บทที่1143 คุณหมายความว่าอย่างไร
คู่ดูตัว
มือที่วางอยู่ข้างล่างโต๊ะ กำแน่นขึ้นหลายระดับ หานชิงยกแก้วน้ำขึ้นมาจรดริมฝีปาก แล้วจิบเบาๆคำหนึ่ง
เสี่ยวหมี่โต้วกลับรู้สึกหดหู่ ไม่เข้าใจเลยว่าน้าเสี่ยวเหยียนกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งๆที่ชอบคุณน้าแท้ๆ ทำไมต้องไปดูตัวด้วย
ด้วยความที่จิตใจหดหู่ แล้วยังไม่มีพื้นที่ให้เขาได้พูด ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เลยทำได้แค่ก้มหน้าก้มตากิน
เดิมทีเขาไม่ได้มาเพื่อกินอาหาร แต่ตอนนี้ในเมื่อสั่งมามากมายขนาดนี้อย่างไรก็อย่าให้ฟุ่มเฟือยดีกว่า ไม่อย่างนั้นดูจากท่าทางของคุณน้าเมื่อครู่แล้ว กลัวว่าจะด่าเขาอีกQAQ
เสี่ยวหมี่โต้วก้มหน้าก้มตากินอาหาร แต่ผู้ใหญ่ทั้งสามคนต่างก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิดของตัวเอง
เพราะคำพูดคำนั้นของจางเสี่ยวเหยียน หลี่ซือห้านก็เลยยิ่งกระตือรือร้น คีบกับข้าวให้เสี่ยวเหยียน แล้วพูดคำอ่อนโยนกับเธอสารพัด
เสี่ยวเหยียน “……”
มองดูเขาใช้ตะเกียบของตัวเองคีบกับข้าวมาวางในถ้วยของเธอ ทำให้เสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ทั้งๆที่ตรงนั้นมีตะเกียบกลางอยู่แท้ๆ ทำไมเขาต้องใช้ตะเกียงของตัวเองด้วย
นี่เธอกำลังยกก้อนหินมาทับเท้าตัวเองอยู่หรือ
จะไม่กินก็ไม่ได้ แต่จะกิน ในใจเธอก็รู้สึกรังเกียจ
เพราะยังไงเธอก็ไม่อยากแลกน้ำลายกับผู้ชายที่……
แค่คิดก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนกำลังลังเลอยู่นั้น เสี่ยวหมี่โต้วที่กำลังกินอยู่จู่ๆก็เงยหน้าขึ้น
“คุณลุงหลี่ ที่นี่มีตะเกียบกลางนะครับ ทำไมคุณถึงใช้ตะเกียบของตัวเองคีบอาหารให้น้าเสี่ยวเหยียนล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่ซือห้านก็พูดอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันกับน้าเสี่ยวเหยียนของนายก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ใช้ตะเกียบคู่เดียวกันแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
หานชิงเปิดปากพูดเรียบๆ “ถ้าพวกคุณใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรหรอก แล้วคนอื่นล่ะ”
“อะไรนะ ?”
สายตาของหานชิงจับจ้องอยู่ที่อาหารบนโต๊ะ
“ที่จะแต่งงานกันคือพวกคุณ พวกเราไม่ได้เป็นญาติพี่น้องของพวกคุณ ถ้าให้คุณไปกินน้ำลายของคุณที่คุณไม่รู้จัก คุณจะยินดีไหม”
หลี่ซือห้าน “……”
เมื่อก่อนตอนอยู่กับเพื่อนของเขาไม่มีใครถือสาเรื่องนี้ แต่ตอนนี้อยู่ในโรงแรมห้าดาว ถ้ายังไม่ถือสาอีก ก็ดูจะแปลกประหลาด
“ใช่แล้วครับคุณลุงหลี่ คุณทำแบบนี้ไม่ถูกสุขอนามัยนะครับ”
พอได้โอกาส เสี่ยวหมี่โต้วก็รีบเสริมทันที เขาฟังออก ถึงแม้ต่อหน้าคุณน้าจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อคำพูดเมื่อครู่กลับจงใจยั่วโมโหคู่หมั้นคนนี้ของน้าเสี่ยวเหยียน หึหึ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปไม่ได้
เสี่ยวเหยียนที่เดิมทีไม่คิดจะกิน “……”
เมื่อได้ยินคำนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ทำอะไรสักบ้าง ก็จะแสดงว่าเธอรังเกียจเขาอย่างชัดเจน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ยิ้มอ่อน แล้วเงยหน้าขึ้นมองสองคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะพูดว่า
“ก็ไม่มีอะไรนี่นา ถ้าพวกคุณถือสา เดี๋ยวพวกเราแยกกันกินก็ได้”
เสี่ยวหมี่โต้ว “……ไม่เอาครับน้าเสี่ยวเหยียน ของพวกนี้เป็นของที่เสี่ยวหมี่โต้วชอบทั้งนั้นเลย”
เสี่ยวเหยียน “……”
จอมตะกละ ท้ายที่สุดเสี่ยวเหยียนก็อดใจอ่อนไม่ได้ เลยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“ความหมายของน้าคือ น้าไม่ได้ถือสา เมื่อกี้หลี่ซือห้านก็แค่ประมาทชั่วครู่ เอาแบบนี้แล้วกัน กับข้าวที่เขาคีบไปเมื่อกี้ย้ายมาวางตรงหน้าพวกเรา พวกนายอย่าไปกินก็พอ”
“QAQ น้าเสี่ยวเหยียนจะกินน้ำลายคนอื่นจริงๆเหรอครับ”
“……”
ทำไมพอถูกเขาพูดแบบนี้ใส่แล้ว เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา ทั้งๆที่แค่จะมาทานข้าว แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ รู้สึกจุกอกจริงๆ
เธอต้องรังเกียจอยู่แล้วสิ แต่เธอจะยกก้อนหินมาทับเท้าตัวเองไม่ได้นี่นา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยิ้มอ่อนๆ “ฉันไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกเราสองคนก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว”
“เสี่ยวเหยียน เธอไม่รังเกียจฉัน ฉันต้องขอบใจมากจริงๆนะ”
เสี่ยวเหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมา เตรียมจะกิน แต่หานชิงกลับกระแทกแก้วชาลงกับโต๊ะเสียงดังปัง เกิดเป็นเสียงดังสนั่น ดึงดูดสายตาทุกคู่
“พนักงาน” เขาตะโกนเสียงเย็น
พนักงานรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“รีบเอาพวกของที่กินไปแล้ว ออกไปให้หมด แล้วเปลี่ยนเอาของแบบเดียวกันเข้ามาใหม่” หานชิงออกคำสั่งด้วยเสียงเยือกเย็น
พนักงานชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้ามาเอาอาหารออกไป
หานชิงจ้องมองจานตรงหน้าเสี่ยวเหยียนที่มีกับข้าวกองเท้าภูเขา “เก็บจานที่อยู่ตรงหน้าเธอออกไปด้วย”
สีหน้าของหลี่ซือห้านย่ำแย่มาก
เสี่ยวเหยียนกัดฟัน อดกลั้น จนสุดท้ายทนต่อไปไม่ไหว เลยวางตะเกียบลงเสียงดังปัง
“คุณทำแบบนี้หมายความว่าไง”
หานชิงสีหน้านิ่งเรียบ ทั้งไม่ยินดีหรือโกรธเคืองแม้แต่น้อย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เลิกคิ้วแล้วพูดเรียบๆว่า “ไม่หมายความว่าไง ก็แค่ทนดูคนไม่รักษาอนามัยต่อไปไม่ไหวก็เท่านั้น”
น้อยมากที่เขาจะพูดจาแบบวันนี้
และประโยคนี้ของเขาก็ชี้ไปที่คู่ดูตัวของเธอ เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างน่าขันจริงๆ
หลังจากผลักไสเธออย่างแรงแล้ว ตอนนี้กลับมายั่วโมโหคู่ดูตัวของเธอ คู่ดูตัวของเธอทำผิดอะไร เสี่ยวเหยียนทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยหัวเราะเยาะกลับไป
“ฉันก็บอกแล้วไง ว่าถ้ารู้สึกว่าพวกเราไม่อนามัยก็ไม่ต้องมานั่งกับพวกเราก็ได้ ไม่สิ คุณไม่ควรมานั่งในห้องเดียวกับพวกเราด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่ลมหายใจคุณก็คงรู้สึกว่าไม่สะอาดด้วยสินะ”
เสี่ยวหมี่โต้วตะลึงงัน
ทำไมถึงกลายเป็นทะเลาะกันเสียได้
จู่ๆบรรยากาศก็คุกรุ่นขึ้นมา ขนาดหลี่ซือห้านเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเสี่ยวเหยียนจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ แต่พอลองคิดดูให้ดี เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที ว่าต่อให้โมโหอย่างไรก็คงไม่ถึงขั้นที่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้แน่
พนักงานยืนอยู่ด้านข้าง คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยืนเก้ๆกังๆไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดี ไม่รู้ว่าควรต้องทำตามคำสั่งของหานชิงดีหรือไม่ เลยได้แต่มองไปทางเขา
“คุณผู้ชายคะ คือว่า ?”
หานชิงพูดเรียบๆว่า “เก็บต่อเลย”
ท้ายที่สุดถึงแม้เสี่ยวเหยียนจะโมโห แต่ก็ทำได้แค่มองพนักงานเก็บจานที่อยู่ตรงหน้าออกไปตาปริบๆเท่านั้น ยืนอยู่กับที่แล้วมองไปที่หานชิงอย่างหมดหนทาง แต่ดวงแต่คู่นั้นเต็มไปด้วยเพลิงโกรธที่ลุกโชน
เขาเมินเฉยต่อสายตาที่โกรธเคืองแต่ไร้เขี้ยวเล็บของเธอ และไม่แม้แต่จะคิดเถียงกับเธอ
ในใจของเขาคงจะขยะแขยงมากสินะ แต่ว่า ถ้าขยะแขยงแล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่
ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหมี่โต้ว เขาคงไม่มีทางมาแน่
เสี่ยวเหยียนหมดเรี่ยวแรง เลยนั่งลงกับที่อย่างอ่อนล้า
ผ่านไปไม่นาน พนักงานก็เอาอาหารใหม่เข้ามาเสิร์ฟ หลี่ซือห้านสีหน้าซีดเผือด รู้สึกว่าตัวเองคงต้องสูญเสียเงินอีกมากมาย เขากัดริมฝีปากที่แห้งเหือด จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คือว่า อาหารที่มาเสิร์ฟใหม่ ต้องคิดเงินใหม่ด้วยไหมครับ”
พนักงานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพยักหน้าตอบ
“แน่นอนค่ะ”
พอหลี่ซือห้านได้ยินสีหน้าก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อครู่เกิดเรื่องไม่น่ายินดีขึ้น เขาก็เลยรู้สึกว่าตัวเองก็คงไม่ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายเหมือนกัน เลยพูดออกไปตรงๆว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดเงินกับเขาเองแล้วกัน เพราะยังไงพวกนี้ก็เป็นคำสั่งของคุณผู้ชายคนนั้น ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
พนักงานไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เลยทำได้แค่หันไปขอความเห็นกับหานชิง เห็นหานชิงพยักหน้า ถึงได้ออกไปอย่างวางใจ
มือที่วางอยู่ใต้โต๊ะของเสี่ยวเหยียนกำหมัดแน่น
พอหลี่ซือห้านพูดคำพวกนั้นออกมา หานชิงจะต้องยิ่งดูถูกเธอเข้าไปใหญ่แน่
เธอนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วหันไปมองหลี่ซือห้านที่อยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไร เขาอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเถอะ ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันก็จะจ่าย ยังไงวันนี้ก็มาเพื่อเลี้ยงเสี่ยวหมี่โต้ว ไม่เกี่ยวกับใครบางคน”
พอหลี่ซือห้านได้ยินคำนี้เข้าก็เหมือนกับได้กลืนแมลงวันเข้าไป แต่พอคิดว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนออกเงิน สุดท้ายก็เลยพยักหน้ารับ