บทที่1058 ร่วมแสดงความยินดี
เสี่ยวเหยียนคิดอยู่อย่างเงียบๆ นี่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของหานชิงเมื่อครั้งที่แล้ว
พอคิดถึงหานชิง นัยน์ตาเสี่ยวเหยียนก็หม่นหมองลงเล็กน้อย เธอพยายามสงบอารมณ์ตัวเองและพูดเบาๆ
“พ่อคะ พ่อกับแม่นั่งรอที่นี่แหละ หนูจะเข้าไปข้างในหน่อย”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็เข้าไปข้างใน พ่อจางเห็นดังนั้นก็อยากจะตามเข้าไปด้วย แต่กลับโดนหลัวหุ้ยเหม่ยยื้อไว้
“คุณจะตามเข้าไปทำไม? นั่งอยู่ที่นี่ดีดี เพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะ”
พ่อจาง “…”
เขาไม่มีความสามารถที่จะตอบโต้กับหลัวหุ้ยเหม่ยได้เลย จึงได้แต่นั่งอย่างว่าง่าย
ในเวลานี้ หางตาของหลัวหุ้ยเหม่ยก็เห็นหลายๆคนเดินเข้ามาจากหน้าประตู เธอจึงเอ่ยปากเชิญ “ลูกค้ามาแล้ว ฉันจะไปต้อนรับก่อน คุณนั่งอยู่นี่ล่ะอย่าวุ่นวาย”
“ไปเถอะๆ”
เมื่อเห็นหลัวหุ้ยเหม่ยลุกขึ้น พ่อจางก็มองไปยังที่ที่เสี่ยวเหยียนหายไป เขาอยากไปตามหาประธานเย่น้อย แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็ก
แต่ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นถึงลูกชายของคุณชายเย่เลยนะ ไม่คิดเลยว่าลูกสาวตัวเองจะมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกชายและภรรยาของคุณชายเย่ขนาดนี้ นอกจากปลื้มใจแล้ว พ่อจางยังรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย
ลูกสาวตัวเองมีอนาคตสดใสกว่าตัวเองเสียอีก
“สวัสดีครับ เชิญเข้ามาข้างในได้ครับ”
หานมู่จื่อและเย่โม่เซินมาด้วยกัน จากนั้นคนขับรถก็เปลี่ยนเป็นเซียวซู่
หลังจากที่เห็นคนขับรถเป็นเซียวซู่ หานมู่จื่อก็มีข้อกังขาอยู่ในใจ
ด้วยความร้ายกาจที่คาดไม่ถึง เขาไม่ให้เธอยุ่งเรื่องหานชิงกับเสี่ยวเหยียน แต่ตัวเองกลับพาเซียวซู่เข้ามาขวาง ถึงอย่างไรเซียวซู่ก็แค่มาปรากฏตัว ดังนั้นหานมู่จื่อจึงไม่ได้ออกหน้า
เธอคิดว่าพอได้โอกาสค่อยหาทางคิดบัญชีกับเย่โม่เซิน
พอเข้ามา เซียวซู่กับเย่โม่เซินต่างก็มีของขวัญอยู่ในมือ แต่การแสดงออกทางสีหน้าอันเย็นชาของเย่โม่เซินกลับมองไม่ออกถึงความยินดีแม้แต่น้อย มีเพียงกลิ่นอายน่าเกรงขามที่หนักอึ้ง
เซียวซู่ติดตามเขาอยู่ตลอด บนตัวจึงมีกลิ่นอายแห่งการคุกคาม
พอหลัวหุ้ยเหม่ยเหลือบมองเพียงแวบตาเดียวก็รู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับผู้ชายทั้งสองคนนี้ หัวใจเธอเต้นตึกตัก และในที่สุดเธอก็หันไปทักทายผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่ยิ้มอยู่ข้างๆ
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
หลัวหุ้ยเหม่ย “?”
“วันนี้เสี่ยวเหยียนเปิดร้านใหม่ พวกเราก็เลยมาร่วมแสดงความยินดีด้วยน่ะค่ะ นี่ของขวัญค่ะ”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็ทำสัญญาณให้เย่โม่เซินมอบของขวัญ เย่โม่เซินส่งของขวัญที่อยู่ในมือยื่นไปข้างหน้าด้วยใบหน้าอันเยือกเย็น
ในเวลานี้หลัวหุ้ยเหม่ยเพิ่งจะเงยหน้ามองมาทางเย่โม่เซิน พอมองหน้าเขาชัดๆ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ถึงกับยืนช็อกอยู่กับที่
คุณพระช่วย ยังมีคนหน้าเหมือนกันขนาดนี้อยู่บนโลกใบนี้จริงๆด้วยหรือนี่?
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาสูงยาวเข่าดีที่อยู่ตรงหน้าเธอเหมือนเสี่ยวหมี่โต้วอย่างกับแกะ เนื่องจากเสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับหลัวหุ้ยเหม่ยมาได้นานสักพัก ทั้งสองจึงสนิทสนมกันมาก
จู่ๆก็มีคนเหมือนเสี่ยวหมี่โต้วปรากฏตัวขึ้น
หลัวหุ้ยเหม่ยมองเย่โม่เซินอยู่นานสองนาน จากนั้นก็มองไปทางหานมู่จื่อซึ่งกำลังยิ้มหวานอยู่ เธอจึงรีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“หนู หนูคือมู่จื่อสินะ?”
หานมู่จื่อนิ่งไปสักพัก อันที่จริงหานมู่จื่อไม่เคยเจอแม่ของเสี่ยวเหยียนเลย แต่พอดูจากลักษณะและอายุของเธอแล้วก็พอจะเดาได้ เธอกับเสี่ยวเหยียนดูคล้ายกันเล็กน้อยโดยเฉพาะคิ้วกับตา
ทว่าหานมู่จื่อกลับไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลัวหุ้ยเหม่ยจะรู้จักเธอ
“ใช่แล้วค่ะคุณป้า หนูคือมู่จื่อ ก่อนหน้านี้คุณป้าเคย…”
“อ๋อ หนูจะถามป้าว่าป้าเคยเจอหนูมาก่อนหรือเปล่าสินะ ป้าถึงได้รู้จักหนู?”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้า
“จริงๆแล้วก็ไม่เคยหรอก ป้าเจอหนูครั้งแรกก็วันนี้แหละ แต่ได้ยินเสี่ยวเหยียนพูดถึงหนูบ่อยๆน่ะ อีกอย่าง…ตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วก็พักอยู่ที่บ้านของเรา เขากับ…”
พอพูดมาถึงตรงนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็มองไปทางเย่โม่เซินโดยไม่รู้จะเรียกเขาว่าอย่างไร เธอยั้งคำพูดของเธอไว้เล็กน้อย “เหมือนกันมากๆ ฉันก็เลยเดาได้”
“แบบนี้นี่เอง” หานมู่จื่อพยักหน้าชม “คุณป้าเก่งจริงๆเลยค่ะ”
พอพูดเสร็จ เธอก็ดึงแขนเสื้อเย่โม่เซิน “เขาเป็นคุณพ่อของเสี่ยวหมี่โต้ว ชื่อเย่โม่เซิน คุณป้าเรียกเขาว่าโม่เซินก็ได้ค่ะ”
เย่โม่เซินไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของภรรยาตัวน้อยที่กำลังดึงแขนเสื้อเขาหนักกว่าปกติ ริมฝีปากบางของเขาขยับดึงส่วนโค้งเล็กน้อย
“คุณป้าสวัสดีครับ ภรรยาผมพูดถูกแล้ว เรียกผมว่าโม่เซินก็ได้”
หลัวหุ้ยเหม่ยไม่ได้มองเห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของทั้งคู่ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าน่าจะเป็นประธานเย่ที่ตาจางพูดติดปากสินะ ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนเฉียบขาด ไม่ไว้หน้าหรือรักษาน้ำใจใคร แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะเชื่อฟังผู้หญิงคนหนึ่งอย่างว่าง่าย
“ใช่แล้วค่ะ นี่คือของขวัญ”
“มาก็ดีแล้วยังต้องเอาของขวัญมาทำไมกันล่ะ? ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหยียนก็พูดถึงหนูบ่อยๆ หลายปีมานี้ป้าต้องขอบคุณหนูจริงๆที่คอยดูแลเสี่ยวเหยียน”
เนื่องจากหานมู่จื่อดูเป็นมิตร ดังนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยจึงพูดกับเธอโดยไม่มีกำแพงพลางจับมือเธอด้วยความสนิทสนม จากนั้นก็พาเธอเข้ามาข้างใน
“เราเข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ นั่งไปคุยไป”
“ค่ะ”
หานมู่จื่อปล่อยแขนเสื้อเย่โม่เซิน จากนั้นก็เดินตามหลัวหุ้ยเหม่ยเข้าไปข้างใน
เย่โม่เซินที่ถูกปล่อยแขนเสื้อก็รู้สึกใจเสียเล็กน้อย
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังภรรยาตัวเอง เย่โม่เซินก็อดส่ายหน้าอย่างจนใจไม่ได้ เมื่อกี้ยังดึงแขนเสื้อเขาอยู่เลย พอได้อย่างที่ต้องการแล้วก็ไม่สนใจ
พอเขาสาวเท้าเข้าไปก็นั่งตามอย่างว่าง่าย
พ่อจางกำลังนั่งรอในที่ของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เหลือบมองไปทางด้านนั้น
เพียงแค่เหลือบมอง เขาก็ตกตะลึงนั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
“เย่ ประธานเย่?”
นี่เขาตาฝาดไปหรือเปล่า? หรือว่าเป็นผลพวงของอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาจะเห็นประธานเย่ของพวกเขาปรากฏตัวอยู่ในร้านราเม็งเล็กๆนี้ได้อย่างไร??
ไม่ถูก จะต้องมีเหตุผลที่ประธานเย่มาที่นี่
แท้ที่จริงแล้วการที่ประธานเย่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
แต่ตาจางยังลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “ประธานเย่”
“ผู้จัดการจาง” เย่โม่เซินมอบของที่นำมายื่นให้เขา “ได้ยินมาว่าคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมต้องขอโทษจริงๆที่ไม่มีเวลาไปเยี่ยมคุณที่นั่น นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆครับ”
เมื่อตาจางมองไปยังของขวัญนั้นก็ยื่นมือสั่นๆออกไปรับแต่ไม่กล้ารับ
“นี่…”
“คุณลุงคะ นี่เป็นของขวัญแทนคำขอโทษจากฉันกับโม่เซิน ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้ว่าคุณลุงอยู่โรงพยาบาล ไม่อย่างงั้นฉันกับเขาคงไปเยี่ยมคุณลุงนานแล้ว ต้องขอโทษจริงๆนะคะ”
หานมู่จื่อรู้จักพ่อจาง เนื่องจากจริงๆแล้วเขาเป็นผู้จัดการแผนกการเงินและได้ไปมาหาสู่กันอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้พ่อจางตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม ประธานเย่ผู้เย็นชามาร้านราเม็งเล็กๆของลูกสาวเขา ทั้งยังมอบของขวัญให้เขาเพื่อแสดงคำขอโทษ แล้วยังภรรยาของท่านประธานก็…
“มู่จื่อ?”
เสียงประหลาดใจของเสี่ยวเหยียนลอยเข้ามา
เธอยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์บริเวณทางออกและมองหานมู่จื่อด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงไม่โทรศัพท์มาหาฉันก่อน บอกฉันสักคำ ฉันจะได้ออกไปรับ”
“วันนี้เธอเปิดร้านใหม่นี่นา ให้เธอออกไปรับฉันแล้วร้านเธอจะทำยังไง?”
เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้พบเสี่ยวเหยียน พอวันนี้ได้พบเธอก็เห็นว่าเธอผอมลงไปมาก พูดได้ว่าหานมู่จื่อรู้สึกปวดใจเสียจริงๆ