บทที่1149 คืนนี้เป็นคืนอะไร
สภาพของเสี่ยวเหยียนตอนนี้น่าสงสารมาก
ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าด้านหนึ่งบวมเป่ง แถมยังมีคราบน้ำตาจำนวนมาก บนตัวสวมเสื้อของเขาอยู่ ดูแล้วน่าสงสารมาก
“ไม่ไปโรงพยาบาล ถ้าได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง” หานชิงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และถามอย่างอ่อนโยน
“ยังไงฉันก็ไม่ไปโรงพยาบาล ฉันไม่อยากกลับบ้านด้วย” เสี่ยวเหยียนหดตัวกอดเข่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าแววมา “คุณพาฉันไปส่งที่โรงแรมบางแห่งก็พอแล้ว”
“……”
ยัยนี่กำลังพูดเรื่องบ้าบออะไรอยู่ เวลาแบบนี้ถึงจะไม่ไปโรงพยาบาล เขาก็ไม่มีทางพาเธอไปส่งที่โรงแรมแน่
คิดไปคิดมา หานชิงก็เลยพาไปที่บ้าน เพียงแต่เป็นสถานที่ส่วนตัวของเขาเอง ไม่มีคนรับใช้ ไม่ใช้บ้านที่เขาอยู่ในเวลาปกติ ดังนั้นตอนที่เสี่ยวเหยียนลงจากรถ ถึงได้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ที่นี่คือที่ไหน”
“บ้านฉันเอง”
พอสิ้นเสียง เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปข้างใน เสี่ยวเหยียนปล่อยให้เขาอุ้ม รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา ทั้งๆที่เมื่อคืนตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเขาอีก
แต่เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้กลับเข้าไปช่วยเธอในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือที่สุด และมอบความรู้สึกปลอดภัยและที่พึ่งพิงให้กับเธอ เธอควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้ ที่จะซุกตัวเข้าไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม
เท้าของหานชิงชะงักไปเล็กน้อย เหลือบตามองลงด้านล่างเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอย่างชัดเจน แต่หานชิงก็คิดแค่เพียงว่าเธอคงจะกลัว เลยยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ภายในน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ยากจะสังเกต
“ไม่ต้องกลัว จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว”
พอคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ถ้าหากหานชิงไม่ได้เข้าไปช่วยเธอ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอกัน
พอคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง ร่างกายของเสี่ยวเหยียนก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
หานชิงอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน วางลงบนเตียงอ่อนนุ่ม ท่วงท่าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็พูดว่า “รอฉันอยู่นี่นะ”
เขาหันหลังเตรียมจะเดินออกไป แต่เสี่ยวเหยียนกลับคว้าเข้าที่ชายเสื้อของเขา
“อย่าไปนะ”
ห้องนี้ใหญ่มาก โล่งจนค่อนข้างน่ากลัว
เห็นเธอเป็นแบบนี้ แววตาของหานชิงก็อ่อนลงอีกครั้ง ทำได้แค่พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันแค่จะไปเอากล่องยาที่ห้องข้างๆ นาทีเดียวก็กลับมาแล้ว”
นาทีเดียว ?
เสี่ยวเหยียนมองเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อใจนัก ราวกับสายตานั้นกำลังถามว่า จริงหรือ ?
หานชิงพยักหน้า
“ไม่นาน”
“งั้น งั้นคุณรีบกลับมานะ……” เสี่ยวเหยียนพูดจบ ถึงได้ปล่อยมือที่รั้งเขาไว้แน่น ปล่อยให้หานชิงไปหยิบกล่องยา
ตอนที่หานชิงออกไป เสี่ยวเหยียนก็ก้มหน้าลงมอง พบว่าตอนนี้บนรองเท้าสีขาวของตัวเองมีจุดสีดำ ดูสะดุดตามากเป็นพิเศษ แล้วโดยไม่รู้ตัว เธอก็ย้อนคิดถึงตัวตัวเองเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
ก็เหมือนกับรองเท้าสีขาวคู่นี้ ที่ถูกหลี่ซือห้านทำให้แปดเปื้อน
ตอนนี้บนตัวของเธอสกปรก เธอจำได้ว่ามือของเขาจับแขนของเธอ แถมยังดึงเสื้อของเธอ ถูไถไหล่และผิวหนังของเธอ……
ภาพนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวของเธออย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งอยู่ยิ่งมาก เสี่ยวเหยียนกรีดร้องออกมาอย่างทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที แต่กลับชนเข้ากับอกของหานชิง
“เป็นอะไร……”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เสี่ยวเหยียนก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว หลบหลีกเขาราวกับกำลังหลบหนีเชื้อโรค
ในมือของหานชิงถือกล่องยา เพื่อจะช่วยเธอรักษาบาดแผล เขาไปไม่นาน และกลับมาในทันที
แต่พอกลับมาแล้ว กลับพบว่าแววตากับสีหน้าของเสี่ยวเหยียนไม่ปกติ
ออกไปแค่ครู่เดียว ก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วหรือ
เขาพยายามก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย
“นายอย่าเข้ามานะ”
เป็นไปตามคาด เสี่ยวเหยียนกรีดร้องออกมาแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวใหญ่ แววตาจ้องมองเขาด้วยความแค้นเคือง “ทำไมคุณถึงมาช่วยฉัน ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ตอแยคุณอีก บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก คุณมาช่วยฉันทำไม”
หานชิงเม้มริมฝีปากบางแน่น แววตาเย็นชาขึ้นหลายระดับ
“ถ้าฉันไม่ไปช่วยเธอ แล้วใครจะไปช่วยเธอ”
เธอหลุบตาลง “ใครก็ได้……แต่ทำไมต้องเป็นคุณ ทำไมต้องให้คุณมาเห็นสภาพน่าอับอายของฉันแบบนี้ด้วย……ฉัน ตอนนี้ฉันสกปรกมาก……”
เธอกัดริมฝีปากล่าง พยายามลบภาพน่ารังเกียจที่อยู่ในหัวออกไป แต่เธอยิ่งพยายาม ภาพเหล่านั้นก็ยิ่งเหมือนติดกาว ยิ่งติดแน่นไม่ยอมหลุดออกไป
หานชิงขมวดคิ้วมองดูสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า เป็นเพราะอารมณ์ไม่มั่นคงหรือ ถ้ารู้แต่แรกว่าพอตัวเองออกไปแค่ครู่เดียวแล้วเธอจะกลายเป็นแบบนี้ เขาคงคอยอยู่ข้างๆเธอไม่จากไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวแล้ว
“ตอนนี้ฉันสกปรกมาก……สกปรกมาก…….เดิมทีคุณก็ไม่ชอบฉันแล้ว ตอนนี้…….จะต้องยิ่งขยะแขยงฉันแน่เลยใช่ไหม” พอพูดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยิ้มอย่างเจ็บปวด “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันยอมที่จะถูกข่มขืน ก็ไม่ต้องการให้คุณมาช่วยแบบนี้”
ตอนแรกหานชิงรู้สึกสงสารเธอ แต่พอได้ยินเธอพูดประโยคนั้นออกมาแล้วก็สำลักออกมาทันที
เขาหรี่ตา แล้วมองเธออย่างอันตราย
อะไรคือยอมโดนข่มขืน ก็ไม่ต้องการให้เขาช่วย ? หานชิงอยากเดินเข้าไปตบศีรษะเธอ เพื่อมองว่าในสมองมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง แต่เพราะเสี่ยวเหยียนร้องไห้ได้น่าสงสารมาก ริมฝีปากก็แดงระเรื่อ เห็นแล้วน่าสงสารเหลือเกิน
หานชิงปิดตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นได้ชัดว่าได้ตัดสินใจบางอย่างลงไปแล้ว
“จากนิสัยของฉันแล้ว ฉันไม่อยากจะทำเรื่องแบบนี้ในเวลาแบบนี้เลยจริงๆ แต่ว่า……”
พอสิ้นเสียง หานชิงก็ก้าวเท้ายาวๆไปข้างหน้า จับคางของสาวน้อยเอาไว้ แล้วบังคับให้เธอเงยหน้า ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบ
“อืม……”
เสี่ยวเหยียนแข็งทื่ออยู่กับที่ ตกตะลึงจนต้องเบิกตาโต
เพียงเสี้ยววินาที ภาพสกปรกที่อยู่ในหัว และภาพน่าขยะแขยงเหล่านั้นก็พากันระเบิดออก จากนั้นในหัวก็ขาวโพลน จำอะไรไม่ได้อีกต่อไป เหลือเพียงความรู้สึกจากสัมผัสแท้จริงที่อยู่ตรงหน้า
นั่นก็คืออุณหภูมิบนริมฝีปาก
ตอนแรกที่ริมฝีปากของหานชิงประทับจูบลงมานั้นเย็นเล็กน้อย จนค่อยๆเปลี่ยนเป็นอบอุ่น จากนั้นก็กลายเป็นเร่าร้อนดุจเพลิงไฟ จนแทบจะเผาเธอให้สิ้นซาก
เธอตกใจจนร่างกายสั่นระริก ร่างกายล้มลงไปด้านหลังอย่างอ่อนแรง แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าเอวเอาไว้ แล้วดึงให้เข้าสู่อ้อมกอดอันกว้างใหญ่และอบอุ่นของเขา
จูบลุ่มลึกขึ้น ไม่ได้สิ้นสุดลงแต่อย่างใด
โลกหมุนไปรอบๆ คืนนี้คือคืนไหนกัน
เวลาผ่านไปอย่างก้าวกระโดด แต่จากจุดเริ่มต้นจนจุดจบ เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ปิดตาลงเลย จบตอนที่หานชิงถอยห่างออกไปแล้ว เธอก็ยังอยู่ในสภาพเหมือนหุ่น จ้องมองเขาอย่างนิ่งอึ้งอยู่กับที่
หานชิงถอยหน้าผากออกมาเกือบนิ้ว พอคิดอีกทีก็กลับเข้าไปแนบชิดอีกครั้ง
อาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านการจูบ ดังนั้นน้ำเสียงเขาก็เลยแหบพร่าเล็กน้อย แถมยังแฝงไปด้วยความต้องการ พัดเป่าเบาๆบนใบหน้าเธอ แต่กลับชนเข้ากับหัวใจของเธออย่างแรง
“ตอนนี้ยังรู้สึกสกปรกอยู่ไหม”
ตรงหน้าเหลือเพียงกลิ่นอายและใบหน้าหล่อเหลาของเขา กับความอบอุ่นบนริมฝีปากเมื่อครู่นี้ ณ ตอนนี้เธอจำเรื่องสกปรกหรือไม่สกปรกอะไรนั่นไม่ได้อีกแล้ว
เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ หานชิงก็รู้ทันทีว่าทางเลือกของตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว อีกอย่างเมื่อครู่เขาตระหนักได้ถึงเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งว่า เขาจูบเธอนานมากอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เดิมทีเขาวางแผนจะจูบเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อทำให้เธอสงบใจได้ และอยากยืนยันกับเธอว่า
เธอไม่ได้สกปรก
แต่พอจูบไปแล้ว เขากลับสูญเสียการควบคุมไป
อีกอย่างยังเสียการควบคุมอย่างมากด้วย เลยเผลอจูบสาวน้อยที่กำลังตื่นกลัวเสียนานสองนานแบบนั้น
จุดนี้ทำให้หานชิงปวดหัวมาก
เขาเม้มปาก แล้วเริ่มพูดด้วยเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง
“เธอไปอาบน้ำก่อนดีไหม”