บทที่1137 การช่วยโจมตีของเสี่ยวหมี่โต้ว
“แกชอบ?”
หลัวหุ้ยเหม่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
เสี่ยวเหยียนมีสีหน้าแปลกไป ส่ายหน้าออกไป จากนั้นก็เอ่ยพูดอธิบายออกมาอีก “หนูเพิ่งรู้จักเขาเท่าไหร่เอง จะมาพูดคำว่าชอบคำนั้นในตอนนี้ได้ยังไงกัน?”
“จะว่าไปก็ใช่ แกต้องรอดูไปก่อน ฉันคิดว่าเด็กนี่คงมีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจแน่”
“หืม?” เสี่ยวเหยียนตกใจเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าความคิดของหลัวหุ้ยเหม่ยจะตรงกับเธอ เดิมทีเธอก็คิดว่าหลี่ซือห้านมีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ แต่มีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจตรงไหนก็บอกไม่ได้เหมือนกัน พอคิดไปแล้ว คนเขาก็เป็นผู้ชายที่คุณภาพเสียขนาดนั้น จะมีปัญหาไปได้ยังไง?
จะต้องเป็นเธอที่เอาจิตใจคับแคบของตัวเองไปวัดคนที่ใจคอกว้างขวางแน่เลย
แต่ตอนนี้ได้ยินความคิดของหลัวหุ้ยเหม่ยที่เหมือนกันแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เกิดอาการอยากรู้ขึ้นมาว่าทำไมหลัวหุ้ยเหม่ยถึงคิดอย่างนี้ได้ หรือว่าเป็นเพราะว่าพวกเธอเป็นแม่ลูกกัน ก็เลยคิดเหมือนๆกัน?
“แม่ ทำไมแม่ถึงคิดว่าเขามีอะไรที่ไม่น่าไว้ใจกัน?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็ถอนหายใจแรงๆออกมาต่อหน้าเธอ “แกอย่าหาว่าแม่ใจแคบเลย แกเป็นลูกสาวของแม่ แม่จะต้องหวังดีกับแกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ซือห้านเด็กคนนั้นดูท่าทางแล้วใช้ได้เลยทีเดียว ไม่พบจุดไม่ดีเลยสักนิด ยิ่งเป็นแบบนี้แม่ก็คิดว่าเขาก็ยิ่งเพอร์เฟกต์ แต่แกคิดดูนะ คนที่เพอร์เฟกต์ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีแฟน? หรือไม่มีคนยอมคบกับเขางั้นหรอ? หรือเขาจะรอให้คนอื่นมาแนะนำคู่นัดบอดให้ แล้วแต่งงานอยู่ด้วยกันมาโดยตลอดเลยหรือไง? นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องจำพวกนี้มันน้อยมาก แม่ก็เลยเดาไปว่าเขาอาจจะมีอะไรที่ผิดปกติบางอย่างก็ได้ แต่ผิดปกติยังไงที่จะให้บอกเป็นรูปธรรม ก็ยังคงต้องให้เขาเป็นคนบอกมาเอง”
จนหลัวหุ้ยเหม่ยพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็คิดว่าเธอพูดได้ถูกต้องที่สุด คิดไปในทางเดียวกับเธอเลย
“อันที่จริงแม่คิดเหมือนหนูเลย เพียงแต่…หนูคิดว่าเขาดูมีท่าทางไม่เหมือนคนมีอะไรผิดปกติเท่าไหร่เลยนะคะ คาดว่างานคงยุ่งมากเลยล่ะมั้ง?”
ไปนินทาคนอื่นเขาในใจ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีนักอยู่แล้ว
หลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินลูกสาวพูดอย่างนั้นแล้ว ก็พยักหน้าออกมา
“งั้นคงงานยุ่งมากจริงๆล่ะมั้ง ใกล้ตัวคงไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย และก็อาจเป็นไปได้ว่าเพื่อนผู้หญิงที่อยู่รอบตัวคงแต่งงานกันไปหมดแล้ว ก็เลยจำต้องใช้วิธีการนัดบอด?”
ทั้งสองคนพูดกันเสร็จ ก็เงียบไม่พูดอะไรกันออกมาอีก ในตอนที่แยกกันออกไปแล้วนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยก็ได้ให้เสี่ยวเหยียนลองเรียนรู้กันไป ไม่โอเคก็ช่างมัน
*
ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วมาที่ร้านราเม็งอีกครั้ง พบว่าที่ร้านมีคนแปลกหน้า แล้วยังเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้วคนนึงวนเวียนอยู่รอบๆตัวเสี่ยวเหยียน พูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตรน่าคบหา
เพียงมองไปแวบตาเดียว รังสีของความอันตรายจากร่างเสี่ยวหมี่โต้วก็แผ่ออกมา
ถึงแม้ว่าอายุจะน้อย แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะได้นิสัยส่วนตัวของเย่โม่เซินมา ดังนั้นแล้วถึงแม้ว่าจะอายุน้อย รังสีความอันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างจึงเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ไม่ลดน้อยลงไปเลย
ในตอนที่หลี่ซือห้านออกมา ทันใดนั้นเองก็เห็นว่าภายในร้านมีเด็กหน้าตาน่ารักคนนึงอยู่ด้วย ก็เลยแปลกใจขึ้นมา เขานึกว่าเป็นลูกชายของลูกค้าคนไหน ก็เลยเดินเข้าไปทักทายเขา
“สวัสดีเด็กน้อย มากินราเม็งใช่มั้ยครับ?”
เขาเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นออกมา มองดูแล้วดูมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
แต่ท่าทางอย่างนี้กลับทำให้เสี่ยวหมี่โต้วยิ่งไม่ชอบใจอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะคำว่าเด็กน้อยคำนั้นของเขา
แต่เสี่ยวหมี่โต้วก็เป็นเด็กที่มีมารยาทมาโดยตลอด เขาก็เลยไม่ปล่อยให้คนอื่นได้เห็นด้านมืดของเขา รอยยิ้มอบอุ่นที่อีกฝ่ายยิ้มให้เขา เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ยิ้มกลับไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาเป็นเด็กๆตอบกลับไป
“คุณลุงสวัสดีครับ”
หลี่ซือห้านพบว่าเสียงเด็กน้อยเพราะจนน่าประหลาดใจ แล้วยังมีหน้าตาที่ดูดีมากอีกต่างหาก หน้าตาที่ดูดีนี้พอเห็นแล้วก็สามารถคาดเดาได้เลยว่าหน้าตาของพ่อแม่จะต้องไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นแล้วหลี่ซือห้านก็เลยมองไปรอบๆร้านอย่างสนอกสนใจขึ้นมา
เสี่ยวหมี่โต้วเห็นแล้ว ก็ถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เป็นเด็กน้อย “คุณลุงกำลังหาอะไรอยู่ฮะ?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลี่ซือห้านยิ้มออกมาเล็กน้อย ตอบกลับออกไป
“กำลังหาพ่อแม่ของเด็กน้อยอยู่ยังไงล่ะครับ หนูมากับพ่อหรือแม่กัน?”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาออกมา นัยน์ตาดำสนิทคู่นั้นเหมือนกับบ่อน้ำลึกไม่มีผิดเพี้ยน
“มากับแม่ฮะ”
“เด็กน้อย แล้วแม่ของหนูอยู่ไหนล่ะ?”
“คุณลุงหาแม่ของผมไปทำไมฮะ?”
หลี่ซือห้านถูกคำถามนี้ถามออกมาจนแข็งค้างไปทันที เดิมทีเขาคิดว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะชี้ไปตามคำพูดของเขา แล้วเขาก็จะได้พาเด็กน้อยไป นึกไม่ถึงว่าเขาจะย้อนถามกลับมาว่าตนหาแม่เขาไปทำไม
เขาก็เลยจำต้องพูดอธิบายออกมาเสียงอ่อน “คุณลุงจะพาหนูไปหาแม่หนูไง”
“ทำไมถึงต้องไปที่แม่ล่ะฮะ ผมนั่งตรงนี้ไม่ให้หรอ?”
หลี่ซือห้านคิดว่าเด็กคนนี้คงจะดื้อรั้นอยู่บ้าง สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้าออกไป “ได้สิ ได้อยู่แล้ว หนูอยากกินราเม็งมั้ย? ลุงเลี้ยงหนูเอามั้ย?”
“ได้หรอ?” เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหัวเล็กน้อย ใบหน้าดูไร้เดียงสาออกมา “คุณลุงบอกว่าจะเลี้ยงราเม็งผม หรือว่าร้านนี้จะเป็นร้านของคุณลุงงั้นหรอ?”
“อืม” หลี่ซือห้านเห็นว่าเขาน่ารักจริงๆ หลังจากที่พยักหน้าแล้วก็ได้เอื้อมมือไปลูบหัวเสี่ยวหมี่โต้ว แต่มือไม่มีโอกาสได้แตะโดนตัวเขาก็ได้ถูกเสี่ยวหมี่โต้วถอยหลบไป
จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็ลอบนินทาอยู่ในใจ
ถุย! ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรที่ชัดเจนกับน้าเสี่ยวเหยียนเลย ก็มายอมรับว่าร้านราเม็งเป็นของตัวเองเสียแล้ว แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่น่าเชื่อถือ ดูมีเจตนาร้ายชัดๆ!
แต่หลี่ซือห้านไม่รู้เลยว่าเสี่ยวหมี่โต้วกำลังนินทาสิ่งนี้อยู่ในใจ ยังคงพูดอยู่ตรงนั้นอีกว่า “เป็นไรไป? ลุงเลี้ยงบะหมี่หนูดีมั้ย? พาหนูขึ้นไปชั้นสอง?”
ในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วกำลังจะตอบกลับออกไป ทันใดนั้นเองก็เห็นร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่ง จึงรีบเอ่ยเสียงหวานไปกับหลี่ซือห้านทันที “หม่ามี๊ของผมมาแล้ว”
“หืม? หม่ามี๊ของหนูมาแล้ว? อยู่ไหนกัน?”
เสี่ยวหมี่โต้วชี้ออกไป หลี่ซือห้านหันตามไป จากนั้นก็เห็นเสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาทางนี้ ในตอนแรกหลี่ซือห้านยังไม่เข้าใจ จึงหันกลับไปถาม “หม่ามี๊ของหนูอยู่ไหน? ไม่เห็นเลยนี่”
“ก็อยู่ตรงนั้นไงฮะ คนที่สวมเสื้อกันหนาวสีเหลืองไง~”
วินาทีก่อนหน้าหลี่ซือห้านยังไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบออกมา แต่ในวินาทีต่อมาหลังจากที่ได้ยินแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ริมฝีปากสั่นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“หนู หนูว่าอะไรนะ? คนที่สวมเสื้อกันหนาวสีเหลืองเป็นแม่ของหนู? เด็กน้อย หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ไม่ได้พูดผิดนะฮะ” เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหัว ส่งยิ้มออกมา
หลี่ซือห้าน “…”
หลังจากนั้นเพียงใช้ตาเปล่าเสี่ยวหมี่โต้วก็จะเห็นสีเลือดบนใบหน้าชายตรงหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ซีดขาวออกมา เหมือนกับถูกสบประมาทเข้าอย่างแรงไม่มีผิด ปากก็ยังคงสั่นออกมาไม่หยุด
“คุณลุงเป็นอะไรไปฮะ?” เสี่ยวหมี่โต้วถามออกไปด้วยความสงสัย
หลี่ซือห้านโกรธจัด แต่เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ยื่นใบหน้าน่ารักเข้ามาจนเรียกเตือนสติเขาได้ในทันที เด็กคนนี้หน้าตาดูดีเสียขนาดนี้ พ่อแม่จะต้องมีหน้าตาดีกันทั้งคู่แน่ จะเป็นลูกของเสี่ยวเหยียนไปได้ยังไงกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะมาดูตัวกัน ก็ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนว่าเธอมีลูกแล้ว
คิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หลี่ซือห้านก็ค่อยๆสงบลง
“เด็กน้อย หนูบอกว่าเธอเป็นแม่ของหนู ไม่งั้นแล้วเราเรียกเธอมาถามกันหน่อยมั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้ว “…”
นึกไม่ถึงว่าจะรู้ทันเร็วขนาดนี้ เสี่ยวหมี่โต้วยังนึกว่าตัวเองไม่ต้องลงแรงเยอะก็สามารถไล่คนตรงหน้าคนนี้ออกไปได้แล้วเสียอีก เฮอะ!
จะมาแย่งน้าเสี่ยวเหยียนกับเขา ฝันไปเถอะ!
นอกจากคุณน้าแล้ว ยังมีลุงเซียวด้วยอีกคน เสี่ยวหมี่โต้วคิดว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่คู่ควรกับน้าเสี่ยวเหยียนที่แสนดีของเขาได้เลย!