บทที่1142 คุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว
เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวถึงกับชะงักไป ผ่านไปสองวินาทีถึงได้หันไปมองทางต้นเสียง
ตรงทางเข้าห้อง หานชิงที่สวมสูทสีดำทั้งตัวยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของคนร่างสูงข่มความรำคาญไว้ในดวงตา กำลังจ้องเขม็งไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว
เมื่อสบตากับแววตาเย็นชาของหานชิง เสี่ยวหมี่โต้วก็รู้สึกถึงเพลิงโกรธที่เขาส่งมา แล้วก็ถึงกับคอหดทันที
ฮือ ดูเหมือนเขาจะทำผิดต่อคุณน้าเสียแล้ว เขาอยากกลับไปเรียกกำลังเสริม
แต่ตอนนี้เขายังทำภารกิจไม่สำเร็จ ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้าเสี่ยวเหยียนจะมาถึง ถึงแม้เขาจะบอกกับพนักงานไว้แล้ว ว่าถ้าเสี่ยวเหยียนมาให้พาเธอมาที่ห้องนี้ทันที
หวังว่าน้าเสี่ยวเหยียนจะมาถึงที่นี่ก่อนที่คุณน้าจะจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ
“คุณน้า”
ก่อนหน้านี้รอคอยการปรากฏตัวของคุณน้า แต่ในที่สุดหานชิงก็ปรากฏตัวแล้ว แต่เสี่ยวหมี่โต้วกลับรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเรียกไปครั้งหนึ่งแล้วก็รีบหดคอ ในใจเริ่มคาดหวังถึงการปรากฏตัวของน้าเสี่ยวเหยียน
ขอแค่น้าเสี่ยวเหยียนมา ความสนใจทั้งหมดของคุณน้าก็จะไม่อยู่ที่ตัวเขาอีก
เดิมทีหานชิงไม่ควรมา
สาวน้อยจะไปดูตัวกับผู้ชายคนอื่น ก็เป็นทางเลือกของเธอเอง เขาไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายชีวิตกับทางเลือกของเธอ
แต่ว่า สิ่งที่คิดก็เรื่องหนึ่ง จะทำแบบนั้นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พอเขาวางโทรศัพท์ลงแล้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วร่างกายก็เลือกก่อนที่สมองจะสั่งการเสียอีก
เขามาที่นี่แล้ว
ถึงแม้เขาจะรู้ดี ว่าถ้ามาที่นี่ อาจจะเห็นเธอกับผู้ชายคนอื่นดูตัวกัน แต่เขา……ก็ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้
อยากจะมาที่นี่ ควบคุมความรู้สึกไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนที่อยู่หน้าห้องแล้ว หานชิงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้ยินเรื่องแบบนี้เข้า พอได้ฟังแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหยียนจะไม่ได้อยู่ที่นี่
พอเข้ามาเพื่อยืนยันให้แน่ใจ ก็พบว่าสาวน้อยไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ
ดูท่าว่า เขาจะถูกเสี่ยวหมี่โต้วหลอกเข้าเต็มเปา
หานชิงก้าวเท้ายาวๆไปทางเสี่ยวหมี่โต้วอย่างมั่นคง จากนั้นแววตาเย็นชาก็เลื่อนไปหยุดที่ใบหน้าของหลี่ซือห้าน
พอสายตาของทั้งสองสบเข้าด้วยกัน หลี่ซือห้านก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองได้รับแรงกดดัน แรงกดดันที่มองไม่เห็นทำให้เขาชะงักอยู่กับที่ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
เสี่ยวหมี่โต้วหน้าตาบอบบางน่ารักขนาดนี้ แต่การพูดการจากลับเหมือนเด็กที่มาจากตระกูลผู้ดี
ดังนั้นหลี่ซือห้านถึงได้ทำการเตรียมใจมาบ้าง แต่การปรากฏตัวของหานชิงก็ทำให้เขาไปต่อไม่ถูก เพราะชายที่อยู่ตรงหน้าดูเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แถมยังมีรัศมีมากด้วย
อีกอย่างเขาก็ดูออกว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา
เสี่ยวเหยียนทำไมถึงได้ไปหาเรื่องกับคนแบบนี้ได้
“คุณผู้ชาย” หานชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แววตาจ้องเขม็งไปที่ฝ่ายตรงข้าม “ผมคือคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว สวัสดีครับ”
ออร่ารุนแรงมาก
หลี่ซือห้านยื่นมือไปหาอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ
“สะ สวัสดีครับ ผมชื่อหลี่ซือห้าน”
“ครับ”
หานชิงยื่นมือออกไปจับกับเขา จากนั้นพอเก็บมือกลับก็พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เรื่องที่เสี่ยวหมี่โต้วพูดเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เรื่องจริง เด็กๆมักจะชอบพูดไปเรื่อยเปื่อย หวังว่าคุณหลี่อย่าได้เข้าใจผิด”
“ผมทราบครับ ผมทราบครับ เด็กๆก็แบบนี้แหละ ไม่ได้มีเจตนาอะไร ผมไม่ได้ถือสาครับ”
“ถ้าคุณหลี่คิดว่าเป็นเรื่องจริง ผมสามารถอธิบายได้”
“ไม่ต้อง ไม่ต้องหรอกครับ” หลี่ซือห้านโบกไม้โบกมืออย่างอึดอัดใจ “ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ผมเชื่อ อีกอย่างผมก็รู้สึกว่าเสี่ยวเหยียนไม่ใช่เด็กสาวแบบนั้น เธอจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ผมเชื่อเธอครับ”
หานชิงมองไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว สายตาแฝงแววตำหนิ “ในเมื่อพูดผิดแล้ว ก็ต้องขอโทษอย่างจริงจังด้วย”
เสี่ยวหมี่โต้วมุ่ยปากอย่างรู้สึกผิด “คุณน้า”
เขาทำท่าออดอ้อน ไม่คิดอยากจะขอโทษ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้พูดไปเรื่อย น้าเสี่ยวเหยียนชอบคุณน้าจริงๆ เรื่องพวกนั้นก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด เขาไม่รู้จริงๆว่าคุณน้ากำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อมาแล้ว แต่กลับจะมาอธิบายเรื่องพวกนี้กับคู่ของน้าเสี่ยวเหยียน แบบนี้มันก็เหมือนเป็นการจับคู่ทั้งสองคนไม่ใช่หรือ
น่าโมโหชะมัด
“ขอโทษซะ!” สายตาของหานชิงดุดันกว่าเดิม แฝงแววตำหนิอย่างเต็มที่
ก็ได้ เสี่ยวหมี่โต้วยอมแพ้ แล้วพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า “ขอโทษครับคุณลุงหลี่ เมื่อกี้นี้ผมพูดไปเรื่อยเอง น้าเสี่ยวเหยียนดีกับเสี่ยวหมี่โต้วมาก ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เลยหวังมาตลอดว่าน้าเสี่ยวเหยียนจะเป็นน้าสะใภ้ของผม ผมก็เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ถือสา วางใจเถอะ”
เพียงไม่นาน อาหารก็เข้ามาเสิร์ฟ หลี่ซือห้านพูดทำลายความอึดอัด
“ในเมื่อมาแล้ว มานั่งทานอาหารด้วยกันก่อนไหมครับ”
หานชิงเหลือบไปมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ไวน์ราคาแพงขวดหนึ่ง เพียงแค่พริบตาก็หันไปมองทางเสี่ยวหมี่โต้ว
ต่อหน้าสายตาของคุณน้า เสี่ยวหมี่โต้วก็ทำได้แค่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด
โธ่ เขาทำแบบนี้ก็เพื่อช่วยเหลือน้าเสี่ยวเหยียนนะ ถ้าอีกฝ่ายไม่มีเงินแต่ยังกล้าทำอะไรเกินตัวเพื่อเอาหน้าแบบนี้ ต่อไปถ้าน้าเสี่ยวเหยียนแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้จะต้องทุกข์ใจมากแน่
“รบกวนคุณหลี่แล้ว”
พูดแบบนั้นแล้ว หานชิงก็นั่งลง
ทั้งสามคนพึ่งจะนั่งลง ด้านนอกประตูก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น
“ที่นี่ใช่ไหมคะ ขอบคุณค่ะ”
ตอนที่เสี่ยวเหยียนเข้ามาในห้องลมหายใจยังไม่คงที่ เพราะเธอได้รับข้อความจากเสี่ยวหมี่โต้วจากนั้นเลยรีบตรงมาที่นี่ทันที ตอนที่ขึ้นมาชั้นบนเขาก็เช็กจำนวนเงินคงเหลือของตัวเองด้วย
แล้วจู่ๆก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
เพราะว่า ตอนนี้เธอจนมาก มาที่นี่แล้ว เธอจะเอาเงินที่ไหนจ่าย
ช่างเถอะ อย่างมากที่สุดก็กู้จากHuabeiสักหน่อย แล้วค่อยผ่อนคืนทีหลังแล้วกัน
คิดแล้วเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าชีวิตช่างยากลำบาก เจ้าเด็กบ้าเสี่ยวหมี่โต้วนี่ช่างทำให้คนอื่นวางใจไม่ลงเลยจริงๆ
ตอนที่มาถึงที่หมาย เสี่ยงเหยียนก็รีบพุ่งไปทางห้องส่วนตัว พร้อมกับตะโกนเรียกเสี่ยวหมี่โต้วไปด้วย แต่พอเข้าไปแล้ว หลังจากเธอเห็นเงาของคนๆหนึ่ง เธอก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ทันที
หานชิง……
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ?
ในห้องส่วนตัวมีคนสามคนนั่งอยู่ หานชิง เสี่ยวหมี่โต้ว แล้วยังมีคู่ดูตัวของเธอ
เสี่ยวเหยียนรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
เธออ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
เดิมทีเธอคิดว่ามีแค่หลี่ซือห้านกับเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ เธอเตรียมคำพูดมาเรียบร้อยแล้วแท้ๆ ตอนนี้พอเห็นหานชิงอยู่ที่นี่ กลับพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
เธอไม่อยากเจอหน้าเขา และไม่อยากพูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว หรือยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด
คิดไม่ถึงเลยว่า เสี่ยวหมี่โต้วจะ……
ไม่นาน เสี่ยวเหยียนก็สงบลง ปรับลมหายใจของตัวเอง จากนั้นก็เดินไปนั่งลงข้างหลี่ซือห้าน
หานชิงแววตาหมองลงหลายระดับ เม้มริมฝีปากบางไม่พูดไม่จา
พอเสี่ยวหมี่โต้วเห็นแล้วก็ไม่พอใจทันที
“น้าเสี่ยวเหยียน น้ามานั่งกับเสี่ยวหมี่โต้วสิฮะ เขาชี้ตรงที่นั่งข้างตัว จากนั้นก็พูดกับหานชิงว่า “คุณน้ารีบลุกขึ้นสิฮะ ผมจะนั่งกับน้าเสี่ยวเหยียน คุณน้าไปนั่งข้างๆสิ”
ไม่รอให้หานชิงได้ตอบ เสี่ยวเหยียนก็พูดอย่างไม่แยแสว่า
“ไม่ต้องหรอก นั่งแบบนี้ก็ดีแล้ว” ราวกับจงใจ เสี่ยวเหยียนยิ้มอีกครั้ง แล้วพูดอธิบายว่า “ขอแนะนำให้พวกคุณรู้จักนะ หลี่ซือห้านเป็นคู่ดูตัวของฉันเอง ฉันนั่งกับเขาก็เหมาะสมแล้ว จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น”
หลี่ซือห้านพอได้ยินแบบนั้นก็ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ดูท่าจางเสี่ยวเหยียนคงจะยอมรับเขาแล้วสินะ เขาก็เลยมองไปทางจางเสี่ยวเหยียนด้วยแววตาเปี่ยมความรู้สึก