เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1059 วิเศษมาก

บทที่1059 วิเศษมาก

“มีคนอยู่ในร้านตั้งเยอะแยะ ฉันขอให้ช่วยก็ได้”

หานมู่จื่อมองสำรวจการตกแต่งภายในร้าน ดูเหมือนว่าจะเป็นการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหมดและมีการเพิ่มองค์ประกอบแบบจีนโบราณ ทั้งยังมีโคมไฟสีเข้มเข้ามาผสมผสาน เมื่อคนเข้ามาก็ทำให้รู้สึกดื่มด่ำในบรรยากาศ

หลังจากที่หานมู่จื่อสำรวจเสร็จแล้วก็นั่งทานอาหารอยู่ในร้าน เธอไม่ต้องห่วงเลยว่าอาหารจะอร่อยหรือไม่ เพราะสามารถเข้าถึงความรู้สึกนั้นได้

“การตกแต่งร้าน…”

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้ มากันแล้วเหรอฮะ?”

น้ำเสียงออดอ้อนน่าเอ็นดูดังขึ้นมา

คำพูดของหานมู่จื่อถูกขัดจังหวะ จากนั้นก็มองไปยังต้นเสียง

มือเล็กของเสี่ยวหมี่โต้วยังถืออาหารจานเล็ก เขายืนนิ่งอยู่กับที่พลางมองมายังพวกเขา หานมู่จื่อนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้วสวมชุดทำงานแทนชุดที่สวมใส่ตามปกติ

ชุดทำงานของเขาน่ารักมาก พอสวมอยู่บนตัวเขาก็ยิ่งทำให้น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม

เมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้วในลักษณะนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองอ่อนยวบไปชั่วขณะจนอยากร้องกรี๊ดเสียงดังๆหลายครั้ง จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวหมี่โต้วไว้ในอ้อมแขนและถูกแรงๆ!

เพราะเขาน่ารักเกินไปแล้ว!

แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีคนเยอะเกินไป ทั้งยังเป็นร้านของเสี่ยวเหยียน การกระทำดังกล่าวจึงดูไม่ค่อยดีนัก

ดังนั้นหานมู่จื่อจึงได้แต่อดใจ

“เป็นไง? ฉันตัดชุดทำงานให้เสี่ยวหมี่โต้วด้วย น่ารักมากใช่ไหม วิเศษไปเลยล่ะสิ?” เนื่องจากเสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อรู้จักกันมานานหลายปี จึงเป็นธรรมดาที่เสี่ยวเหยียนจะมองออกถึงความตื่นเต้นที่อยู่บนใบหน้าและอารมณ์ทางแววตาของหานมู่จื่อ หลังจากที่เธอเห็นเสี่ยวหมี่โต้วสวมชุดแบบนี้ เธอก็ตื่นเต้นกระดี๊กระด๊าแล้วลากเสี่ยวหมี่โต้วมาถ่ายรูปเป็นบ้าเป็นหลังโดยให้เขาโพสท่าต่างๆ

จนกระทั่งเสี่ยวหมี่โต้วทนไม่ไหวถึงจะหยุดได้

“อืม!” หานมู่จื่อพยักหน้าติดต่อกันเพื่อชื่นชมความคิดของเสี่ยวเหยียน “วิเศษไปเลย!”

เสี่ยวหมี่โต้วเดินสาวเท้าแบบเด็กๆ เขาถือจานไว้ในมือแล้วเดินไปทางด้านนั้น “แด๊ดดี้ หม่ามี๊ พวกคุณรออยู่นี่สักครู่ เสี่ยวหมี่โต้วจะไปเอาอาหารมาให้”

“ได้สิจ๊ะ” หานมู่จื่อโบกไม้โบกมืออยู่ข้างหลัง พลางพูดเบาๆ “ระวังด้วยนะ”

จากนั้นทุกคนต่างก็จ้องมองมาทางเสี่ยวหมี่โต้ว หลังจากที่เห็นเขาเสิร์ฟอาหาร สาวๆทั้งสามคนที่นั่งโต๊ะนั้นก็มองเสี่ยวหมี่โต้วตาเป็นประกาย

“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด น่ารักจังเลยเด็กน้อย ! ! ! หนูทำงานอยู่ที่นี่เหรอจ๊ะ ? ? ?”

“พระเจ้า นี่คือเทพเซียนน้อยผู้น่ารัก ทำไมหน้าตาดีจัง แล้วยังมาทำงานที่นี่อีกด้วย สวรรค์ไม่มีตา!”

“หนูน้อย พวกเรามาถ่ายรูปกันดีไหม ? ?”

เสี่ยวหมี่โต้วตอบปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างสุภาพ “ไม่ได้ฮะพี่สาวคนสวย หม่ามี๊หวง”

พี่สาว “เสียใจจัง นี่ฉันโดนพี่ชายตัวน้อยผู้น่ารักปฏิเสธเหรอเนี่ย ฉันจะกลับไปแขวนคอด้วยเส้นบะหมี่ซะเลย พวกเธออย่าห้ามฉันนะ”

“ไม่เป็นไร พวกเราไม่ห้าม พอได้เห็นพี่ชายตัวน้อยผู้น่ารัก ก็ถือว่าเธอนอนตายตาหลับแล้ว!”

“เพื่อนเลว! เธอนี่ไม่รู้จักทะนุถนอมเพื่อนรักคนนี้เลย น่าเจ็บปวดชะมัด!”

เด็กผู้หญิงที่โต๊ะนั้นล้วนแต่เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยเรียน พวกเธอเต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา คำพูดจึงมีแต่คำกระเซ้าเย้าแหย่กันเป็นส่วนมาก

เมื่อมองจากระยะไกล หานมู่จื่อก็พลันนึกถึงตอนที่เธอยังอยู่ในช่วงวัยเรียนกับเมิ่งเส่โยว

ตอนนั้น…เรื่องทุกอย่างยังไม่ได้เกิดขึ้น

เธอกับเมิ่งเส่โยวเคยมี…ช่วงเวลาดีดีร่วมกัน

แต่ไม่คิดว่าพอเวลาเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด

ในขณะที่หานมู่จื่อกำลังเศร้าอยู่เพียงลำพังก็มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากทางข้างหลัง

“เขาต้องมาทำงานกับคุณที่นี่เหรอ?”

เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนี้ก็พากันหันไปมองเจ้าของคำพูดตามเสียงสะท้อน

เป็นเย่โม่เซิน ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกและน้ำเสียงของเขาก็เฉยเมยจนแทบไม่รู้อารมณ์

คนผู้นี้เป็นผู้กุมอำนาจบริษัทตระกูลเย่ ใครจะกล้าเดา? อย่างน้อยนอกจากหานมู่จื่อ ในสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีใครกล้าอีกแล้ว รวมถึงเสี่ยวเหยียนที่เคยทำงานอยู่ที่บริษัทตระกูลเย่ด้วย แม้จะเป็นเพื่อนรักกับหานมู่จื่อมานานหลายปี แต่เงามืดพวกนั้นของคุณชายเย่ที่เกิดขึ้นกับเธอก็ยังไม่หายไปไหน

แม้คุณชายเย่จะอ่อนโยนต่อหานมู่จื่อมากแค่ไหน แต่นั่นก็จำกัดอยู่กับแค่หานมู่จื่อเท่านั้น

พวกเธอล้วนเป็นคนนอกที่ไม่มีทางรับรู้ถึงมันได้เลย

ดังนั้นหลังจากที่เย่โม่เซินพูดประโยคนี้ออกมา คนที่อยู่ในเหตุการณ์นอกจากหานมู่จื่อกับเซียวซู่แล้ว ก็ล้วนถอดสีหน้า

โดยเฉพาะเสี่ยวเหยียนที่แทบจะน้ำลายฟูมปาก

“เปล่าค่ะๆ เขาก็แค่นึกสนุก เพิ่งเปิดร้านก็มาเล่นที่นี่ได้สองสามวันแล้ว คุณชายเย่ก็พูดตลกไปได้…ฉันจะให้เสี่ยวหมี่โต้วทำงานอยู่นี่ได้ยังไง? สถานที่แบบนี้…ไม่เหมาะกับเสี่ยวหมี่โต้วหรอกค่ะ”

หานมู่จื่อที่รู้สึกตัวได้ก็ขมวดคิ้ว เธอมองเย่โม่เซินอย่างไม่พอใจ

ความจริงเย่โม่เซินก็แค่ถามไปอย่างงั้น ไม่ได้มีความหมายเป็นอย่างอื่น แต่เป็นเพราะท่าทางของเขาจึงทำให้คนอื่นยำเกรงโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวเหยียนพูดด้วยความนอบน้อมและประหม่าเนื่องจากความกลัว หานมู่จื่อซึ่งอยู่ในฐานะพี่สาวก็ย่อมไม่พอใจ

ภายใต้การถลึงตาของหานมู่จื่อ เย่โม่เซินก็รู้สึกจนปัญญาและทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ “ฉันแค่ถามไปงั้นๆ ไม่ต้องกลัว”

ทุกคน “…”

สามีภรรยาจางสบตากันโดยไม่พูดอะไร

หานมู่จื่อจัดการกับเย่โม่เซินเสร็จแล้วก็กลับมายิ้มคล้องแขนกับเสี่ยวเหยียน “ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันรู้สึกว่ามาหาประสบการณ์ที่นี่สักหน่อยก็ดี ให้เสี่ยวหมี่โต้วมาช่วยเธอที่นี่เถอะ”

เสี่ยวเหยียนกระตุกปากและพูดอย่างอายๆ “ไม่ได้หรอกมู่จื่อ ถึงเธอจะยอมแต่ฉันไม่ยอมหรอก เสี่ยวหมี่โต้วเล่นอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันก็ถึงเวลาต้องกลับไปเรียนแล้ว ฉันไม่กล้าหน่วงเหนี่ยวช่อดอกไม้ที่เป็นอนาคตของชาติหรอก อีกอย่างใช้แรงงานเด็กก็ผิดกฎหมายด้วย”

ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ

“อืม ก็ดี งั้นก็ให้เขาอยู่กับเธออีกสองสามวัน พอถึงเวลาค่อยมารับเขากลับไปเรียนแล้วกัน ไม่รีบๆ ” หานมู่จื่อตบมือเสี่ยวเหยียนเบาๆเพื่อเป็นการบอกเธอว่าไม่ต้องกังวลหรือประหม่า

พอเสี่ยวเหยียนที่เพิ่งถูกทำให้ตกใจกลัวเห็นหานมู่จื่อจัดการกับเย่โม่เซินไปแล้ว เธอถึงจะโล่งอกได้

“มู่จื่อ ขอบใจนะ”

เสี่ยวเหยียนโน้มตัวไปกระซิบข้างหูหานมู่จื่อ หานมู่จื่อคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆหางตาก็เหลือบมองไปทางเซียวซู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ

เขามาถึงนานแล้วแต่ยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวเหยียนสักคำ ทว่าสายตาของเขาก็ยังคงมองเสี่ยวเหยียนมาตลอด

ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอก็ดูจะไม่มีความเห็นอกเห็นใจสินะ?

ถึงอย่างไรเซียวซู่ก็คอยช่วยเหลือเธอกับเย่โม่เซินตั้งหลายเรื่องมานานแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็เอ่ยปาก “ไม่ต้องเกรงใจฉันขนาดนั้นหรอก ของขวัญฉันกับเย่โม่เซินวางอยู่บนโต๊ะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆสักหน่อย ชั้นสองก็มีที่นั่งไม่ใช่เหรอ?”

พอพูดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ดึงแขนเสื้อเย่โม่เซิน “พวกเราขึ้นไปดูชั้นสองกัน”

เป็นที่แน่นอนว่าเย่โม่เซินตอบรับคำขอของเธอ “อืม”

ดังนั้นเย่โม่เซินกับหานมู่จื่อจึงขึ้นไปชั้นสอง สามีภรรยาจางก็มองตามทั้งสองไป จนกระทั่ง…

“เซียวซู่? คุณก็มาด้วยเหรอ?”

อันที่จริงเสี่ยวเหยียนสังเกตเห็นเขาได้ตั้งนานแล้ว ตอนที่เห็นเซียวซู่ เสี่ยวเหยียนก็ยังจำการพบกันครั้งสุดท้ายได้ คำพูดที่เธอพูดตอนนั้นเริ่มปรากฏชัดขึ้นในตอนนี้ ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดเหล่านั้นถึงทำให้เซียวซู่กลายมาเป็นแบบนี้

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset