บทที่ 1124 ดื่มมากไปแล้ว
หล่อนไม่ค่อยเข้าใจธรรมเนียมการเข้าสังคมของพวกคนชั้นสูง
เพียงแค่เห็นเขาดื่มสามแก้ว ถ้าหล่อนไม่ให้หน้าเขาเลย คงจะสร้างความลำบากให้หานชิง จึงดื่มตามเขาไปหนึ่งแก้ว
“เปล่า คุณทำได้ดีมาก” หานชิงเหลือบมองหล่อนเล็กน้อย “แต่ อย่าดื่มเยอะไปล่ะ”
เสี่ยวเหยียน: “…”
“เอ๊ะ นี่ประธานหานเป็นห่วงคุณจางวงั้นเหรอ?”
“หาโอกาสแบบนี้ยากเหลือเกิน ประธานหานของพวกเราเมื่อก่อนไม่เคยพาผู้หญิงมาออกงานเลย วันนี้กลับมาเป็นห่วงเป็นใยสาวน้อย แม้แต่ดื่มสักนิดก็ยังทำไม่ได้เลย”
ทุกคนต่างพากันพูดเย้าแหย่หานชิง พวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจ ทำไมจะดูไม่ออกว่าหานชิงในคืนนี้แตกต่างกับเมื่อก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกเขากล้าหยอกล้อหานชิงแบบนี้ที่ไหนกัน เพียงแค่กลัวจะพูดไม่จบเท่านั้น แววตาของเขาเยือกเย็นราวกับธนูที่สามารถยิงให้คุณติดอยู่กับที่ ไม่ให้คุณแม้แต่ขยับได้
แต่ค่ำคืนนี้ อาจจะเป็นเพราะมีผู้หญิงอยู่ด้วย ทุกคนจึงกล้าพูดล้อเล่น และหานชิงก็ไม่โกรธด้วย แววตาอันดำเข้มเสมือนมีรอยยิ้มซ่อนอยู่ในนั้น
“ประธานหานไม่อยากให้คุณจางวดื่ม ไม่อย่างนั้น…ประธานหานดื่มแทนหล่อนสิ?”
ว่าไงนะ? ให้หานชิงดื่มแทนหล่อน? จะเป็นไปได้ยังไง?
เสี่ยวเหยียนกำลังครุ่นคิดอยู่ แต่ใครบางคนกลับหัวเราะขึ้น จากนั้นยังยกแก้วเหล้าที่เสี่ยวเหยียนจิบแล้วขึ้นมาดื่มต่อหน้าทุกคน ตอนแรกเสี่ยวเหยียนยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หล่อนก็พูดอะไรไม่ออกทันที
หล่อนยืนเหม่ออยู่ที่เดิม มองใบหน้าอันหล่อเท่ห์ของหานชิงทางด้านข้าง ไม่พูดอะไรออกมา
ภายในใจ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าทุกคนตั้งใจยุให้เขาดื่มเหล้าแก้วนี้ คนระดับเขา หากจะปฏิเสธก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างแค่เขาสบตามอง ทุกคนก็สามารถหยุดทุกการกระทำได้ทันที
แต่เขากลับ…
ใจสั่น แววตาของเสี่ยวเหยียนก็ขยับสั่นตามไปด้วย
ถึงแม้ว่าหล่อนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆหานชิงจึงทำเช่นนี้ แต่…หล่อนไม่อยากเซ้าซี้ถามหาเหตุผล ขอเพียงแค่เขายอมรับตัวเองก็พอ
ต่อมา เมื่อผองเพื่อนมั่นใจแล้วว่าหานชิงจะห้ามไม่ให้เสี่ยวเหยียนดื่มและดื่มแทนให้ ก็เริ่มชนแก้วกับหานชิงอย่างบ้าคลั่ง และหานชิงเองก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธ ดื่มไปเยอะพอสมควร
จนกระทั่งสุดท้าย เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าหานชิงดื่มเยอะไปแล้ว จะเข้าไปห้ามเขา แต่กลับกลัวขึ้นมา
แต่เมื่อดูแววตาของหานชิงดูเหมือนว่าจะเยิ้มด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ขึ้นมาบ้างแล้ว สุดท้ายเสี่ยวเหยียนจึงยอมสู้หน้าเดินเข้าไป
“หยุดดื่มได้แล้ว ดื่มเยอะเดี๋ยวปวดท้องนะคะ”
“ปัดโธ่….”
เมื่อผู้คนที่ยืนรายล้อมอยู่ได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันโห่ขึ้นมา
“เป็นห่วงล่ะสิ~”
“งั้นพวกเราก็หยุดชนกับประธานหานได้แล้ว”
“ได้ยังไงกัน? โอกาสแบบวันนี้หายาก เมื่อก่อนพวกนายมีโอกาสแบบนี้ด้วยเหรอ?”
เสี่ยวเหยียน: “…หยุดดื่มได้แล้ว!” น้ำเสียงของหล่อนดุดันมากขึ้น มองไปที่หานชิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงกังวล หานชิงหันมาเหลือบมองหล่อน ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงพยักหน้าลง
“โอเค”
“ไม่ดื่ม”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย เสี่ยวเหยียนจึงถอนหายใจโล่งอก สบายใจได้สักที
แต่สีหน้าของคนอื่นกลับดูผิดหวัง ยังมีบางคนคิดจะชนแก้วกับเขาต่ออย่างไม่กลัวตาย ต่อมาก็ถูกหานชิงสะกดด้วยสายตาจนต้องกลับออกไป อันที่จริงงานเลี้ยงเพิ่งจะดำเนินมาได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง
แต่เป็นเพราะหานชิงดื่มเยอะเกินไป เสี่ยวเหยียนจึงขอให้เขากลับก่อน
ตอนที่หล่อนอยากจะเดินเข้าไปประคองหานชิง หานชิงกลับพูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “ผมไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรจริงเหรอ? คุณเดินเองได้?”
“อื้ม”
ต่อมา หานชิงเดินอย่างมั่นคงได้จริงๆ เพียงแต่มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งบนตัวของเขามากเกินไป อีกทั้งสายตาของเขาก็ไม่ได้นิ่งเหมือนแต่ก่อน เสี่ยวเหยียนเดินตามหลังเขา เห็นเขาเดินเข้าไปไม่ทันระวังจนหัวโขก
ปั้ง! เสียงดังขึ้น
เสี่ยวเหยียนจึงจะตั้งสติขึ้นมาได้ เขาคงดื่มมากไปจริงๆ!
ไม่เมา! แต่แค่ดื่มมากไป! ยังไม่มีสติ!
แม้ว่าเขาจะควบคุมการเดินของตัวเองให้ตรงและมั่นคงได้ แต่ยังคงเดินชนประตู ถ้าในสถานการณ์ปกติ หานชิงไม่มีทางทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้แน่นอน
เสี่ยวเหยียนรีบเดินตามไปด้านหน้าด้วยรองเท้าส้นสูง แต่เป็นเพราะรองเท้าไม่สะดวกเท่าไหร่ หล่อนจึงถอดรองเท้าออกและเดินเท้าเปล่า
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
หานชิงยืนพิงอยู่ข้างรถ คงเป็นเพราะเจ็บจากการชนเมื่อสักครู่ จึงพิงที่รถพักผ่อนก่อน
เมื่อเสี่ยวเหยียนเดินไปถามเขา เขายังเงยหน้าขึ้นมาสบตามองหล่อน ด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ไม่เป็นไร แค่เจ็บหัวนิดหน่อย”
“…เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไร? ให้ฉันช่วยดูไหม?”
หานชิงเม้มริมฝีปากอันเรียวบาง เปิดประตูรถออก: “ขึ้นรถก่อน”
เขาไม่ยอมให้หล่อนดู เสี่ยวเหยียนจึงจำต้องขึ้นรถ หล่อนเดินตามเขาเข้าไปในรถ เพิ่งวางรองเท้าเสร็จ หานชิงก็เข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว
หลังจากขึ้นรถแล้ว หานชิงก็นั่งพิงเบาะรถและหลับตาลง ใบหน้าหล่อเท่ห์แต่กลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีความเย็นชาแผ่ออกมาจากตัวของเขา และกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งไปทั้งตัว
เสี่ยวเหยียนอดทนไว้ แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“เมื่อกี๊คุณถูกชนที่ตรงไหน? ฉันช่วยดูให้นะ?”
หานชิงยังคงทำท่าทางเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีขยับเคลื่อนไหว นั่งด้วยท่าทีที่เย็นชา
“……”
ให้ตายเถอะ อย่างน้อยก็ตอบสักคำ ต่อให้จะตอบว่าไม่ต้องก็พูดออกมาบ้างเถอะ ไม่พูดอะไรเลยทำให้ฉันรู้สึกแย่แค่ไหน
แต่เมื่อคิดถึงตอนงานเลี้ยงที่เขาดื่มเหล้าที่ตัวเองดื่มแล้ว เสี่ยวเหยียนจึงรู้สึกว่า ช่างเถอะ เขาถึงขั้นยอมจูบกับตัวเองแล้ว หล่อนยังจะคิดมากเรื่องนี้อีกทำไม? ปล่อยให้เขาหยิ่งต่อไป อย่างมากหล่อนก็เข้าไปดูเองก็จบ
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาบนที่นั่ง จากนั้นค่อยๆยืดตัวขึ้นหันไปทางหานชิง
ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ ยิ่งได้กลิ่นเหล้าบนตัวเขามากเท่านั้น และมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ที่หล่อนเห็นคือดื่มทีละแก้ว ดูเหมือนว่าดื่มไม่เยอะ แต่เดี๋ยวคนนั้นมาชนหนึ่งแก้ว คนนี้มาชนหนึ่งแก้ว
ผ่านไปครึ่งทาง เขาต้องดื่มไปมากเท่าไหร่แล้ว
มิน่าล่ะ เขาถึงเดินชนประตูได้ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเคลื่อนไหว ตอนนี้คงมึนหัวแล้วสิ?
หลังจากเข้าไปใกล้ เสี่ยวเหยียนจึงเห็นรอยแดงบนหน้าผากของหานชิง และยังบวมอีกด้วย เขาหลับตาลง หายใจแรง เสี่ยวเหยียนไม่ได้เรียกให้เขาตื่น แต่กลับยื่นมือออกไปจับรอยแผลบนหน้าผากของเขา
ตอนที่นิ้วมือของหล่อนนวดแผลบนหน้าผากของเขาเบาๆ หานชิงที่ปิดตานอนหลับไม่ขยับมาโดยตลอดกลับลืมตาขึ้นมาทันที บังเอิญสบตามองกับเสี่ยวเหยียนที่เข้ามาใกล้พอดี
เสี่ยวเหยียนตกใจมาก ทำให้ควบคุมแรงที่มือได้ไม่ดี จึงกดไปบนหน้าผากของหานชิงอย่างเต็มแรง
ไม่รอให้สีหน้าของหานชิงเปลี่ยนไป เสี่ยวเหยียนก็ตกใจจนยกมือออกจากตัวของหานชิงทันที พลางพูดอธิบายด้วยความตื่นตกใจ “เอ่อคือ…ฉันแค่อยากดูแผลให้คุณเท่านั้น คุณชนโดนที่หน้าผาก ถ้าไม่ช่วยคุณนวด อาจจะทำให้…”
ยิ่งพูด เสี่ยวเหยียนยิ่งรู้สึกว่าสายตาของหานชิงเป็นประกายมากขึ้น ราวกับแสงสว่างที่ข้ามผ่านน้ำผ่านภูเขามากมาย เสี่ยวเหยียนถูกจ้องมองด้วยแววตาเช่นนี้จนทำให้เสียวสันหลังวาบ จากนั้นรีบเก็บมือกลับไป
“งั้นก็ได้ ในเมื่อคุณไม่ยอม งั้นก็….อ๊าก!”