บทที่1102 ไม่กลับบ้าน แล้วจะไปไหน
แต่จนถึงที่สุด หานชิงก็ไม่ได้บอกเสี่ยวเหยียนว่าจ่ายไปทั้งหมดเท่าไหร่ เมื่อต้องเผชิญหน้าสายตาที่สงสัยของเธอ เขาก็พยายามหลีกเลี่ยง ก้มหน้าแล้วก็หยิบยามาจากมือของเธอ
เสี่ยวเหยียนไม่เข้าใจว่าเขาอยากจะทำอะไร ก็ปล่อยให้เขาหยิบถุงยาไป
หลังจากนั้นก็มองดูหานชิงเอายาใส่กระเป๋าของเขาไป
“……”
เสี่ยวเหยียนเห็นภาพเหตุการณ์นั้นก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบตาอย่างสงสัย นี่มันเป็นเพราะว่าเธอเอาแต่คอยถามเรื่องราคา ก็เลยโกรธงั้นเหรอ?
ก็เลยไม่อยากเอายาให้เธอเหรอ?
ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในหัวของเสี่ยวเหยียน เธอรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย แต่ว่าเธอก็คิดได้อย่างรวดเร็ว ไม่อยากเอายาให้เธอก็ไม่เป็นไร อย่างมากเธอก็แค่ไปซื้อยาที่ร้านยาก็ได้
ตอนที่เธอกำลังคิดอะไรวุ่นวายยุ่งเหยิงอยู่นั้น จู่ๆหานชิงก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ แล้วก็เอื้อมมือเจ้ามาหาเธอ
เสี่ยวเหยียนเอนตัวไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ พร้อมกับมองหน้าหานชิง
“ทำ ทำอะไร?”
มือของหานชิงค้างอยู่กลางอากาศ แล้วก็ถามอย่างทำอะไรไม่ถูก “อยากอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ ไม่กลับบ้านงั้นเหรอ?”
“กลับบ้าน?”
ตอนนี้เองเสี่ยวเหยียนถึงได้มีท่าทีโต้ตอบ ที่แท้เขาจะพาเธอกลับบ้านงั้นเหรอ? เพราะฉะนั้นท่าทางของเขาเมื่อกี้นี้คือจะอุ้มเธออีกแล้วงั้นเหรอ?
นี่มันเรื่องอะไรกัน? วันนี้เขาเสพติดกับการอุ้มเธอเหมือนเจ้าหญิงหรือยังไงกัน เอาแต่จะอุ้มเธออยู่นั่นแหละ ปกติเขาไม่ให้เธอเข้าใกล้เขาไม่ใช่เหรอ?
“ไม่กลับบ้าน แล้วจะไปไหน?”
“……ก็ต้องกลับบ้านแน่นอนอยู่แล้วสิ แต่ว่าไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันกลับเองได้”
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้เขาจะไม่ได้ถามเธอ แต่ว่าเสี่ยวเหยียนเดาคำตอบได้ในใจอยู่แล้ว เพราะว่าเธอปัญญาอ่อน เมื่อกี้ถึงได้ถามคำถามที่น่าเก้อเขินแบบนั้นออกไป แล้วถ้าตอนนี้ยอมให้เขาไปส่งเธอกลับบ้านอีก เธอจะเป็นคนยังไงกัน
พอได้ยินดังนั้น หานชิงก็ไม่ได้ร้อนใจอะไร สายตาของเขาไล่มาตั้งแต่ใบหน้าของเธอ แล้วก็มาหยุดอยู่ตรงขาของเธอที่ได้รับบาดเจ็บ “จะกลับเองงั้นเหรอ? เธอเดินได้เหรอ?”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกผิดอย่างแปลกประหลาดกับสายตาที่แหลมคมของเขา เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วพูดว่า “เดิน เดินได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“เพราะฉะนั้น สิ่งที่หมอพูดเมื่อกี้นี้เธอลืมไปหมดแล้วงั้นเหรอ?”
“……”
“ที่ว่าให้เธออย่างพึ่งออกกำลังกาย และอย่าเดินเยอะ”
เสี่ยวเหยียนจ้องหน้าเขาอย่างพูดไม่ออก หรือว่าความหมายของเขาก็คือจะอุ้มเธอกลับไปอีกครั้งงั้นเหรอ?
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พอเห็นว่าเสี่ยวเหยียนไม่ได้พูดอะไร หานชิงก็อุ้มเธอขึ้นมาทันที เสี่ยวเหยียนขมวดคิ้วแน่นมาก เธอไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหน แน่นอนว่าไม่สามารถกอดคอเขาได้อีกต่อไปแล้ว ก็เลยได้แต่หดมือไว้ที่หน้าอกของตัวเอง
คนที่อึดอัดมีแค่เสี่ยวเหยียนเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะโดนอุ้ม แล้วก็โดนวางบนรถ แถมเขายังช่วยรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธออีกต่างหาก การแสดงออกทางสีหน้าของหานชิงนั้นปกติตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ แม้แต่ลมหายใจก็เสถียรอย่างมาก
แต่ว่าในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกผิดหวังมาก
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเพราะการกระทำของเขา เธอหน้าแดงเพราะการได้สัมผัสกัน หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเพราะลมหายใจที่แผดเผา ต่างๆนานา……
เพราะฉะนั้นหลังจากขึ้นรถมาแล้วเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้แม้แต่ถามด้วยซ้ำว่าเขาจะไปส่งเธอที่ไหน เธอได้แต่นอนแผ่อยู่บนที่นั่งนั้น หลับตาแกล้งตาย
เธอก็แกล้งหลับไปแบบนั้น พอถึงบ้าน เธอก็ลงจากรถ ไม่สนใจอะไรมากมาย
สำหรับเงินค่ารักษาที่เขาจ่ายให้เธอนั้น ถ้าเกิดว่าเขาไม่อยากรับจริงๆล่ะก็ เธอก็จะให้มู่จื่อแทน แล้วก็ให้มู่จื่อให้เขาแทนเธอ
หรือถ้าเกิดว่ามู่จื่อไม่ได้ เธอก็ไปหาเสี่ยวหมี่โต้ว
เสี่ยวหมี่โต้วต้องช่วยเธอแน่นอน
ระหว่างทางกลับบ้านของเธอนั้น สาวน้อยคนนี้เอาแต่หลับตาแน่น หานชิงเห็นภาพนี้ตอนที่หันหน้ามาตอนที่รถติดไฟแดง
เธอจับเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น ถึงแม้ว่าเธอจะหลับตาแต่ว่าท่าทางของเธอกลับดูเหมือนไม่หวาดกลัวต่อความตายยังไงยังงั้น และลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอ
มีรอยนิ้วมือที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าที่บวมตุ่ยของเธอ
สายตาของหานชิงลึกขึ้น เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดขึ้นมา
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนกะจะหลับตาเพื่อแกล้งหลับจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไรกัน น่าจะเพราะว่าหานชิงขับรถได้นิ่งมาก ไม่ก็เธอเหนื่อยมาก พอหลับตาแล้วเธอก็เผลอหลับไปเลยจริงๆ
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมานั้น ก็พบว่าทั้งสี่ด้านมันเงียบสงบมาก รถก็จอดนิ่งแล้ว
ถึงแล้วเหรอ?
เสี่ยวเหยียนมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่คือชั้นล่างของบ้านเธอ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่หานชิงเคยจอดตอนที่มาส่งเธอที่บ้าก่อนหน้านี้
ไม่คิดเลยว่าเธอจะหลับไปแบบนี้ เสี่ยวเหยียนรีบมองไปที่หานชิงทันที แล้วก็สบกับสายตาที่เย็นชากับเขาพอดี
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างงุนงง แล้วก็ดึงสติกลับมาได้ด้วยความรวดเร็ว
“ขอบคุณที่มาส่งฉันกลับ แล้วก็เรื่องทั้งหมดในวันนี้ด้วย”
“อืม” หานชิงพยักหน้า
ตอนนั้นเอง บรรยากาศก็ค่อนข้างน่าอึดอัดเล็กน้อย เสี่ยวเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ถ้ายังงั้นฉันไปก่อนนะ?”
“เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”
“ไม่ ไม่ได้!” เสี่ยวเหยียนปฏิเสธเขาอย่างเด็ดเดี่ยว “ที่นี่คือบ้านฉัน รอบๆก็มีแต่คนรู้จัก ถ้าเกิดว่าคุณขึ้นไปกับฉันมันจะเด่นเกินไป แล้วคนอื่นจะเข้าใจผิด ฉันขึ้นไปเองก็ได้ หมอก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าไม่ให้ฉันเดินเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าห้ามเดิม เดินให้น้อยหน่อยก็พอแล้ว”
เหมือนกับว่ากลัวเขาจะไม่ตกลงยังไงยังงั้น เสี่ยวเหยียนก็พูดจุ๊กจิ๊กๆออกมาเยอะมาก พอเธอพูดจบแล้วถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองน่าจะพูดเยอะเกินไป ก็เลยได้แต่เกาหัวตัวเองอย่างเก้อเขิน แล้วก็เปิดประตูรถพร้อมกับลงจากรถไป
“ระวังหน่อย”
หานชิงอยากจะลงจากรถมาด้วย แต่ว่าก็ถูกเสี่ยวเหยียนเรียกไว้ก่อน “ไม่ต้องไปส่งฉันหรอก คุณไปก่อนเถอะ วันนี้ขอบคุณมากจริงๆ……”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็มองไปรอบๆอย่างกับเป็นหัวขโมย พอแน่ใจแล้วว่ารอบๆไม่มีเพื่อนบ้านที่น่าสงสัย เธอก็หันกลับไปแล้วเดินกะเผลกขึ้นไปชั้นบน
พอเห็นว่าสาวน้อยวิ่งหนีเหมือนกับเห็นผี สายตาที่เย็นชาของหานชิงก็ค่อยๆมีความทะนุถนอมที่เขาเองก็ไม่ทันสังเกตเห็น จนถึงตอนที่ร่างของสาวน้อยคนนั้นวิ่งจากไปจนไม่เห็นอีกแล้ว
เขาถึงได้เก็บสายตามา แล้วก็มองไปยังพวงมาลัยของตนเอง มุมปากของเขาโค้งงอเป็นส่วนโค้งเล็กๆจนแทบจะมองไม่เห็น
ที่จริงแล้ว……ต่อให้เข้าใจผิด ก็ไม่เป็นไรหรอก
เสี่ยวเหยียนมาถึงบ้านของตัวเองพร้อมกับหอบเหนื่อย ตอนนี้คู่สามีภรรยาจางยังคงอยู่ที่ร้าน เพราะฉะนั้นบ้านที่เลยเงียบเชียบ มีแต่เธอแค่คนเดียวเท่านั้น
เสี่ยวเหยียนตื่นเต้นจนหิวน้ำ ก็เลยไปที่ห้องครัวเพื่อเอาน้ำดื่ม ดื่มทีเดียวไปครึ่งขวด
หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านดัง
พอได้ยินเสียงกริ่ง เสี่ยวเหยียนก็ตื่นตัวในทันที
เธอพึ่งจะมาถึงบ้านก็มีคนมากดกริ่งแล้วเหรอ?
หรือว่าเมื่อกี้ตอนที่เธอพึ่งขึ้นมาป้าจางที่อยู่ข้างบ้านเห็นเธองั้นเหรอ? พอคิดได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เลยวางขวดน้ำในมือแล้วก็ไปเปิดประตู
เธอซ่อนตัวไว้หลังประตู โผล่ออกไปแค่หัวเท่านั้น
พอเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าชัดเจนแล้ว ดวงตาของเสี่ยวเหยียนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“คุณ……”
“เธอลืมเอายาไป” หานชิงยื่นถุงยาที่อยู่ในมือให้เธอ เสี่ยวเหยียนยื่นมือไปรับถุงยาด้วยความมันงง อารมณ์ของเธอในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย
หานชิงเอายามาให้เสร็จแล้วก็กลับไป เสี่ยวเหยียนกลับมาที่ห้องรับแขก นอนลงบนโซฟาอย่างหมดแรง สะบัดถุงในมือไปมา
แกว่งไปแกว่งมาประมาณสิบนาที เสี่ยวเหยียนถึงได้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องโทรรายงานสถานการณ์ตอนนี้ให้หลัวหุ้ยเหม่ยรู้ พอจับที่กระเป๋าของตัวเองก็พบว่าโทรศัพท์ของเธอหายไป
เธอนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้โทรศัพท์ตกลงที่พื้นแล้วหานชิงก็เก็บใส่กระเป๋าของตัวเองไป