บทที่1075 คู่สวรรค์สรรสร้าง
ความจริงแบบนี้มันก็ดี
ต่อไปก็เป็นแบบนี้ เอาความรู้สึกชอบเขาทั้งหมดซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกภายในใจ ข่มกลั้นไม่ให้มันออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้
โทรศัพท์ดังอยู่สักพักนึง เสี่ยวเหยียนก็พบว่าเป็นข้อความที่เซียวซู่ส่งเข้ามา
“ผมออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว เธออยู่ไหน?”
สีหน้าของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อกี้นี้เป็นเพราะตื่นกังวลเกินไป จนลืมเรื่องที่เขากำชับมาไปเสียได้
เสี่ยวเหยียนรีบตอบข้อความของเซียวซู่กลับไป
“ฉันกำลังอยู่ระหว่างทางไปโรงพยาบาล นายไม่ต้องมารับฉันหรอก ขอบคุณนะ”
ในตอนที่เซียวซู่ได้รับข้อความนี้ ก็รู้สึกขมที่ปลายลิ้นขึ้นมา
ไม่แม้แต่จะให้โอกาสให้เขาได้ทำอะไรเลยหรอ?
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนี้แล้ว เซียวซู่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธออยู่ดี ดังนั้นแล้วก็เลยตอบกลับไปอีกว่า
“บอกเลขทะเบียนรถมา ระวังตัวด้วย”
เลขทะเบียนรถ?
เสี่ยวเหยียนนิ่วคิ้วสวยออกมา เซียวซู่คิดว่ารถที่เธอนั่งมานั้นเป็นรถส่วนตัวหรือไม่ก็เป็นรถแท็กซี่ถึงได้ให้เธอส่งเลขทะเบียนรถไปให้ล่ะมั้ง? เสี่ยวเหยียนจึงถือโอกาสตอบกลับไป “ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่บนรถของประธานหาน เขามีธุระต้องกลับไปหามู่จื่อที่โรงพยาบาล”
เห็นข้อความนี้แล้ว เซียวซู่ก็ได้อ่านซ้ำๆไปหลายรอบอย่างตื่นตะลึงจิตใจไม่สงบ เหมือนกับว่ากำลังยืนยันอะไรอยู่
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักนึงแล้ว เขาก็ยังคงยิ้มให้กับโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้
ในตอนที่ถึงโรงพยาบาล พอเสี่ยวเหยียนลงจากรถไป ก็เห็นเงาร่างของคนที่คุ้นเคยร่างหนึ่งยืนอยู่ในที่ไม่ไกลออกไป ตอนแรกเธอก็นึกว่าตัวเองจะมองผิดไป แต่พอได้มองดูให้ชัดแล้ว ก็ได้พบว่าเป็นเซียวซู่
เขานี่เอง?
เสี่ยวเหยียนนึกถึงตอนที่เขาโทรหาเธอเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาเขาบอกว่าเขาได้ออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว เดิมทีคิดว่าในตอนนี้เขาก็ควรจะขึ้นรถไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังอยู่ล่างตึกอยู่
เห็นเสี่ยวเหยียน เซียวซู่ก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา ภายใต้แสงไฟอ่อนๆ แผลเป็นที่น่ากลัวบนใบหน้าของเขาก็ดูอ่อนโยนลงหลายส่วน “มาแล้ว?”
เซียวซู่ที่เป็นอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบไหน รู้สึกว่ามันสับสนไปหมด
เธอพยักหน้าเล็กน้อย “ทำไมนายไม่ขึ้นไปล่ะ?”
“ขึ้นไปทำอะไร? ไม่ใช่ว่าเธอกำลังจะมาหรือไง? ก็เลยมารอเธออยู่ตรงนี้”
อีกคนยังถือโอกาสรับเธอกลับมาได้เลย ทำไมเขาถึงถือโอกาสมารอเธอที่นี่ไม่ได้กัน?
“…”
เสี่ยวเหยียนถูกคำพูดตรงๆนั้นของเซียวซู่ทำเอาหน้าแดงขึ้นมา ใบหูก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ถ้าเธอจำไม่ผิด เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเคยพูดกับเซียวซู่ไปแล้วล่ะมั้ง ความรู้สึกของเธอยังไม่ได้จัดการเรียบร้อย ให้เขาอย่ามารบกวนเธอ
แต่ตอนนี้เขากลับ…
เขาคิดว่าเธอจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้แล้ว?
ในความเป็นจริงนั้น ความรู้สึกเมื่อก่อนหน้านี้ของเสี่ยวเหยียนนั้นสงบนิ่ง
เพียงแต่หลังจากที่เจอหานชิง สมองของเธอก็เริ่มว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ประธานหาน”
ในตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น เซียวซู่ก็ได้ร้องเรียกไปทางด้านหลังของเธอ ด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า “คุณนายน้อยรอคุณอยู่ที่บนตึกครับ”
สายตาของหานชิงมองผ่านใบหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตอบอืมออกมาเบาๆ แล้วขึ้นไปชั้นบน
หลังจากที่เขาเดินออกไป สายตาของเสี่ยวเหยียนก็มองตามเงาร่างของเขาออกไป แต่ทันใดนั้นเองเซียวซู่ก็ได้เข้ามาขวางสายตาเธอ บดบังเงาร่างของหานชิงเอาไว้
“หนาวหรือเปล่า? หิวมั้ย? ในเมื่อพวกเขาพี่น้องมีเรื่องที่จะคุยกัน งั้นผมพาเธอไปกินข้าว?” ถึงแม้ว่ากำลังเอ่ยปากถามออกมา แต่เสี่ยวเหยียนก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเหมือนกับเป็นการที่กำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ไม่มีผิด
แน่นอนว่าถ้าเสี่ยวเหยียนปฏิเสธออกไป เขาเองก็ไร้หนทางที่จะไปดื้อด้านบีบบังคับให้เธอไปกับเขาได้อยู่แล้ว
แต่เสี่ยวเหยียนก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้กาลเทศะขนาดนั้น พี่น้องเขาคุยกัน คนนอกอย่างเธอจะเข้าไปประสมโรงอะไรกับเขาได้กัน? ดังนั้นแล้วเธอจึงได้พยักหน้าออกไป
“เอาสิ กำลังหิวอยู่พอดีเลย”
ด้านล่างโรงพยาบาลนอกจากบ้านเรือนของชาวบ้านแถวๆนั้น ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นร้านยาใหญ่ๆติดๆกัน บางร้านก็ขายเสื้อผ้า เพราะว่าคนมาเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลมีเยอะ แถวๆนั้นก็เลยมีพ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านอาหารที่นี่กันมากมาย
ทั้งสองคนกำลังหาร้านอาหารใกล้ๆเข้าไป
ความจริงสำหรับเสี่ยวเหยียนแล้วนั้น เธอไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด เพียงแต่ไม่อยากขึ้นไปข้างบนชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งสองคนต่างสั่งบะหมี่มาคนละชาม จากนั้นก็นั่งลงตรงกันข้ามกัน
เซียวซู่ดูเหมือนว่าจะหิวจริงๆ หลังจากที่นั่งลงไปก็ดื่มน้ำซุปไปคำนึง จากนั้นก็เริ่มกินบะหมี่ไปอย่างตั้งอกตั้งใจ
ท่าทางตั้งอกตั้งใจของอีกฝ่ายทำเอาเสี่ยวเหยียนไม่กล้าไม่กินขึ้นมาเหมือนกัน จนต้องหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุปดื่มไปหลายคำ จากนั้นก็เตรียมกินบะหมี่ตามไป
เถ้าแก่เป็นคนใจดีเสียจริง
คงเพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว คนที่มากินบะหมี่ก็ค่อนข้างที่จะน้อย ดังนั้นแล้วในชามเขาก็ได้ให้เนื้อมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้ากินชามนี้หมด คืนนี้เธอจะนอนหลับมั้ย?
เสี่ยวเหยียนดื่มซุปไปเงียบๆ
“ไม่ชอบ?” เซียวซู่มองอาหารที่อยู่เต็มๆชามของเธอ เลยถามออกไป
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ได้สติกลับมา จึงส่ายหน้าออกไป “ไม่ ไม่ใช่ ฉันก็แค่นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าตอนนี้กินเยอะเกินไปล่ะก็ คืนนี้คงนอนไม่หลับ ฉันดื่มแค่ซุปก็พอแล้ว”
คำพูดนั้นเซียวซู่เองก็ไม่อาจว่าอะไรได้ ทำเพียงยิ้มให้เธอไปเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
ความจริงเขาก็อยากพูดออกไปอีก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไปจริงๆ กลัวว่าตัวเองพูดมากไปจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
รอจนกินกันไปพอประมาณแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ได้วางช้อนลง เซียวซู่ก็ได้ลุกขึ้นไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน
เสี่ยวเหยียนลุกขึ้นตามไป
“ฉันเองเถอะ”
แต่ใครจะรู้ว่าเพียงชั่วพริบตาเซียวซู่ก็ได้จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เรียกเธอออกจากร้าน เสี่ยวเหยียนนิ่งอึ้งไปแป๊บนึง จากนั้นก็ไล่ตามพร้อมเอ่ยออกไปว่า “พวกเรามาหารกันเถอะ? ฉันคืนค่าบะหมี่ให้นาย”
ได้ยินอย่างนั้น เซียวซู่ก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปมองเธออย่างจนใจ
“บะหมี่ชามเดียวเอง เธอไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก”
เสี่ยวเหยียนที่ถูกแทงใจดำอยู่นั้น “…”
“ถึงแม้ว่าผมจะชอบเธอ แต่เธอคงไม่คิดว่าผมจะตั้งใจเลี้ยงบะหมี่คุณหรอกมั้ง? ผมก็แค่หิว แล้วก็ไม่อยากไปกินคนเดียว ก็เลยถือโอกาสชวนเธอมาด้วยกัน”
เป็นอย่างนี้งั้นหรอ? เสี่ยวเหยียนกะพริบตาเบาๆ
“ดังนั้นแล้วก็ไม่ต้องกดดันไปหรอก คำพูดพวกนั้นที่เธอพูดออกมาผมยังจำได้ วางใจเถอะ”
ฟังมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไป รู้สึกเพียงสบายใจขึ้นมา
แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเซียวซู่ชอบตน อีกทั้งยังชอบมานานแล้วด้วย
เพราะตนชอบคนคนนึงมาก่อน จึงรู้ถึงความเศร้าของความรู้สึกพวกนั้นดี เธอไม่อาจใจแข็งทำร้ายอีกฝ่ายได้ แต่เธอก็ให้อะไรเขาไม่ได้เลย ก็เลยสับสนไปหมด
ทั้งสองคนมาถึงล่างตึกโรงพยาบาล เข้าลิฟต์ไปพร้อมกัน ภายในลิฟต์เงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
“เซียวซู่”
จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็เรียกเขา
เซียวซู่หันหน้าไป “หืม?”
“นาย——อย่ามาเสียเวลากับฉันอยู่เลย มันไม่คุ้มเลยนะ” เสี่ยวเหยียนเงยหน้า ดวงตาของทั้งสองคนสบกัน เธอเลือกวิธีที่ค่อนข้างอ้อมค้อมมาปฏิเสธเขา “นายก็รู้ว่าในใจฉันมีคนอื่น อยู่กับฉันรังแต่จะทำให้นายเสียเวลาเปล่าไปเท่านั้น ฉันรู้จักกับนายมาหลายปี รู้ว่านายเป็นคนยังไง นายเป็นคนเก่งและเยี่ยมยอดมากจริงๆ จะต้องหา…”
คำพูดถัดจากนั้นยังไม่ทันได้พูดออกมา แต่กลับถูกเซียวซู่ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เสี่ยวเหยียน เธอคิดว่า…ผมเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ในเมื่อคิดว่าผมยอดเยี่ยมแล้ว ทำไมถึงไม่ลองให้โอกาสผมดูล่ะ?” เสี่ยวเหยียนก็หายใจติดขัดขึ้นมาทันที
เธอก็แค่อยากปฏิเสธเขาออกไปอ้อมๆสักหน่อย ไหนเลยจะรู้ว่าเขาจะมาไม้นี้
เซียวซู่เดินเข้าไปข้างหน้าหลายก้าว เข้าประชิดร่างเสี่ยวเหยียน กลิ่นอายจากร่างก็ได้รุนแรงขึ้นมา “บางที พวกเราสามารถลองดูได้จริงๆ พวกเราก็คงจะเป็นคู่ที่สวรรค์สรรสร้างมา”