บทที่ 1118 สวยเกินไป
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของซูจิ่ว หัวใจเสี่ยวเหยียนก็ว้าวุ่นมากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันสายตาของหานชิงก็มองทะลุฝ่าฝูงชนมายังตัวเธอโดยตรง
ทั้งสองสบตากันกลางอากาศ
“ไปเถอะ”
ซูจิ่วดันแผ่นหลังของเธอเพื่อเป็นสัญญาณให้เธอเดินไปข้างหน้า
เสี่ยวเหยียนเท้าพันกันอยู่กับที่ ไม่กล้าเดินสาวเท้าไป เธอมองซูจิ่วด้วยความลังเล ดวงตาของซูจิ่วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ทำไมล่ะ? ประธานหานยืนรอเธออยู่ตรงนั้นแน่ะ ถ้าช้าไปกว่านี้ เขาอาจจะเข้าไปคนเดียวนะ แล้วคืนนี้เธอก็มาเสียเวลาเปล่า ไม่มีโอกาสอีกแล้วนะรู้ไหม?”
หลังจากเธอพูดแบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็เพิ่งรู้สึกตัวขึ้นได้ ในเมื่อตกลงกับหานชิงไว้แล้วว่าจะเป็นคู่ควงมาร่วมงานเลี้ยงกับเขา เธอก็ควรก้าวไปด้วยความกล้าหาญ
เธอไม่อยากจากไปอีกแล้วจึงได้แต่ก้าวไปข้างหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
เสี่ยวเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้กำลังใจตัวเอง จากนั้นก็เดินไปหาหานชิง
หานชิงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา รอบตัวมีกลิ่นอายแห่งความสุขุม เขายืนอยู่ตรงนั้นเหมือนมีรัศมีสว่างไสวอยู่ล้อมรอบ ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมองเขา
ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนชั้นสูง ในหมู่คนเหล่านั้นจะมีคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่อยากพาลูกสาวออกมาเปิดตัวและถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับคนใหญ่คนโตซึ่งแทบจะไม่ต่างอะไรกับการนัดบอด
หากตระกูลไหนมีลูกสาวก็ย่อมมองมาทางหานชิงเป็นธรรมดา
ขนาดยังไม่ได้เข้างาน หญิงสาวหลายคนก็มองมาที่หานชิง จากนั้นพ่อแม่ก็สูดหายใจ
“ไม่ต้องมองหรอก ผู้ชายคนนั้นเป็นต้นไม้เหล็ก ยังไงก็ไม่ออกดอกหรอก”
พวกพ่อแม่ที่อยู่ด้านข้างที่ได้ยินก็พูดเสริม
“ใช่ ได้ยินมาว่าเขาปฏิเสธผู้หญิงไปตั้งหลายคนและไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนมาร่วมงานเลยนอกจากเลขาของเขาคนนั้น แต่…ฉันก็ได้ยินมาว่าเลขาคนนั้นแต่งงานมาหลายปีและมีลูกไปแล้ว”
“หรือว่าเขาจะไม่ชอบผู้หญิง? ชอบผู้ชาย?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เขาไม่ได้มีผู้ชายเคียงกายเสียหน่อย เกรงว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนระเบียบจัดทั้งเรื่องงานและเรื่องชีวิตส่วนตัวน่ะสิ ฉันเคยได้ยินมาว่าเมื่อก่อนประธานหวงเคยเชิญเขาไปทานอาหารและเรียกพวกผู้หญิงสวยๆเข้ามาเพื่อใช้เรือนร่างหว่านเสน่ห์เขา แต่เขากลับไม่แม้แต่จะมอง…”
“…ดูเหมือนว่าจะไม่มีความหวังเลย”
มีใครบางคนยังไม่ยอมตายใจและดึงแขนเสื้อผู้เป็นพ่อ
“พ่อ ทำไมหนูถึงคิดว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะยังไม่เจอผู้หญิงที่ตัวเองหวั่นไหว? ถ้าเขามีรสนิยมทางเพศเป็นปกติก็ต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้เท่านั้น ที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองก็เพราะไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ ทำไมเราไม่ลองเสี่ยงดูล่ะคะ?”
“……”
เมื่อได้ยินลูกสาวพูดมาแบบนี้ ผู้เป็นพ่อที่ถูกดึงแขนเสื้อก็รู้สึกว่าเธอซื่อบื้อเกินไป อาจเป็นเพราะเขาเอาอกเอาใจลูกสาวคนนี้ ดังนั้นเธอถึงได้พูดไร้สาระแบบนี้ออกมาได้
ในขณะที่เขากำลังจะต่อว่า จู่ๆคนที่เพิ่งคุยกับเขาเมื่อกี้นี้ก็หันมาคุยกับลูกสาวของตัวเอง
“ที่เธอพูดก็พอมีเหตุผล มีผู้ชายที่ไหนไม่ชอบผู้หญิงบ้าง? นอกเสียจากว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไม่พอ! ฉันว่าคุณกับเธอลองดูหน่อยดีกว่าไหม? ไปเป็นคู่กันพอดีเลย?”
หญิงสาวทั้งสองสบตากัน นัยน์ตาเผยให้เห็นสายตาเขม่นกันของแต่ละฝ่าย แต่ไม่นานพวกเธอก็แสร้งทำเป็นเป็นมิตร
“งั้นก็ไปด้วยกันเนี่ยแหละ”
“ได้”
สายตาของหานชิงยังคงมองวนรอบตัวเสี่ยวเหยียน ในตอนแรกเขามีสีหน้าเรียบเฉย แต่นานๆเข้าคิ้วก็เริ่มขมวดเข้าหากัน เนื่องจากตอนที่เสี่ยวเหยียนกำลังเดินตรงมาหา จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งรั้งตัวไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มมุมปากราวกับพูดอะไรบางอย่างกับเสี่ยวเหยียน
ภาพที่ทั้งสองยืนด้วยกันทำให้หานชิงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เขาเม้มริมฝีปากแน่น บนตัวมีรังสีแห่งความเยือกเย็นและในขณะที่กำลังจะสาวเท้าเดินไปข้างหน้า ก็มีผู้หญิงสองคนขวางทางไว้
“ประธานหาน”
“สวัสดีค่ะประธานหาน ฉันคือซูเหยาเหยาแห่งบริษัทตระกูลซู ฉันเห็นคุณยืนอยู่ตรงนี้จากที่ไกลๆ ไม่ทราบว่าคุณกำลังรอใครอยู่หรือเปล่าคะ?”
เมื่ออีกคนเห็นว่าซูเหยาเหยาพูดแล้วจึงไม่พอใจที่ตัวเองตามหลัง เธอจึงก้าวมาอยู่ข้างๆหานชิงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ประธานหานน่าจะกำลังรอคนอยู่สินะคะ? ต้องการให้ฉันช่วยไหม?”
เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนที่รั้งตัวเขาไว้ หานชิงก็ขมวดคิ้วและจ้องคนทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์
“มีธุระอะไร?”
ทั้งสองถึงกับผงะ ไม่คิดว่าเขาจะเย็นชาได้ถึงขนาดนี้ ดังนั้นพวกเธอจึงพูดไม่ออกไปสักพัก
“ถ้าไม่มีอะไรก็หลีกทาง” แม้ว่าโดยปกติแล้วหานชิงจะปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความสุภาพ แต่สถานการณ์นี้กลับต่างกันออกไป เขาไม่มีความอดทนที่จะจัดการกับผู้หญิงที่น่าเบื่อทั้งสองคนนี้
ซูเหยาเหยาหน้าถอดสีเล็กน้อย อาจเป็นเพราะออร่าของหานชิง เธอจึงได้แต่เดินถอยออกไปสองก้าวโดยไม่พูดอะไร
ส่วนอีกคนนั้นก็คือหยูซาน เมื่อเห็นซูเหยาเหยาอยู่ในอาการประหม่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ริอยากจะยั่วผู้ชายแต่ไม่มีความอดทนแม้แต่น้อย พอทำตัวตีสนิทแล้วโดนบอกให้หลีกทางก็ยอมถอยออกมาเสียแล้ว
หยูซานไม่ยอมรามือ เธอเดินไปข้างหน้าและจับไหล่หานชิง “อัยหยา ประธานหาน ฉันเห็นว่าคุณมาคนเดียว วันนี้ฉันเองก็มาคนเดียว ไม่ทราบว่าจะขอเชิญคุณมาเป็นคู่ควงของฉันในค่ำคืนนี้ได้ไหมคะ?”
เมื่อซูเหยาเหยาเห็นสถานการณ์นี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก ในใจมีแต่คำว่าแย่แล้วเพราะคาดไม่ถึงว่าจะถูกเธอแย่งซีนไปก่อน แต่ไม่นานเธอก็สงบลงเมื่อเห็นสีหน้าของหานชิงดำราวกับน้ำหมึกเมื่อถูกหยูซานกอดไว้ เธอเห็นเส้นเลือดบนหน้าผากได้อย่างชัดเจน ทั้งร่างอาบไปด้วยรังสีอันตราย
“ปล่อย”
หานชิงกำลังอดทนถึงที่สุดเพื่อรักษาความเป็นสุภาพบุรุษจนถึงตอนสุดท้าย
เมื่อหยูซานเห็นว่าเขาโกรธแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลักตัวเองออกไป เธอจึงคิดว่าอันที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจเธอ ดังนั้นเธอคิดจะอยู่ใกล้ชิดเขาอีกสักพัก แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อไปร่างของเธอก็ถูกเหวี่ยงออก
“อ๊า!” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องอุทานในงาน ซูเหยาเหยาจ้องมองหยูซานที่เผยรอยยิ้มหัวเราะเยาะเธอเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วถูกเหวี่ยงตัวออกไปและล้มลงกับพื้นอย่างน่าอับอาย ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน บางคนสับสนจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีบางคนที่มองดูเหตุการณ์ด้วยแววตาสมน้ำหน้า
เห็นได้ชัดว่าซูเหยาเหยาคือหนึ่งในคนที่สมน้ำหน้า ล้มลงไปซะแล้ว โชคดีที่เธอถอยออกมา
อย่างไรก็ตามหานชิงก็ไม่ได้ไปดูว่าหยูซานคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากเขาเตือนเธอแล้วว่าให้ปล่อย ดังนั้นเธอต้องรับผิดชอบตัวเองกับผลที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นไม่ว่าจะอย่างไร
อีกด้านหนึ่ง
เสี่ยวเหยียนไม่คิดว่าตัวเองจะถูกรั้งตัวไว้ อีกฝ่ายบอกว่าเห็นเธอมาคนเดียวก็เลยจะเชิญเธอให้มาเป็นคู่ควงเขาในค่ำคืนวันนี้ ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังคงแสดงท่าทีสุภาพเพราะมีคนรอเธออยู่
แต่หลังจากที่ผู้ชายคนนี้ถาม เสี่ยวเหยียนก็ได้แต่อ้ำอึ้งจึงยิ่งทำให้ชายหนุ่มไม่เชื่อ
“ความจริงไม่มีใครรอคุณอยู่ใช่ไหมครับ? คุณไม่ต้องกลัวผมไปหรอก ผมไม่ใช่คนเลว ก็แค่เห็นคุณสวยเกินไป เพราะฉะนั้นคุณถึงได้ดึงดูดใจผม ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยนัดใครมาเป็นคู่ควงออกงานเลี้ยงมาก่อน คุณคือคนแรก”
พอพูดจบ ชายหนุ่มก็คิดว่าตัวเองพูดได้น่าชื่นชมและดูดี อีกฝ่ายจะต้องหวั่นไหวแน่ๆ
แต่ใครจะรู้ว่าในเวลานี้จะมีเสียงเข้มดังขึ้นมา
“จริงเหรอ?”