บทที่1068 พวกเธอคบกันแล้ว
คิดไปคิดมา รู้สึกปวดใจเหลือเกิน
เสี่ยวเหยียนยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยความกระวนกระวายใจ และไม่รู้ว่าถอนหายใจไปแล้วกี่ครั้ง ขณะที่หล่อนกำลังจะตัดสินใจล้มเลิกทุกอย่างและกลับไป
หานชิงขยับตัวแล้ว
จากนั้นเขากำลังหันมองมาทางเสี่ยวเหยียนพอดี
ตอนแรกแค่กวาดสายตามองผ่านๆเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเห็นเป้าหมายอื่น จึงเหลือบมองอีกครั้งและหลบสายตาไป
แต่หลังจากที่หลบสายตาไป ชายผู้หน้าตาดีคนนั้นก็หยุดชะงักและหันกลับมามองอีกครั้งเหมือนเพื่อเป็นการดูให้มั่นใจ
แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่สายตาของเสี่ยวเหยียนนั้นดีมาก ดังนั้นจึงเห็นท่าทางของหานชิงได้อย่างชัดเจน และมั่นใจแน่แล้วว่าตอนนี้เขาเห็นตัวเองแล้ว หล่อนหมดโอกาสแล้ว
เฮ้อ ถ้ารู้ก่อนคงไม่คิดมากขนาดนั้นแล้ว เดินออกไปก็จบแล้ว
ตอนนี้…
เสี่ยวเหยียนฝืนเดินเข้าไป ยกมือขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เอ่ยปากพูดขึ้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะประธานหาน เซียวซู่ล่ะคะ?”
เมื่อหานชิงเห็นสาวน้อยเดินตรงเข้ามาหาตัวเอง เขารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะก่อนหน้าที่เจอกันมาสองครั้ง เขาคิดว่าสาวน้อยคนนี้คงวิ่งหนีไปเมื่อเห็นเขาเช่นเคย
คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะเดินเข้ามาหาตัวเอง
แปลกมาก สีในแววตาของหานชิงคมเข้มมากขึ้น
แต่ไม่นานนัก ราวกับถูกน้ำเย็นรดลงบนหัวของเขา
สาวน้อยเดินเข้ามา แต่หล่อนกลับพูดกับเขาด้วยความเกรงใจอย่างมาก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านประธาน เซียวซู่ล่ะคะ?”
ไม่พูดถึงเรื่องที่หล่อนเรียกประธานหาน แต่พอมาถึงก็ถามหาเซียวซู่?
เหมือนมีบางอย่างมาทิ่มแทงหน้าอก จากนั้นก็ทะลุผ่านเข้าไปในหัวใจ
เขาได้ยินเสียงเรียกร้องของตัวเองจนอดไม่ได้ที่จะถามอีกฝ่าย
“พวกเธอคบกันแล้ว?”
“……”
อันที่จริงเสี่ยวเหยียนฝืนใจตัวเองเดินเข้ามา กว่าจะรวบรวมความกล้าพูดกับเขาได้นั้นไม่ง่ายเลย หล่อนคิดทบทวนอยู่ในใจหลายรอบว่าจะเรียกเขาว่าอะไรดี คุณหานก็ดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ดังนั้นหล่อนจึงเรียกประธานหานเหมือนที่คนอื่นเรียกกัน
จากนั้นหล่อนก็คิดว่า เขาคงขี้เกียจตอบหล่อน
เพราะจากนิสัยและอารมณ์ของเขา คงตอบเพียงคำว่าอื้ม และพยักหน้าแทนคำตอบกลับ
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนี้
พวกเธอคบกันแล้ว???
เสี่ยวเหยียน: “???”
คำพูดนี้หมายความว่ายังไงกัน?
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังตกใจอึ้ง จากนั้นก็รู้สึกสับสน สุดท้ายเพิ่งจะเข้าใจ
หานชิงกำลังถามว่าหล่อนกับเซียวซู่คบกันเหรอ? ทำไมล่ะ? เพราะหล่อนมาถึงแล้วถามว่าเซียวซู่อยู่ไหนงั้นเหรอ?
ตอนที่เสี่ยวเหยียนตอบกลับว่าไม่ใช่ หานชิงก็ลุกขึ้น ยื่นผ้าห่มให้หล่อน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถามดูเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องตอบ อีกอย่าง ขอบคุณสำหรับผ้าห่มเมื่อคืนนะ”
เสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมาได้จึงยื่นมือไปรับ
“เขาอยู่ในห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงออกมาแล้ว วันนี้มีประชุมตอนเช้าที่บริษัท ผมไปก่อนนะ รบกวนบอกมู่จื่อให้ด้วย”
เมื่อพูดจบ หานชิงก็หันหลังเดินออกไปทันที ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
มองดูร่างสูงใหญ่ของเขา เสี่ยวเหยียนอยากจะเอ่ยปากพูดอธิบายว่าระหว่างหล่อนกับเซียวซู่นั้นไม่มีอะไรเลย
แต่แม้ว่าหล่อนจะอ้าปากขึ้นมาแล้ว แต่กลับคอแห้ง พูดอะไรไม่ออก
หล่อนถือผ้าห่มในมือที่มีไอความร้อนแผ่ออกมา สุดท้ายเสี่ยวเหยียนจึงทำได้เพียงมองเงาของเขาที่ค่อยๆเดินจากไป และมือของหล่อนก็ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ทุกข์ทรมานใจมาก
ช่างเถอะ ทำไมต้องอธิบายด้วยล่ะ?
หล่อนกับเซียวซู่จะคบหรือไม่ได้คบกัน เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
ถ้าเขาสนใจจริงๆ งั้นเหตุผลก็คงเป็นเพราะเขาอยากให้หล่อนหาคนใหม่ได้ไวๆ จะได้ไม่ต้องมารบกวนเขาอีก?
สิ่งที่เขาให้ความสนใจคงเป็นเรื่องนี้แน่นอน
น่าเสียดายที่เมื่อครู่หล่อนคิดมัวแต่คิดมาก คิดไปคิดมารู้สึกกลัวกับความคิดไร้สาระของตัวเองเสียจริง
หล่อนช่างโง่จริงๆ
ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธตัวเองตั้งหลายครั้ง หล่อนควรจะตาสว่างได้แล้ว
ตอนที่เซียวซู่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นสาวน้อยยืนเหม่ออยู่ที่หน้าเก้าอี้ตัวยาว อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มขึ้น คิดจะเดินเข้าไปทักทายหล่อน
แต่สุดท้าย เมื่อเห็นว่าหล่อนตาแดง
เซียวซู่จึงหยุดชะงัก จากนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิม
จากนั้นเขาเห็นว่าหล่อนถือผ้าห่มหนึ่งผืนไว้ในมือ ดูคุ้นตามาก แต่ไม่ใช่ผืนที่เขาเห็นเมื่อคืน
ไม่นานนัก เซียวซู่ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าผ้าห่มผืนนั้นเป็นของใคร โถงทางเดินอันกว้างใหญ่เหลือเพียงแค่เสี่ยวเหยียนเพียงคนเดียว เงาของคนนั้นหายไปตั้งนานแล้ว
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เซียวซู่อดไม่ได้ที่จะกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสี่ยวเหยียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
หล่อนตั้งสติขึ้นมาได้ รีบกระพริบตาอย่างรวดเร็ว ทำให้ใจเย็นลง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงอันแหบแห้งของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง เมื่อเสี่ยวเหยียนหันหลังกลับไป ก็สบตากับเซียวซู่
ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น กระทั่งแววตายังเต็มไปด้วยความละมุน “เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?”
ความอ่อนโยนของใบหน้าของเขาช่างต่างกับใบหน้าอันเย็นชาของหานชิงราวฟ้ากับเหว เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นทุกข์ขนาดนั้น จึงพยักหน้าลง
“โอเคดีค่ะ พวกนายล่ะ? โถงทางเดินหนาวมากใช่ไหม? เฝ้ามาทั้งคืนคงเหนื่อยแล้ว นายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตรงนี้ฉันอยู่เฝ้าเอง”
เซียวซู่กลับยิ้มให้เล็กน้อย: “ไม่เป็นไร เฝ้าคุณชายเย่คือหน้าที่ของฉัน ไม่มีคำว่าเหนื่อยไม่เหนื่อย ชั้นล่างมีขายอาหารเช้า อยากทานอะไร?”
“นาย…” เสี่ยวเหยียนย่นคิ้วเข้าหากัน “นายไม่กลับไปพักผ่อนจริงเหรอ?”
“ซาลาเปากับน้ำเต้าหู้ไหม?”
เสี่ยวเหยียน: “…ไม่เป็นไรจริงๆ นายเฝ้ามาทั้งคืนแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”
“งั้นเอาตามนี้นะ”
เมื่อเซียวซู่พูดจบ กำลังจะเดินออกไปซื้ออาหารเช้า สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไปทันที และเดินตามเขาไป “นายไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา อีกอย่างแค่ไปซื้ออาหารเช้า ให้ฉันไปถึงจะถูก นายไปพักผ่อนเถอะ”
ระหว่างที่พูด เสี่ยวเหยียนกลัวว่าเขาจะเดินไปครั้งหน้าต่ออีก จึงรีบยื่นมือไปดึงเสื้อเขาไว้
การกระทำเช่นนี้สำหรับเสี่ยวเหยียนแล้ว หล่อนไม่ถือสาอะไร เพราะแค่จับเสื้อเท่านั้น ไม่ได้โดนตัวแม้แต่น้อย
แต่สำหรับเซียวซู่แล้ว กลับทำให้เขาเกิดความรู้สึกเยอะมาก
เขาหยุดเดิน หันมามองทางด้านข้าง สายตาจดจ้องไปที่มือที่จับชายเสื้อของตัวเองไว้ ไม่พูดอะไร
เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขามองอะไรอยู่ จึงรีบตั้งสติขึ้นมา เก็บมือกลับทันที พูดอย่างแหบแห้ง: “ขะ…ขอโทษ ฉันแค่ใจร้อนไปหน่อย ก็พวกนายเฝ้ามาทั้งคืนแล้ว ฉะ…ฉันนอนหลับไปตั้งนาน จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้”
“แค่ซื้ออาหารเช้าเอง ไม่เป็นไรเลย รออย่างสบายใจได้”
ครั้งนี้ เซียวซู่เดินไปแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ตามไปต่อ
หล่อนยืนอยู่ที่เดิมสักพัก จากนั้นกลับไปนั่งที่เก้าอี้ ตอนนี้หล่อนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามือของเธอยังถือผ้าห่มที่หานชิงยื่นให้หล่อนมาโดยตลอด
เมื่อมองดูผ้าห่มผืนนี้ สายตาของเสี่ยวเหยียนก็ดูเศร้าหมองไปทันที
“พี่ชายของฉันกับเซียวซู่ล่ะ?”
ขณะที่เสี่ยวเหยียนกำลังนั่งเหม่อลอย จู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านบน
หล่อนตั้งสติขึ้นมา เห็นว่าหานมู่จื่อออกมาแล้ว
“เซียวซู่ไปซื้ออาหารเช้า พี่ของเธอ…กลับบริษัทแล้ว”
เมื่อสังเกตเห็นว่าตอนที่หล่อนพูดถึงหานชิงยังดูผิดปกติ หานมู่จื่อจึงไม่ได้ถามอะไรมากมาย แต่กลับมองไปที่ห้องคนไข้
“โม่เซินล่ะ ยังไม่ฟื้นเหรอ?”