บทที่ 1127 สายแล้วเหรอ
ท้องฟ้าส่องสว่าง แสงอาทิตย์สะท้อนผ่านกระจกเข้ามา เจิดจ้าจนทำให้หล่อนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
แต่เสี่ยวเหยียนกลับไม่กล้าหลับตาลงอีกครั้ง
หล่อนกลัว
หล่อนกลัวว่าถ้าหลับตาลง จะเห็นภาพเหมือนในฝันเมื่อสักครู่และได้ยินเสียงเยาะเย้ยเหล่านั้นดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาด้านข้างหู
นอนหลับมาทั้งคืน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนยังคงตามหลอกหลอนอยู่ ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจยังไม่มีท่าทีดีขึ้น กลับทำให้หล่อนเศร้ามากกว่าเดิม
เสี่ยวเหยียนนอนพักนิ่งๆสักพัก จึงจะสะบัดผ้าห่มออกและลุกขึ้น
หล่อนเดินไปถึงห้องน้ำ ขณะที่เดินผ่านกระจก เมื่อเห็นว่าตัวเองยังใส่ชุดราตรีสีขาวที่หานชิงให้หล่อน จึงยืนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น และเหม่อมองดูตัวเองในกระจกอยู่นานมาก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หล่อนถอดชุดราตรีสีขาวออก
ก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนได้ชุดราตรีชุดนี้มา รู้สึกว่าสวยมาก แต่เมื่อลองมองดูอีกครั้ง กลับรู้สึกว่าน่าสมเพชเหลือเกิน
เสี่ยวเหยียนอาบน้ำอย่างเงียบๆ จากนั้นเปลี่ยนชุด และเดินไปตรวจดูเงินเก็บของตัวเอง
เพราะการเปิดร้านทำให้ต้องใช้เงินเก็บของตัวเองไปมากพอสมควร ดังนั้นตอนนี้เงินเก็บที่มีอยู่จึงมีเหลือแค่ไม่กี่หมื่นหยวน
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเงินจำนวนเยอะมาก แต่สำหรับเสี่ยวเหยียนในตอนนี้ เงินก้อนนี้ถือว่าไม่น้อย แต่สำหรับหานชิงคงเป็นแค่เศษเงินเท่านั้น
ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆคืนทีละเล็กทีละน้อย
อย่างมาก
อย่างมากต่อไปหล่อนก็ต้องทำงานหาเงินอย่างขยันขันแข็งแล้วนำเงินคืนเขาก็จบ
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวเหยียนจึงออกมาจากห้อง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“เหยียนเหยียน ตื่นแล้วเหรอ? รีบมากินอาหารเช้าสิ”
เพิ่งออกมาจากห้อง พ่อแม่ตระกูลโจวก็พ้องใจกันเรียกหล่อนไปกินอาหารเช้า
เสี่ยวเหยียนอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้สึกหิว ไม่ค่อยอยากกินอะไร แต่ก็กลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง จึงเดินไปนั่งด้วย
“พ่อ แม่ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ เหยียนเหยียน แม่ซื้อขนมเปี๊ยะทอดที่ลูกชอบกินมาด้วย ลูกลองชิมดู”
“ใช่แล้วๆ ยังมีน้ำเต้าหู้ด้วยนะ”
พ่อจางกับหลัวหุ้ยเหม่ยทำตัวดีกับเสี่ยวเหยียนมากผิดปกติ สีหน้าของทั้งสองยิ้มแย้ม ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแม้แต่น้อย
เสี่ยวเหยียนไม่ได้เป็นคนความจำเสื่อม แน่นอนว่าหล่อนยังจดจำเรื่องเมื่อคืนที่หล่อนกอดหลัวหุ้ยเหม่ยและร้องไห้จนจะเป็นจะตายได้ แต่เมื่อตอนนี้ลองย้อนคิดดู รู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป
ทำเรื่องแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ทำให้หลัวหุ้ยเหม่ยต้องมาเป็นห่วงหล่อนเปล่าๆเลยล่ะสิ
แต่ตอนนั้นควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จริงๆ จิตใจแตกสลาย ทำอะไรไม่ถูก
“เหยียนเหยียน เหม่ออะไรอยู่ลูก รีบกินสิ”
“โอเคค่ะ”
เสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมา จากนั้นกัดเปี๊ยะปิ้งไปหนึ่งคำ เปี๊ยะปิ้งที่หอมและกรอบในทุกๆวัน แต่มาวันนี้กลับไม่มีกลิ่นหอม และไม่มีรสชาติเลยสักนิด
หล่อนกินไปหนึ่งคำและวางลง จากนั้นดื่มน้ำเต้าหู้
เมื่อน้ำเต้าหู้ถูกกลืนลงไปในท้อง กระเพาะก็เริ่มแปรปรวน
เสี่ยวเหยียนวางแก้วลงและรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ ค้ำอ่างล้างหน้าไว้และอาเจียนออกมา
“เหยียนเหยียน!”
“เหยียนเหยียน!”
พ่อจางกับหลัวหุ้ยเหม่ยเห็นเช่นนั้น รีบวางตะเกียบลง และวิ่งตามไปที่ห้องน้ำทันที
“แอะ….”
เสี่ยวเหยียนก้มหน้าอาเจียนลงบนอ่างล้างหน้า หลัวหุ้ยเหม่ยจึงเดินเข้าไปลูบหลังให้หล่อน: “นี่ลูกเป็นอะไรกันแน่ หิวมากเกินไปรึเปล่า?”
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ…” หลังจากที่เสี่ยวเหยียนอาเจียนเป็นกรดออกมา สีหน้าก็ซีดเซียวขึ้นมาก และเป็นเพราะทรมานมากจึงทำให้มีเหงื่อไหลออกมาตรงหน้าผาก สภาพหล่อนในตอนนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน
“เป็นถึงขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไร? แม่ต้มโจ๊กให้ลูกกินสักหน่อยไหม กินสักนิดแล้วค่อยไปตรวจดูที่โรงพยาบาลนะ”
เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าในท้องว่างเปล่าเกินไป เพราะเมื่อวานหล่อนไม่ได้กินอะไรเลย ต่อมากินแค่เค้ก ล้วนแล้วแต่เป็นของมันและเลี่ยน จากนั้นก็นอนทั้งคืน ตื่นขึ้นมาก็กินของพวกนี้
ดังนั้นท้องของหล่อนจึงปรับตัวไม่ได้ แปรปรวนขึ้นมาทันที
“แม่ หนูไม่เป็นไร แค่หิวเกินไป เดี๋ยวกันอะไรนิดหน่อยก็หายแล้วค่ะ”
หลัวหุ้ยเหม่ช่วยประคองเสี่ยวเหยียนออกมาจากห้องน้ำ พ่อจางที่ยืนดูอยู่ข้างๆทั้งโมโหทั้งเป็นห่วง เขารู้ดีว่าผู้หญิงต้องมีความรัก แต่เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองต้องอยู่ในสภาพแบบนี้เพราะเรื่องความรัก ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
“งั้นลูกพักผ่อนสักหน่อยนะ แม่จะไปต้มโจ๊กให้ หรือวันนี้ไม่ต้องไปเปิดร้านแล้วก็ได้”
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนคิดจะตอบตกลง แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองติดหนี้ไว้ ทุกวันต้องหาเงินให้ได้ จะไม่เปิดร้านได้อย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หล่อนรีบส่ายหน้าปฏิเสธคำแนะนำของหลัวหุ้ยเหม่ยทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ เปิดร้านตามปกติ แต่วันนี้เปิดช้าหน่อยก็ได้ เพราะยังไงปกติตอนเช้าก็ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว”
“เด็กดื้อ ทำไมแม่บอกแล้วไม่รู้จักฟัง? งั้นเปิดก็ได้ ตอนเช้าลูกอยู่บ้านพักผ่อนก่อน สายหน่อยค่อยให้พ่อพาไปโรงพยาบาลตรวจดู แม่ไปเปิดร้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูไม่เป็นอะไร เพียงแค่หิว…หนู…”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกพะอืดพะอมในท้องขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นวิ่งไปที่ห้องน้ำ
เมื่อพ่อและแม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ต่างพากันหันมองหน้าของกันและกัน
“เดี๋ยวคุณพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลดูดีกว่า”
“ลูกไม่ยอมไม่ใช่เหรอ? ทำอะไรให้หล่อนกิน ยังดีกว่าบังคับให้หล่อนไปโรงพยาบาลอีกนะ คุณดูลูกอาเจียนสิ…นี่เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรในท้องเลยนะ”
คำพูดนี้เตือนใจหลัวหุ้ยเหม่ยขึ้นมา จากนั้นพยักรีบพยักหน้าลง “ใช่แล้ว ฉันต้องรีบไปต้มโจ๊กให้ลูก”
ทนทรมานมาทั้งเช้า สุดท้ายเสี่ยวเหยียนจึงได้กินข้าวต้มหนึ่งถ้วย ทำให้ท้องอุ่นขึ้นมาทันที หล่อนนอนลูบท้องของตัวเอง สีหน้ายังคงความเจ็บปวดอยู่
“แม่ไปเปิดร้านแล้ว ตอนแม่ออกไปบอกพ่อว่าถ้ายังรู้สึกไม่สบาย ให้พาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาล เหยียนเหยียน ตอนนี้ลูกรู้สึกยังไงบ้าง ถ้ายังรู้สึกไม่สบายต้องบอกพ่อนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนยิ้มให้พ่อด้วยความขมขื่นยิ่งกว่าร้องไห้
“พ่อ หนูไม่เป็นไร คงเป็นเพราะเมื่อวานกินของไม่ดีเข้าไป ก็เลยทำให้วันนี้รู้สึกไม่สบายท้อง ตอนนี้หนูกินโจ๊กแล้ว นอนอีกสักพักก็คงหายแล้วค่ะ”
“เหยียนเหยียน” พ่อจางยังไม่ออกไป แต่กลับนั่งลงด้านข้างหล่อน: “ถ้าไม่สบายตรงไหน ต้องพูดออกมานะ เก็บไว้ในใจคนเดียว ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี”
พ่อกำลังเป็นห่วงหล่อน เพราะเห็นสภาพของหล่อนเมื่อคืน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เสี่ยวเหยียนจึงฝืนยิ้มต่อ: “สบายใจได้ค่ะ หนูไม่เป็นอะไร แม้ว่าจะเป็นเรื่องในอดีต แต่ต่อไปก็จะไม่มีอะไรอีกแล้วค่ะ”
ตอนที่พูดประโยคนี้ขึ้นมา สีหน้าของหล่อนยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เมื่อพ่อจางเห็นเช่นนั้น จึงรู้ว่าลูกสาวของตัวเองมีแผลในใจ ในฐานะที่เป็นพ่อ คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรลูกได้มากเหมือนแม่ ดังนั้นพ่อจางจึงทำได้เพียงยกมือขึ้นมาลูบหัวหล่อน พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“งั้นก็ดีแล้ว ลูกนอนต่ออีกสักหน่อย ถ้ายังรู้สึกไม่สบายต้องบอกพ่อนะ จำไว้ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อกับแม่อยู่ข้างลูกเสมอ”
เสี่ยวเหยียนหลับตาลง รู้สึกมีน้ำเอ่อล้นอยู่ในดวงตา
ไม่นานนัก พ่อจางก็เดินออกไป เมื่อเสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงปิดประตู จึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
*
บริษัทตระกูลหาน
ห้องทำงาน
หลังจากที่หานชิงจัดการงานตอนเช้าเสร็จ ตอนเที่ยงยังมีประชุมต่อ แต่เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน ดังนั้นเขาจึงให้ซูจิ่วเลื่อนประชุมทางวิดีโอเป็นวันพรุ่งนี้แทน
จากนั้นก็ตั้งใจรอให้สาวน้อยมาหา
แต่เมื่อถึงเวลาเหมือนในทุกๆวัน กลับไม่เห็นเงาของหญิงสาวผู้นั้นปรากฏขึ้น
หานชิงขมวดคิ้วขึ้น คอยมองประตูห้องทำงานตลอดเวลา
หล่อนมาสายหรือ?