บทที่ 1093 ในฝันมีเขา ในความจริงไม่มี
ในคืนนั้น เสี่ยวเหยียนก็ได้มีความฝัน
เธอฝันว่าตัวเองได้อยู่กับหานชิง หานชิงในความฝันนั้นอ่อนโยนมาก จะเช็ดน้ำตาให้เธอ ยังจะพูดปลอบโยนเธอด้วยเสียงอ่อนโยน และยังจูบเธอด้วย
แม้ว่าเป็นแค่ฝัน เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าทุกอย่างไม่เป็นจริงเลย เหมือนความฝันแต่ไม่ใช่ความฝัน พยายามดิ้นรนทั้งคืน เพื่ออยากจะฝันให้นานขึ้น หวังว่าความฝันนี้ จะสามารถคงอยู่ตลอดไป
แต่ยิ่งดิ้นรน เธอก็ยิ่งตื่นเร็วขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน สติของเสี่ยวเหยียนก็เริ่มรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้น พบว่าท้องฟ้านอกหน้าต่างสว่างแล้ว และหมอนเปียกไปหมด
เสี่ยวเหยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอร้องไห้ทั้งคืนเลยหรือ?
เมื่อคืน เธอฝันว่าได้อยู่กับหานชิงแล้ว มีความสุขมากจนสาธยายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าไม่สมจริง อยากจะพิสูจน์ แต่ไม่กล้า ขณะที่กำลังดิ้นรน ก็ตื่นขึ้นมาเลย
ที่แท้แล้ว อยู่ในความฝันเท่านั้น ที่เธอสามารถสมหวังกับความปรารถนาอันยาวนานในใจได้
ส่วนชีวิตในความเป็นจริง ยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยื่นมือไปซับน้ำตาที่หางตา ลุกขึ้นเปลี่ยนปลอกหมอนที่เปียกไปด้วยน้ำตา จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำเพื่อแปรงฟันล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลงไปชั้นล่างทำอาหารเช้า
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เสี่ยวเหยียนเดินตรงไปที่ชั้นล่าง ที่ต้อนรับเธอคือ แสงอรุณแรก ที่พบในวันนี้ ส่องบนใบหน้าและร่างกาย ก็รู้สึกอบอุ่นนัก เสี่ยวเหยียนยืนอยู่กับที่ สัมผัสอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่เป็นไร ไม่มีความรักเธอยังมีสิ่งอื่น ชีวิตยังคงสวยงาม เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ
*
สี่เดือนต่อมา
ธุรกิจร้านราเม็ง ยิ่งอยู่ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น ทีแรกเสี่ยวเหยียนแค่จ้างคนงานเพียงสองเท่านั้น ต่อมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนต้องจ้างเพิ่งอีกสองคน พ่อจางก็ลาออกแล้ว มาช่วยที่ร้านกับ หลัวหุ้ยเหม่ยเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะอยู่บ้านรดน้ำดอกไม้และชงชา บางครั้งก็ไปเดินเล่นซื้อของ หรือเต้นแอโรบิคในสวนสาธารณะ
คนรอบข้างต่างก็อิจฉายิ่งนัก บอกว่าหลัวหุ้ยเหม่ยยอดเยี่ยมมาก มีลูกสาวที่สามารถเปิดร้านและทำธุรกิจเป็น มีชีวิตสุขสงบสบายล่วงหน้าแล้ว แต่น่าเสียดายที่เสี่ยวเหยียนยังไม่ได้แต่งงาน ให้พวกเขารีบจัดไว้ในกำหนดการอะไรประมาณนั้น
ส่วนท้องของหานมู่จื่อก็ใหญ่มากแล้ว จากตอนแรกที่ไม่มีความอยากอาหารอะไรเลย จนถึงตอนสุดท้าย ที่ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หานมู่จื่อตัวกลมขึ้นไม่น้อย และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ เธอยังมีอาการบวมน้ำหนักมาก ลูกก็ซนในท้องเป็นอย่างยิ่ง เตะเธออยู่บ่อยๆ ทำให้หานมู่จื่อที่เป็นคุณแม่ ทรมานจนน่าสงสาร
เย่โม่เซินเห็นภรรยาของตัวเองเป็นแบบนี้ แม้แต่กิจการของบริษัท ก็ไม่อยากดูแลแล้ว ทำตัวเป็นเจ้านายที่ได้แต่ชี้นิ้วสั่งทุกวัน มอบงานให้เซียวซู่จัดการ จากนั้นก็กลับบ้านไปอยู่กับภรรยา ออดอ้อนภรรยา
บางครั้งเมื่อเห็นท่าทางของหานมู่จื่อ ถูกทรมานอย่างไม่ไยดี เย่โม่เซินก็จะพูดอย่างเชื่องช้า ออกมาประโยคหนึ่ง
“ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าคนนี้เป็นเด็กผู้หญิง ที่เขาทรมานคุณจนเป็นแบบนี้ ตอนที่เกิดมา ฉันจะต้องต่อยเขาแน่นอน”
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็จ้องดุเขา “พูดจาเหลวไหล ต่อให้จะไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่ก็เป็นลูกชายของคุณ คุณลงมือได้จริงเหรอ?”
เย่โม่เซินมองดูเธออย่างลึกซึ้ง กอดเธอไว้ จูบที่หน้าผากเธออย่างสงสารเห็นใจ
“หลังจากคลอดคนนี้แล้ว อย่ามีลูกอีกเลย”
หานมู่จื่อชะงักครู่หนึ่ง ไม่เอาลูกแล้ว? เธอคิดว่าเย่โม่เซินจะขอให้ตัวเองมีลูกอีกหลายคน คิดไม่ถึงว่า……
“สองคนก็พอแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณเหน็ดเหนื่อยเกินไป”
อันที่จริง หานมู่จื่อไม่ได้ต่อต้านกับการมีลูก แต่เธอก็รู้สึกว่า สองคนก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า
“โอเค งั้นก็ไม่คลอดอีก”
*
ร้านราเม็งเป็นไปอย่างคึกคัก
แต่วันนี้ มีแขกพิเศษมาท่านหนึ่ง
แขกคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหลินสวี่เจิ้งที่เช่าร้านให้เสี่ยวเหยียนในก่อนหน้านี้
ตอนที่เขามา เสี่ยวเหยียนยังประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มขึ้นทันที แล้วก็พาเขาไปที่ห้องรับรองชั้นสอง
ชั้นสองมีห้องรับรองอยู่ห้องหนึ่ง ซึ่งคู่สามีภรรยาสร้างขึ้นโดยเฉพาะในเมื่อก่อน ไม่ใช่สำหรับแขก แต่สงวนไว้สำหรับใช้เอง
“คุณไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าห้องรับรองนี้ สำหรับพวกคุณแล้ว น่าจะมีความพิเศษ ตั้งแต่ฉันเปิดร้านจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยให้ลูกค้าใช้งานเลย และได้ทำความสะอาดทุกวัน”
หลังจากที่ หลินสวี่เจิ้งเข้ามา เขาพบว่าห้องรับรองได้ทำถูกความสะอาดจริงๆ ในอากาศยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ กลิ่นหอมสดชื่นลอยมาเตะจมูก ซึ่งทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลายนัก
หลินสวี่เจิ้งถึงสังเกตเห็นตรงที่หน้าต่าง มีกระถางต้นไม้และดอกไม้สดวางไว้อยู่หลายต้น
“ไม่เลว”
หลินสวี่เจิ้ง ยกริมฝีปากขึ้น จ้องมองเสี่ยวเหยียน อย่างลึกซึ้ง สายตาของใครบางคนพิเศษไม่เหมือนใครจริงๆ เสี่ยวเหยียนคนนี้ มีความรอบคอบและละเอียดอ่อนมาก
“ถ้ามีลูกค้ายืนยันที่จะเข้ามาในห้องรับรองนี้ของคุณล่ะ? คุณจะทำยังไง? ยอมที่จะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ก็จะเก็บไว้หรือ?”
“คงไม่น่าจะมีมั้ง ลูกค้ามานี่ในแต่ละวันเยอะแยะมากมาย ที่ก้าวร้าวไม่มีเหตุผลจะมีน้อยหน่อย และฉันบอกว่านี่เป็นของใช้ส่วนตัว ถ้าพวกเขายังฝืนบังคับอีก ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
เขาเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร แม้ว่าจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ก็จะไม่ปล่อยให้ใช้ห้องรับรอง
“ดูเหมือนคราวนี้ฉันให้เช่าถูกคนจริงๆ”
“วันนี้คุณมากินราเม็งเหรอ? รสชาติครั้งที่แล้ว?” เสี่ยวเหยียนยิ้มเบาๆ เปลี่ยนหัวข้ออื่น
“คุณเป็นคนฉลาดมากจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณนั่งครู่หนึ่ง”
เสี่ยวเหยียนหันหลังกลับ ลงไปชั้นล่าง ไปทำราเม็งให้เขาด้วยตัวเอง
หลินสวี่เจิ้ง มองดูสภาพแวดล้อมรอบข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“คุณเห็นหรือยัง? ความปรารถนาของคุณเป็นจริงแล้ว และห้องรับรองที่คุณเคยเก็บไว้ในเมื่อก่อน ถูกเธอเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี” ประโยคนี้เขาพูดเสียงเบามาก ราวกับว่าพูดให้ตัวเองฟัง
ในห้องครัว หลัวหุ้ยเหม่ยชิดเข้ามาใกล้เสี่ยวเหยียน กระซิบถาม “นายหลินคนนั้นมาอีกแล้วหรือ? เขามาตรวจดูงานหรือเปล่า? ฉันได้ยิน……”
“แม่ เขาแค่มากินราเม็งเท่านั้น แม่อย่าคิดมากเกินไป” เธอฝีมือคล่องแคล่วว่องไว ทำเสร็จราเม็งชามหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งขึ้นไปชั้นบนด้วยตัวเอง
เมื่อพนักงานทั้งหลายเห็นเข้า ต่างซุบซิบกัน
“ทำไมเถ้าแก่เนี้ยของเรา ถึงได้เอาใจใส่ขนาดนี้ คนด้านบนนั้น คงจะไม่ใช่ใครคนนั้นของเถ้าแก่เนี้ยนะ?”
“นั่นสินะ และเมื่อกี้ที่ฉันขึ้นไปส่งอาหาร พบว่าเถ้าแก่เนี้ยเชิญเขาเข้าไปที่ห้องรับรอง พวกเรากำลังจะมีเถ้าแก่แล้วใช่ไหม?”
“ฉันว่าเกือบจะใช่แล้ว ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก เฮ้ย ~ เถ้าแก่เนี้ยมีดวงดีจริงๆเลย”
หลัวหุ้ยเหม่ย ที่อยู่ข้างๆ ฟังคำพูดเหล่านี้ คิ้วอดไม่ได้ที่จะขมวดมุ่น คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เธอไปหาหลินสวี่เจิ้ง
กับลูกสาวด้วยกัน เธอก็ได้รู้จากคนกลางว่า หลินสวี่เจิ้งรักภรรยาของเธอเป็นอย่างมาก
แม้ว่าภรรยาของเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่แค่ดูก็รู้ว่า หลินสวี่เจิ้งไม่มีความคิดที่จะแต่งงานใหม่อีกครั้ง จะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับลูกสาวของเธอได้อย่างไร?
“พวกเธอเดามั่วซั่วอะไรกัน?” หลัวหุ้ยเหม่ย ชิดตัวเข้าไป สองมือกอดอก “ไม่ตั้งใจทำงานยังไม่พอ ยังซุบซิบนินทาเรื่องพวกนี้ ชายหญิงคู่หนึ่งมาอยู่ด้วยกัน ก็คือมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวหรือ? นายหลินคือคนมีครอบครัวแล้ว ก็คือเจ้าของคนเก่า ที่เช่าร้านราเม็งนี้ให้กับของลูกสาวฉัน ห้องรับรองชั้นบน เป็นห้องที่ภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วของนายหลินโปรดปรานมากที่สุด ดังนั้นจึงสงวนไว้สำหรับเขาเป็นพิเศษ ลูกสาวของฉันเช่าร้านราเม็งแห่งนี้ ด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง วันนี้นายหลินเข้ามา ก็คือมากินราเม็ง และระลึกถึงภรรยาของเขา นี่พวกเธอมีความคิดที่ไม่ดีแบบไหนกัน อยากให้ฉันอารมณ์เสียใส่ใช่ไหม?”
หลัวหุ้ยเหม่ยตั้งใจที่จะพูดให้ชัดเจนโดยตรง เพื่อไม่ให้ตัวเองพูดคลุมเครือ ลับหลังคนอื่นจะมีความหมายแฝงอะไรอีก สำหรับภรรยาผู้ล่วงลับของ หลินสวี่เจิ้งและตัวเขาเอง ล้วนเป็นการดูหมิ่นไม่เคารพ แล้วยังจะทำลายชื่อเสียงของลูกสาวของเธอด้วย