บทที่114 ติดต่อนักออกแบบแล้ว
เสิ่นเฉียวยังไม่ได้พูดคำพูดที่เหลือ เย่โม่เซินก็สาดสายตาอันเย็นชาเข้าใส่เธอ: “พูดไร้สาระอะไรน่ะ? เธอคิดว่าฉันจะเอาเรื่องแบบนี้ไปบอกน้าฉันได้เหรอ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เสิ่นเฉียวจึงค่อย ๆ หลบสายตา
ใช่แล้ว เธอไม่ได้ท้องลูกของเย่โม่เซิน เรื่องนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติสำหรับผู้ชาย เขาจะสามารถพูดออกไปได้ยังไงกัน?
เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าหัวใจของเธอจมลงทีละน้อย
“แผลของฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เสิ่นเฉียวพูดเบา ๆ
เย่โม่เซินก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเธอไว้ เขาพยักหน้า: “อือ”
เสิ่นเฉียวกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ด้วยแววตาหม่นหมอง
นี่เธอคิดอะไรอยู่?
จากนั้นเสิ่นเฉียวก็กำจัดความคิดนี้ไป แล้วทุ่มเทตั้งใจทำงาน ในเวลาอันรวดเร็วก็ถึงเวลาเลิกงาน
เมื่อถึงเวลา โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นหานเส่โยวที่ส่งข้อความหาเธอ
{เฉียวเฉียว รถของฉันจอดอยู่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากออฟฟิศเธอ เดี๋ยวเธอเดินตรงมาเลยก็เจอ}
{ได้}
เสิ่นเฉียวเริ่มเก็บของ จากนั้นก็สะพายกระเป๋าลงไปข้างล่าง
เธอได้พบกับเย่โม่เซินกับเซียวซู่ที่ออกมาจากห้องทำงานพอดี เสิ่นเฉียวนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดกับเย่โม่เซิน: “คือว่า…เย็นนี้ฉันไม่กลับบ้านพร้อมคุณนะคะ”
เสิ่นเฉียวรีบพูดขึ้น “ฉันจะไปหาเส่โยวค่ะ”
จะไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว? เย่โม่เซินขมวดคิ้วเล็กน้อย: “เธอเป็นเพื่อนเธอเหรอ?”
เสิ่นเฉียวรีบพยักหน้า: “ค่ะ พวกเรารู้จักกันนานแล้ว ฉันไปหาเธอจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้ไปหาคนอื่น”
เธอเป็นกังวลว่าเย่โม่เซินจะเข้าใจผิดว่าเธอไปพบผู้ชาย ดังนั้นจึงต้องออกตัวก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหลังจากกลับไป
เย่โม่เซินจ้องเธอครู่หนึ่ง อธิบายไม่ถูกว่าเธอรู้สึกว่าคำพูดสุดท้ายของเธอนั้นไพเราะติดหูจริง ๆ เธออธิบายอย่างเจาะจงเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในใจของเธอสนใจความคิดเห็นของเขา
“ได้” เย่โม่เซินเม้มปากเบา ๆ แล้วพูด: “ให้เซียวซู่ไปเป็นเพื่อนเธอก็แล้วกัน”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “ไม่ได้ เซียวซู่ต้องไปส่งคุณที่บ้าน คุณเคลื่อนไหวไม่สะดวก”
เย่โม่เซินยกมุมปาก เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาลุกโชน: “เป็นห่วงผมขนาดนั้น?”
เสิ่นเฉียวหน้าแดงเล็กน้อย: “พอแล้ว ฉันขอตัวก่อนค่ะ”
จากนั้นเธอจึงได้หลบฉากไป
เมื่อถึงชั้นล่าง คนไม่น้อยเห็นเธอแล้วต้องถอยห่าง ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเรื่องเมื่อกลางวัน ทำให้รู้สึกว่าเธอเป็นคนน่ากลัวแล้วสินะ?
เสิ่นเฉียวเร่งฝีเท้าและเดินไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อเธอไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตเธอสามารถมองเห็นรถของหานเส่โยวได้ในพริบตา เธอเดินไปเคาะหน้าต่างอย่างรวดเร็ว แต่หานเส่โยวที่อยู่ในรถนั่งเหม่อลอยดูเหมือนจะใส่ใจเธอราวกับคิดถึงเรื่องสำคัญ
เสิ่นเฉียวรู้สึกแปลกใจ เธอเคาะกระจกอีกครั้ง แล้วตะโกนขึ้น
“เส่โยว?”
หานเส่โยวก็ยังไม่สนใจเธอ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?
เสิ่นเฉียวจึงทำได้เพียงเคาะกระจกแรง ๆ แล้วตะโกนเรียกเสียงดัง หานเส่โยวจึงได้สติกลับมา เมื่อเห็นเสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ข้างรถอยู่แล้ว เธอจึงรีบลดกระจกรถ
“เฉียวเฉียวเธอมาแล้วเหรอ”
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ? นั่งเหม่ออยู่ในนี้ ฉันมาตั้งนานแล้วล่ะ” เสิ่นเฉียวหันไปยิ้มหวานให้เธอ แล้วอ้อมไปอีกด้านเพื่อเปิดประตูรถ
หานเส่โยวกลับพูดขึ้น: “พวกเราไม่ต้องขึ้นรถ พวกเขาจะขึ้นไปที่ชั้นสามบนซูเปอร์มาร์เก็ตจ้ะ ที่ร้านมีร้านขนมอยู่ร้านหนึ่ง”
ร้านขนมหวาน…
ได้ยินคำว่าหวานแล้ว หน้าเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไป
“วางใจเถอะ ไม่ได้มีแค่ของหวานหรอก อย่างอื่นก็มี”
หานเส่โยวลงจากรถแล้วจูงเธอขึ้นไปข้างบน
เสิ่นเฉียวขึ้นไปที่ร้านขนมหวานที่ชั้นสามกับเธอ หานเส่โยวสั่งอาหารเยอะแยะ เสิ่นเฉียวมองไปมองมาแล้วสั่งน้ำผลไม้คั้นสดแก้วหนึ่ง
ทั้งสองคนนั่งลง
“ขอโทษนะ วันนั้นที่เธอไปโรงพยาบาลฉันอยากจะไปเยี่ยมเธอ แต่ว่าเธอยังไม่ได้นอนสติ ฉันก็เลยไม่อยากจะไปรบกวนเธอ”
ได้ยินอย่างนั้น เสิ่นเฉียวตกตะลึง ในวันนั้นเธอฟื้นขึ้นแล้วได้เจอเพียงเย่โม่เซิน แต่กลับไม่รู้ว่าหานเส่โยวก็ไปเยี่ยมเธอ หลังจากได้ยินคำพูดของเธอก็แปลกใจเล็กน้อย
“วันนั้นเธอก็ไปเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ” หานเส่โยวพยักหน้า: “เพื่อนสนิทของฉันเข้าโรงพยาบาล ฉันก็ต้องไปเยี่ยมสิ”
เสิ่นเฉียวหัวเราะ: “ฉันรู้ ว่ามีแค่เธอที่ดีกับฉันที่สุดแล้ว”
หานเส่โยว:“อันที่จริงแล้วฉันเรียกเธอออกมาเพราะมีเรื่องสำคัญมากจะบอกกับเธอนะ”
เมื่อพูดจบ หานเส่โยวก็หันไปมองรอบ ๆ จากนั้นโน้มตัวไปข้างหน้าเธอและลดเสียงลง: “พวกเราติดต่อนักออกแบบคนนั้นได้แล้วนะ”
ในขณะที่บริกรนำน้ำผลไม้มาเสิร์ฟที่โต๊ะ เสิ่นเฉียวที่สีหน้านิ่งเฉยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็ตกตะลึง เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชนกับบริกร
เพล้ง!
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ!”
แก้วตกลงพื้นแตกกระจาย น้ำแตงโมหกใส่เสิ่นเฉียวเต็มตัว
บริกรคิดว่านั่นคือความผิดของตน จึงได้ขอโทษด้วยความตกใจ:“ขอโทษค่ะ ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
หานเส่โยวสีหน้าเปลี่ยนและลุกขึ้น:“เธอเป็นอะไรไป? ทำอะไรถึงได้เป็นแบบนี้”
เสิ่นเฉียวดึงหานเส่โยว แล้วพูดเสียงเบากับบริกร:“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นเพราะฉันลุกขึ้นเร็วเกินไป ไม่เกี่ยวกับคุณ แต่ว่าคุณช่วยหยิบกระดาษทิชชูมาให้ทีได้ไหมคะ?”
บริกรอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้า รีบไปหยิบกระดาษทิชชูมาให้เสิ่นเฉียวด้วยความไวแสง เมื่อกลับมาพร้อมกับผู้จัดการร้านและทำการขอโทษขอโพยเธอ
“ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยจริง ๆ บริกรคนเมื่อครู่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ทำให้เสื้อผ้าของคุณเป็นเช่นนี้ไปแล้ว ถ้าอย่างนั้น เราขอชดเชยด้วยการให้ลูกค้าทั้งสองท่านให้รับประทานอาหารฟรีในอาหารมื้อนี้ ถือเป็นการชดเชยคุณลูกค้าทั้งสองท่าน”
กระโปรงที่เสิ่นเฉียวใส่อยู่นั้นเป็นตัวที่เย่โม่เซินซื้อให้ ผู้จัดการร้านมีสายตาแหลมคม ดูก็รู้ว่ากระโปรงนั้นมีราคาแพง
บวกกับหานเส่โยวที่สวมใส่แต่ของแบรนด์เนม ผู้จัดการร้านไม่กล้าจะว่าอะไรกับคนแบบนี้ ทำได้เพียงรีบเข้าไปขอโทษ
หานเส่โยวกะพริบตาปริบ ๆ:“แค่คิดจะชดใช้ด้วยอาหารพวกนี้ คิดว่ากระโปรงของเพื่อนฉันมีค่าแค่นั้นเองเหรอ?”
สีหน้าของผู้จัดการร้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “อย่างนั้นคุณผู้หญิงคิดว่าเราควรจะจัดการยังไงดีคะ?”
“ขอโทษค่ะ” บริกรคนนั้นรีบเข้ามาขอโทษเสิ่นเฉียว: “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ขอให้พวกคุณให้อภัยพวกเราเถอะค่ะ”
เสิ่นเฉียวที่รับกระดาษทิชชูมาเพื่อเสร็จคราบน้ำแตงโมปั่น เมื่อได้ฟังดังนั้นเธอจึงพูดขึ้น: “ฉันพูดแล้วไม่ใช่เหรอ? มันเป็นปัญหาจากฉันเอง เส่โยว เธออย่าทำให้พวกเขาต้องลำบากเลย”
หานเส่โยวตะโกนขึ้น “ก็โมโหแทนเธอน่ะสิ จานก็ถือไม่ดีเอง แค่ขอโทษแล้วให้ขนมมาชิ้นหนึ่งมันจะได้อะไรล่ะ? ไอ้ขนมนี่มีค่าเท่าไหร่กันเชียว? เชอะ”
“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณกลับไปทำงานเถอะค่ะ” เสิ่นเฉียวหันกลับไปพูดกับพวกเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวมองไปที่เสิ่นเฉียวอย่างลึกซึ้งดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขอบคุณ
หลังจากที่พวกเธอไปแล้ว หานเส่โยวอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “เธอเป็นอะไรไป? กระโปรงเปื้อนขนาดนี้แล้ว เธอจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?”
“มันเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง” เสิ่นเฉียวอธิบายเสียงเบา: “เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นไปหน่อย ทำให้ลุกไปชนเธอเข้า จะพูดไปแล้วฉันเป็นฝ่ายผิดที่ทำแก้วเขาแตก”
หานเส่โยวไม่เชื่อและไม่สนใจเธอ
แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างและยิ้มตาหยี: “ทำไมจู่ ๆ เธอก็ตื่นเต้นขึ้นมาล่ะ ใช่เพราะหาผู้ชายคนนั้นเจอแล้ว เธอก็เลยตื่นเต้นเหรอ?”
เสิ่นเฉียว: “…เธออย่าพูดเพ้อเจ้อสิ”
หายเส่โยวหรี่ตา: “อันที่จริงเธอทนเย่โม่เซินไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบไปจากเขาไม่ใช่เหรอ?”
ทนเย่โม่เซินไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบไปจากเขา?