บทที่ 1125 ทำไมเธอถึงโง่ได้ขนาดนี้
ยังพูดไม่ทันจบ มือของหล่อนก็ถูกหานชิงจับไว้แน่น จากนั้นใช้แรงบีบ เสี่ยวเหยียนจึงล้มลงไปในอ้อมอกของเขาอย่างตั้งตัวไม่ได้ทันที
เดิมทีที่ไม่ได้อยู่ห่างกันมาก กลับถูกดึงให้ใกล้กันมากกว่าเดิมในชั่วพริบตาเดียว
ทั้งสองแทบจะหายใจรดกัน จนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน
เสี่ยวเหยียนเหม่อมองหานชิงที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
หน้าตาของเขาดูดีดั่งเทพบุตร แต่ก็ไม่ได้สะดุดตาขนาดนั้น เรียกได้ว่าเป็นหน้าตาที่ดูดีแบบสุขุมนุ่มลึก แม้ว่าลมหายใจในตอนนี้ของเขาจะแรงกว่าปกติ แต่ก็ยังถูกเขายับยั้งไว้ได้
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมีกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งบนตัวของเขา และการชนอย่างเต็มแรงเมื่อครู่ เสี่ยวเหยียนไม่มีทางกล้ามั่นใจว่าเขาดื่มไปเยอะแน่นอน
เพราะแววตาของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
“ทำอะไร…” เสี่ยวเหยียนถามอย่างกล้าๆกลัวๆ และก็หยุดพูดไปทันที
เพราะจู่ๆหานชิงก็เข้ามาใกล้มากขึ้น ลมหายใจอันเร่าร้อนรดลงบนใบหน้าของหล่อน ทั้งสองเผชิญหน้ากัน สบสายตากัน แลกลมหายใจซึ่งกันและกัน
กลิ่นเฉพาะของผู้ชายอบอวลรายล้อมไปทั่วทั้งตัวของหล่อน เสี่ยวเหยียนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม แววตาของหล่อนตื่นกลัวจนเบิกกว้างขึ้น แม้แต่กระพริบยังไม่กล้ากระพริบ ลมหายใจก็ค่อยๆหยุดลงเช่นกัน
เพราะตอนนี้หานชิงเข้าใกล้หล่อนมากขึ้น ใกล้จน ถ้าหล่อนขยับไปข้างหน้าเพียงนิดเดียว ก็จะจูบกับเขาทันที
แต่หานชิงยังคงขยับตัวขึ้นมาด้านหน้า ลมหายใจค่อยๆเข้าใกล้ขึ้นมามากขึ้น เสี่ยวเหยียนกลัวจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ขนตาสั่นเล็กน้อย มือจิกเข้าไปในฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว
นี่ถือเป็นครั้งแรก…
เป็นครั้งแรกที่หานชิงเป็นฝ่ายเข้าใกล้หล่อนเอง ใบหน้าเทพบุตรของเขาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จนตาแทบจะมองไม่ชัด
ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยง เขาดื่มแทนหล่อนด้วยแก้วใบนั้น
ตอนนั้นหล่อนอยากพูดเตือนเขาว่าคุณรู้บ้างรึเปล่าว่าการทำแบบนี้ถือเป็นการจูบทางอ้อม?
แต่เมื่อครุ่นคิดไปมา หานชิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? เพราะแก้วนั้นเป็นแก้วที่หล่อนเคยดื่มมาก่อน ถ้าเขารังเกียจหล่อน คงไม่มีทางดื่มต่อ และสามารถขอแก้วใหม่ได้
เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของเขากำลังจะชนกับปากของหล่อน
เสี่ยวเหยียนค่อยๆหลับตาลง มือจับคอเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างควบคุมไม่ได้
หรือว่า…เขาก็หวั่นไหวกับตัวเองแล้ว
เพียงแต่เมื่อก่อนเขายับยั้งใจตัวเองไว้ได้ดี จึงไม่ไม่มีใครรู้
ตอนนี้…ถูกหล่อนจับได้แล้ว
เสี่ยวเหยียนรู้สึกถึงความหวานภายในใจ ใจของหล่อนสั่นแรงมาก
แต่รอจนผ่านไปนานสักพัก จูบที่วาดฝันไว้กลับไม่ปรากฏเป็นจริง ขนตาของเสี่ยวเหยียนสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะลืมตาขึ้นมาหรือไม่
หรือว่า เขากำลังเคลิ้ม? หรือว่า เขายังไม่พร้อม?
งั้นรออีกสักพักดีกว่า
เสี่ยวเหยียนรอต่ออีกสักครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้สัมผัสกับรอยจูบที่วาดฝันไว้
หล่อนคิดสงสัยภายในใจ จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ใครจะไปคาดคิด เมื่อลืมตาขึ้นมาก็สบตากับสายตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง จากนั้น เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันตั้งสติก็ถูกผลักออกมาเสียก่อน!
ตอนแรกหล่อนไม่ทันระวังตกลงไปในอ้อมอกของหานชิง แต่หลังจากที่ถูกผลักออกมา หลังของหล่อนก็พิงกับพนักที่นั่งอีกครั้ง หล่อนตกตะลึงจนตั้งสติไม่ได้
หล่อนนั่งเหม่ออยู่นานสักพัก จากนั้นจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตอนที่หานชิงผลักหล่อนออกมา ใบหน้ายังแฝงไปด้วยความรำคาญ ราวกับรู้สึกโมโหมาก ท่าทางเหมือนทนไม่ไหว ถือเป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเหยียนเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา
แล้วทำไมเขาถึงแสดงอารมณ์เช่นนี้?
เป็นเพราะจู่ๆเขาก็ดึงหล่อนเข้าไปในอ้อมอกเองใช่ไหม?
เป็นเพราะเขาเข้ามาใกล้หล่อนเองใช่ไหม?
แล้วทำไม…จู่ๆเขาถึงทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ? เป็นเพราะ…จูบหล่อนไม่ลงงั้นเหรอ?
หรือว่า ตอนที่จะเข้าใกล้หล่อน รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมา จึงทำสีหน้ารำคาญใจแบบนั้น?
ยิ่งคิด เสี่ยวเหยียนยิ่งรู้สึกเสียใจ หล่อนนั่งอยู่บนที่นั่ง รู้สึกราวกับว่าตัวเองอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หลังจากที่หานชิงผลักหล่อนออก จัดการความคิดของตัวเองครู่หนึ่ง จึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ขอโทษนะ วันนี้ผมดื่มเยอะไปหน่อย”
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเขาหน้ามืด ควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ดึงสาวน้อยมาไว้ในอ้อมอก และเข้าใกล้หล่อน
จนสุดท้าย หานชิงเห็นขนตาของสาวน้อยสั่นคลอน เขาจึงตั้งสติกลับมาได้ และผลักหล่อนออกอย่างเต็มแรง
โชคดีที่เขามีสติมากพอสมควร ไม่เช่นนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆบนตัวของสาวน้อยคงจะทำให้เขาคลั่งไคล้มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หล่อนหลับตาลง และ ริมฝีปากสีแดงยั่วยวนใจ
เสียงพูดขอโทษของเขาดังมาจากด้านข้าง เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่รู้สึกขมขื่นอยู่ภายในใจ หล่อนหลับตาลงจากนั้นสูดหายใจเข้าลึก ไม่ตอบอะไรเขา
หล่อนมองออกไปดูแสงไฟระยิบระยับนอกหน้าต่าง แสงไฟเหล่านี้ส่องสว่างราวหมู่ดาว สะท้อนให้เห็นถึงค่ำคืนที่เงียบสงัดและดำมืด แต่ทำไมถึงไม่สะท้อนให้เห็นใจของหานชิงบ้างล่ะ
หล่อนคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกดีกับหล่อนมาก จึงรีบไปที่สถานีตำรวจ และพาหล่อนไปส่งโรงพยาบาล อนุญาตให้หล่อนไปส่งราเม็งที่บริษัทได้ และยังให้เข้าไปในห้องทำงานของเขา สุดท้ายถึงขนาดพาหล่อนมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เสี่ยวเหยียนรู้สึกผิดปกติ ราวกับเป็นภาพลวงตา
ไม่…ไม่เพียงแค่หล่อนคนเดียว แม้แต่คนที่อยู่รอบข้างหล่อนยังรู้สึก ทุกคนคิดว่าหานชิงรู้สึกพิเศษกับหล่อน จึงพูดโน้มน้าวหล่อนว่าหานชิงรู้สึกพิเศษกับหล่อน
แม้แต่เสี่ยวเหยียนยังถูกภาพความฝันนี้หลอกลวง รู้สึกว่าตัวเองพิเศษกับหานชิงจริงๆ
จนถึงตอนนี้ ตอนที่เขาผลักหล่อนออกด้วยสีหน้ารำคาญใจ เสี่ยวเหยียนจึงเข้าใจขึ้นมาทันที
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความฝัน
จำนวนครั้งที่เขาปฏิเสธหล่อนนั้นมากพอที่จะทำให้หล่อนตื่นจากความฝันได้
คงมีแต่คนโง่อย่างหล่อน ที่จะตกอยู่ในกำมือของเขาได้ เหมือนหมาที่เชื่องทำตามเขาตลอด
เสี่ยวเหยียนค่อยๆพิงตัวลงบนพนัก หลับตาลง
ช่างน่าสมเพชจริงๆ จางเสี่ยวเหยียน…
ไม่มีใครน่าสมเพชไปกว่าตัวเองอีกแล้ว ทำไมเธอถึง…โง่ได้ขนาดนี้?
คำปฏิเสธของเขา เธอฟังไม่เข้าใจ เขากระดิกนิ้วหน่อย เธอก็ส่ายตูดวิ่งแจ้นไปหาเขาแล้ว และยังคิดว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
บรรยากาศและอุณหภูมิภายในรถเย็นจนถึงจุดเยือกแข็ง ทั้งสองไม่มีใครกล้าพูดอะไร ตอนนี้หานชิงยังหงุดหงิดอยู่ และไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองทำให้สาวน้อยต้องตกใจกลัว และไม่รู้ว่าหล่อนรู้สึกยังไง
แต่วันนี้เขาดื่มเยอะไปจริงๆ ขาดสติมาก อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องวันนี้ก่อนดีกว่า
รอพรุ่งนี้…
หลังจากที่หล่อนไปถึงบริษัท ค่อยพูดเรื่องนี้แล้วกัน
หลังจากคิดได้เช่นนี้ หานชิงจึงตัดสินใจทำตามสิ่งที่คิดไว้
ลุงหนานขับรถไปถึงชั้นล่างของบ้านเสี่ยวเหยียน ตอนที่ลงจากรถ เสี่ยวเหยียนเปิดประตูเอง “ขอบคุณค่ะ ฉันไปก่อนนะ”
จากนั้นก็เดินจากไปทันที ไม่หันมามองแม้แต่น้อย
หานชิงรู้สึกแปลกผิดปกติ แต่ตอนนั้นตัวเองแค่ทำให้หล่อนตกใจ หรือไม่หล่อนก็แค่ตื่นเต้น ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น
ลุงหนานเห็นสีหน้าของเสี่ยวเหยียนแปลกๆ เรื่องในรถเมื่อสักครู่ เขาเองก็รู้ เขาเป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อน และยังทำงานติดตามหานชิงมาเป็นเวลานาน ลุงหนานจึงเข้าใจดีว่าการกระทำเหล่านั้นไม่ได้เป็นนิสัยของหานชิง
แต่สำหรับหานชิงแล้ว เขาคงรู้สึกว่าการกระทำของตัวเองนั้นเกินขอบเขตมากเกินไป จึงผลักเสี่ยวเหยียนออกอย่างกะทันหันเช่นนั้น
เพียงแค่ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณจางจะคิดอย่างไร
เมื่อคิดดูสักพัก ลุงหนานจึงพูดเตือนขึ้น
“ท่านครับ คุณจางหล่อน…”
“ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร พรุ่งนี้ฉันจะอธิบายกับหล่อน วันนี้กลับกันก่อนเถอะ”