่วงช้ำอยู่หลายจุด
รอยช้ำเช่นนี้เสิ่นเฉียวเคยเห็นมันมาก่อน
แต่ทว่า เคยเห็นเพียงแค่หนึ่งหนเท่านั้น
คือค่ำคืนที่ฝนตกหนักซึ่งเธอกับหลินเจียงได้หย่าร้างกัน เธอโดนผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งพรากความบริสุทธิ์ในครั้งแรกไป หลังจากที่เธอวิ่งหนีกลับมาถึงบ้าน เธอก็รีบอาบน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย ในตอนนั้นเธอเห็นว่าบริเวณคอของเธอมีรอยจูบจำนวนมาก
ซึ่งมันก็เหมือนกับตอนนี้…
เธอเหม่อลอยไปประมาณสิบวินาที เสิ่นเฉียวจึงดึงสติของตัวเองกลับมา สีหน้าของเธอขาวซีด เธอรีบก้มหน้าลงแล้วเอามือไปเปิดเสื้อผ้าของเธอออก
เป็นไปตามที่คิด นอกจากบริเวณคอ รอยช้ำเหล่านี้ยังมีอยู่ทั่วร่างกายของเธอ
เสิ่นเฉียวรู้สึกช็อกจนชนเข้ากับประตูที่อยู่ด้านหลัง
ใช่แล้ว เธอลืมไปได้ยังไง….
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนในห้องห้องนั้นจะจุดยาสลบ แต่…ลู่สุนฉางให้เธอดื่มยาเข้าไป
เธอเอาแต่กังวลใจว่าเย่โม่เซินว่าจะโดนฤทธิ์ไปด้วยรึเปล่า หลังจากนั้นเป็นยังไง เธอกลับลืมเรื่องที่ตัวเธอเองโดนกรอกยาไปทั้งหมด ส่วนความจำต่อจากนั้นเธอนึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด เธอนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนี้ แต่ร่างกายของเธอกลับมีรอยช้ำมากมาย
ไม่ต้องพูดถึงเย่โม่เซิน เขาไม่มีความสามารถในด้านนั้น
สิ่งนี้แสดงถึงอะไร???
แสดงถึงอะไร???
เสิ่นเฉียวไม่สามารถควบคุมร่างกายที่กำลังสั่นได้ เธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแล้วทรุดตัวนั่งลงอยู่บนพื้น
สวรรค์เล่นตลกครั้งยิ่งใหญ่กับเธอจริงๆ
“คุณนายน้อยสอง เป็นอะไรไปน่ะ?” ป้าเฉินเห็นเธออยู่ๆนั่งลงอยู่บนพื้น ป้าเฉินตกใจจนรีบวางสิ่งของในมือลงแล้วพุ่งเข้ามาหาเธอ จากนั้นค่อยๆพยุงตัวเธอขึ้นมา
เสิ่นเฉียวถูกพยุงตัวกลับมาอยู่บนเตียง หลังจากที่เอนตัวลงนอนเธอก็มีท่าทีที่ดูมึนงง ทันใดนั้นเองเธอนึกเรื่องสำคัญอะไรออก เธอคว้ามือของป้าเฉินออกไว้
“ป้าเฉิน ป้าเฉิน!”
“ป้าเฉินอยู่ตรงนี้ คุณนายน้อยสอง ตกลงคุณเป็นอะไรไป?”
“ช่วยฉัน ช่วยฉันเรียกหมอมาหน่อย!!”
“ได้!ได้ ป้าเฉินจะไปช่วยคุณเรียกหมอมาเดี๋ยวนี้แหละ” ป้าเฉินมองเห็นสีหน้าของเธออยู่ๆขาวซีดจนดูน่ากลัว เธอตกใจจนไม่กล้าถามอะไรไปมากกว่านี้ จากนั้นรีบออกจากห้องพักเพื่อไปเรียกหมอ
คุณหมอโดนเรียกมาอย่างกะทันหัน หลังจากเข้ามาในห้องมองเห็นว่าเสิ่นเฉียวฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณหมอจึงเผยรอยยิ้มออกมา เสิ่นเฉียวกลับจับไปที่คอเสื้อของเขา เธอนอนอยู่ตรงนั้นแล้วลืมตาเปิดกว้าง
เธอมีอะไรอยากจะพูด
คุณหมอคนนี้คือคุณหมอที่เจอกันในครั้งก่อน คุณหมอสุย
คุณหมอสุยรู้เรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างเธอกับเย่โม่เซิน เมื่อเห็นเธอจ้องมองมาที่ตัวเองแล้วไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที เขาจึงหันไปพูดกับป้าเฉินที่อยู่ด้านหลัง “ญาติของผู้ป่วยท่านนี้ครับ รบกวนเชิญคุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ ผมขอตรวจดูคนไข้คนนี้สักหน่อยครับ ”
“ได้ค่ะ” ป้าเฉินเดินออกไปจากห้องพัก
เสิ่นเฉียวจับไปที่ชายเสื้อของคุณหมอสุย เธอขยับริมฝีปากแต่เธอกลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
คุณหมอสุยพอจะเดาออกว่าเธอจะถามว่าอะไร ดังนั้นเขาจึงถาม “ คุณหนูเสิ่นเรียกผมมาเพราะต้องการจะถามเรื่องของเด็กในท้องใช่มั้ยครับ?”
เมื่อฟังจบ ดวงตาของเสิ่นเฉียวเบิกกว้าง เสียงของเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว “คุณหมอ คุณรู้?”
“อืม” คุณหมอสุยพยักหน้า เขารับรู้ถึงความกังวลของผู้ที่จะเป็นแม่คน เขายิ้มอ่อนๆ “คุณวางใจได้ เด็กสบายดี”
เมื่อได้ยินว่าเด็กปลอดภัย เสิ่นเฉียวรู้สึกโล่งใจในทันที มือเล็กๆที่จับชายเสื้อของเขาแน่นค่อยๆคลายแรงออก
“ขอบคุณค่ะ”
“ยังมีอะไรอีกมั้ย? มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายมั้ย?” ในเมื่อคุณหมอสุยเข้ามาในห้องนี้แล้ว เขาค่อยๆโน้มตัวลงยื่นมือมาจับชีพจรที่ข้อมือของเธอ จากนั้นหยิบเครื่องฟังตรวจมาตรวจร่างกายเธอตามปกติ
“ดูแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ คุณหนูเสิ่นพักผ่อนให้ดีๆเถอะ”
ตอนที่คุณหมอสุยกำลังเตรียมที่จะออกจากห้องพักก็ได้ยินเสียงจากนอกห้องดังแว่วเข้ามา
“คุณชายสอง คุณมาแล้ว”
เย่โม่เซินมาแล้ว? เมื่อได้ยินชื่อของเขา แววตาของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไปทันที เธอมุดเข้าไปในผ้าห่มทันที
“คุณหมอสุยกำลังตรวจร่างกายให้กับคุณนายน้อยสองค่ะ”
เมื่อพูดจบ ประตูห้องถูกเปิดออกจากข้างใน คุณหมอสุยเดินออกมาแล้วสบตากับเย่โม่เซิน
“คุณชายเย่ ตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว คุณหนูเสิ่นตื่นแล้ว ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บอะไรครับ”
เย่โม่เซินพยักหน้า “อืม”
เสิ่นเฉียวหลบอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วฟังเสียงการเคลื่อนไหวข้างนอกห้อง เธอได้ยินเสียงของล้อรถเข็นค่อยๆเคลื่อนเข้ามาในห้อง เธอตกใจจนตัวหดไปสักพัก
เมื่อคืน….ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ปั้ง!
ประตูห้องพักปิดสนิท เสียงอื่นๆหายไปหมด มีแค่เสียงล้อรถเข็นที่กำลังหมุน
ไม่มีใครพูดอะไร เสิ่นเฉียวเริ่มสงสัยเล็กน้อย เย่โม่เซินเข้ามาในห้องแค่คนเดียว?
“หมกอยู่ในผ้าห่มทำอะไร?”
เสิ่นเฉียวกำลังครุ่นคิดอยู่ เสียงของเย่โม่เซินอยู่ๆดังขึ้นมาทำให้เธอรู้สึกตกใจ
“ไม่กล้าเจอหน้าใคร?”
เสิ่นเฉียว:“……”
เธอค่อยๆดึงผ้าห่มออก จากนั้นสบตากับเย่โม่เซิน
เสิ่นเฉียวอึ้งทันที
เพราะใบหน้าอันงดงามของเย่โม่เซินมีรอยแผลขีดข่วน
บนใบหน้าที่งดงามมีรอยแผลขีดข่วนยาวประมาณสองสามเส้น ดูคล้ายกับโดนกรงเล็บของแมวข่วนมา อีกทั้งบนริมฝีปากอันเรียวบางมีแผลถลอกอยู่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสื้อผ้าของเขาดูเรียบจนไร้รอยยับ เสิ่นเฉียวคงนึกว่าเขาโดนตบตีมา
ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงเอ่ยปากถาม “บนหน้าคุณไปโดนอะไรมา?”
เมื่อฟังจบ เย่โม่เซินอึ้งไปทันที นิ้วอันเรียวยาวของเขาค่อยๆลูบไปที่บาดแผลขีดข่วนบนใบหน้า
หน้าเป็นอะไร? หึ เธอยังจะมีหน้ามาถามอีก
“คุณว่ายังไงล่ะ?” เย่โม่เซินถามกลับหนึ่งคำ
เสิ่นเฉียว“……”
เธอจะไปรู้ได้ยังไง?
สายตาของเย่โม่เซินจ้องมองไปที่ริมฝีปากล่างของเธอ เมื่อคืนริมฝีปากล่างโดนเธอกัดจนเป็นแผล หลังจากไปถึงโรงพยาบาลหมอได้ทายาให้กับเธอ แต่ทว่าบาดแผลบนริมฝีปากของเธอนั้นหายดีอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศในห้องเงียบจนรู้สึกแปลกประหลาด เสิ่นเฉียวกำลังจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แต่เย่โม่เซินรีบพูด “อย่าขยับ”
การกระทำของเสิ่นเฉียวหยุดชะงัก เย่โม่เซินเคลื่อนตัวเข้ามา เขาเงยหน้าของเธอขึ้นแล้วบีบไปที่คางของเธอ “คุณโง่รึไง? เจอเรื่องอะไรกัดริมฝีปากตัวเองเป็นอย่างเดียวรึไง?”
“ฉัน……” เสิ่นเฉียวไม่เข้าใจว่าอยู่ๆทำไมเขาถึงต้องอารมณ์ร้ายขนาดนี้ แววตาของเขาช่างมืดมนแลดูน่ากลัว
“ริมฝีปากของตัวเองบาดเจ็บอยู่ไม่รู้หรอ?” เย่โม่เซินเหลือบไปมองดูเธอ น้ำเสียงดุดัน
เสิ่นเฉียวเอามือไปสัมผัสริมฝีปากล่างของตัวเอง เธอรู้สึกเจ็บจริงๆ ทำไมเมื่อตะกี้ตอนที่เธอดื่มน้ำซุปถึงไม่รู้สึกอะไร? หรือว่าจะนึกเรื่องอื่นๆมากจนเกินไป?
“โง่!” เย่โม่เซินด่าเธออีกหนึ่งคำ
เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ว่าวันนี้เย่โม่เซินดูแปลกมากๆ ถึงแม้ว่าจะร้ายกับเธอเหมือนเดิม ด่าเธอเหมือนเดิม แต่…..น้ำเสียงของเขา……เหมือนว่าจะอ่อนโยนกว่าแต่ก่อนมาก
เธอรู้สึกไปเองรึเปล่า?
เย่โม่เซินเห็นเธอกำลังเหม่อลอย น้ำหนักแรงที่มือค่อยๆผ่อนลงโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขาจ้องมองไปที่รอยม่วงช้ำตรงบริเวณคอของเธอ ความสุขและความพึงพอใจถูกสื่อออกมาผ่านดวงตาสีดำ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เธอกอดคอของเขาด้วยความสับสน ขอร้องเขาให้เบาหน่อย….เย่โม่เซินรู้สึกราวกับว่ามีแมวน้อยตัวหนึ่งเข้ามาจั๊กจี้หัวใจของเขา
นิ้วมือของเขาค่อยๆเอื้อมมาที่บริเวณคอของเธอโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วที่อบอุ่นค่อยๆลูบสัมผัสรอยม่วงช้ำตรงบริเวณคอของเธอ
เสิ่นเฉียวรู้สึกคัน เธอหลบการสัมผัสของเขา
ทันใดนั้นเอง เธอพึ่งจะนึกออกว่าบริเวณคอของตัวเองนั้นมีอะไรอยู่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบถอยไปด้านหลังทันที
“อย่ามาแตะต้องฉัน!!”