บทที่116 ร่วมเรียงเคียงหมอน
ทางด้านเสิ่นเฉียวไม่รู้ถึงความคิดที่แปลกประหลาดและยุ่งเหยิงของหานเส่โยว
หลังจากแยกกับหานเส่โยวเธอก็ตรงกลับบ้านตระกูลเย่
เมื่อกลับถึงบ้านตระกูลเย่ เธอก็พบว่าเตียงหลังเล็กของเธอไม่อยู่แล้ว
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปในทันที คิดถึงเรื่องเมื่อสมัยที่เธอเพิ่งจะย้ายมาตระกูลเย่แล้วต้องนอนกับพื้นหรือนั่งหลับอยู่ข้างนอกในตอนนั้น ตอนหลังเพราะเซียวซู่รู้สึกว่าเธอน่าสมเพชเหลือทน ดังนั้นจึงหาเตียงหลังเล็กมาให้เธอ ทำให้เสิ่นเฉียวได้นอนหลับอย่างสงบในเวลากลางคืน
แต่ว่าจู่ ๆ เตียงหลังเล็กก็หายไปเสียอย่างนั้น ในใจของเสิ่นเฉียวเกิดความตระหนกขึ้น
เธอคิดว่าเป็นเพราะจู่ ๆ เย่โม่เซินก็เกิดโกรธเธอขึ้นมา แล้วสั่งให้คนย้ายเตียงหลังเล็กของเธอออกไปรึเปล่า
เสิ่นเฉียวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น และทำอะไรไม่ถูก
ทันใดนั้นสาวใช้สองคนก็เข้ามาและเห็นเธอ จึงเรียกเธอ
“คุณนายน้อยสอง”
เมื่อได้ยิน เสิ่นเฉียวจึงได้สติและหันกลับมามองพวกเธอ พยักหน้าแล้วจึงพบว่าพวกเธอกำลังถือเสื้อผ้าของเธอ
“พวกคุณกำลังทำอะไรเหรอคะ?” เสิ่นเฉียวขมวดคิ้วถาม จากนั้นจึงหันไปมองตำแหน่งของเตียงหลังเล็ก “เมื่อกี้พวกคุณกำลังเก็บของของฉันเหรอคะ?”
สาวใช้สองคนพยักหน้า: “คุณชายสองให้พวกเราเก็บของของคุณนายน้อยสองค่ะ”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนเป็นซีดขาว เก็บของของเธอแล้ว
ได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว…เหมือนกับกำลังจะไล่เธอไป
“เพราะ…เพราะอะไร?” เสิ่นเฉียวพูดอย่างยากลำบากและเลือดบนริมฝีปากของเธอค่อยๆจางลง
สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ทราบสาเหตุจากนั้นก็ส่ายหัว: “พวกเราก็ไม่ทราบค่ะคุณนายน้อยสอง คุณชายสองสั่งมาแบบนี้ พวกเราก็ทำตามนั้นค่ะ”
ทันใดนั้นเสิ่นเฉียวก็พูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปนานเธอจึงถาม: “แล้วเขาล่ะ?”
“คุณชายสองอยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ”
“ฉันทราบแล้ว”
เสิ่นเฉียวไม่ลังเลนาน เธอก้าวเท้าเดินไปทางห้องหนังสือ
แน่นอนว่า ไฟห้องหนังสือยังเปิดอยู่ เมื่อเดินมาถึงที่หน้าประตูเสิ่นเฉียวพบว่าเซียวซู่ก็อยู่ที่นั่นด้วย
เซียวซู่ได้ยินเสียง จึงมองมาทางเธอ แล้วหันไปพูดเบา ๆ กับเย่โม่เซิน “คุณชายเย่ครับ ผู้ช่วยเสิ่นมาแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน”
“อือ” เย่โม่เซินยังคงจ้องมองไปที่จอคอมพิวเตอร์ ด้วยสายตาเย็นชาและตอบรับคำหนึ่ง
เซียวซู่ออกจากห้องหนังสือและเดินสวนกับเสิ่นเฉียวไป
เสิ่นเฉียวยืนอยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในห้องหนังสือ เธอเดินไปทางข้างกายเย่โม่เซิน จ้องมองแผ่นหลังบางของเขาอย่างตั้งใจ
เย่โม่เซินรู้ว่าเธอมาแล้ว แต่ไม่ได้สนใจเธอ สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสิ่นเฉียวยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งและไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไรดี เธออยากจะถามเขาไปตรง ๆ ว่าทำไมต้องย้ายเตียงของเธอไป เขาอยากจะให้เธอไปนอนข้างนอกอย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่าเธอกลับพูดมันออกมาไม่ได้เมื่อคำพูดมันติดอยู่ที่ริมฝีปาก
สุดท้ายกลับเป็นเย่โม่เซินที่พูดขึ้นก่อน: “กลับมาแล้วเหรอ?”
เสียงของเขาต่ำและเขาแสดงอารมณ์ใด ๆ
เสิ่นเฉียวเม้มปาก พยักหน้า: “ค่ะ”
มือของเย่โม่เซินกำลังกดแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ด แล้วพลางพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “ฉันยังมีงานต้องทำ เธอไปดูหน่อยว่าคนงานเก็บของเธอเสร็จรึยัง”
เสิ่นเฉียว: “…”
นี่เป็นคำสั่งราชโองการบอกเธอหรืออย่างไร?
เสิ่นเฉียวกำมือแน่นอยู่เงียบ ๆ สุดท้ายเธอกลับไม่พูดอะไรสักคำ หันหลังเดินไปด้วยความโกรธ
เธอคิด ในเมื่ออีกฝ่ายไล่เธอถึงขั้นนี้แล้วเธอจะยังอยู่ทำไม?
สู้กลับไปเก็บของ แล้วออกไปจากที่นี่ก็จบแล้ว
เมื่อเดินมาถึงประตู เสียงของเย่โม่เซินที่เย็นชาก็ดังขึ้นอีก
“หมอนฉันให้คนเปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับของฉัน ถ้าหากว่าเธอไม่ชินกับผ้าไหม เธอจะบอกให้พวกเขาเปลี่ยนก็ได้นะ”
เสิ่นเฉียวก้าวขาข้างหนึ่งออกไปแล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ชักเท้ากลับ เธอคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป เธอหันกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณว่าอะไรนะคะ?”
ในที่สุดเย่โม่เซินก็ละสายตาขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองใบหน้าขาวนวลของเธออย่างมุ่งมั่น: “ทำไม? ยังอยากจะแยกเตียงกับฉันอยู่เหรอ?”
เสิ่นเฉียว: “…”
ปากของเธอมุ่ยเล็กน้อย
เย่โม่เซินคิดว่าเธอไม่พอใจ จึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ: “มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
เสิ่นเฉียวเลียริมฝีปากของเธอโดยไม่รู้ตัวและส่ายหน้า “ไม่ ไม่มีค่ะ คุณเอาเตียงฉันไปเก็บ เพื่อ…ให้ฉันไปนอนเตียงเดียวกันกับคุณ?”
เธอยังคงรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ
เย่โม่เซินจะให้เธอร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขา
เขา…ไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามเสิ่นเฉียวยิ่งทั้งสงสัยและไม่แน่ใจ ทำให้ในใจของเย่โม่เซินเกิดความไม่พอใจเข้าไปอีก
“สามีภรรยานอนด้วยกัน มันแปลกมากเหรอ?”
เสิ่นเฉียวได้สติ พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่แปลกค่ะ”
แท้จริงแล้วในใจเธอรู้สึกแปลกมาก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นแย่มากอย่างชัดเจน ตอนนี้เขากลับจะใช้ชีวิตแบบสามีภรรยาขึ้นมา หรือว่าจะเป็นเพราะที่นอนด้วยกันในคืนนั้น?
เสิ่นเฉียวว่าในใจเธอมันรู้สึกอย่างไร แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่นอน
“ฉันทราบแล้วค่ะ ฉันไปดูก่อนนะคะ” พูดจบ เสิ่นเฉียวก็ออกไปจากห้องหนังสือ
หลังจากกลับมาที่ห้องคนรับใช้ก็ทักทายเธอ
“คุณนายน้อยสอง หมอนกับผ้าห่มของคุณจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ เราได้จัดเตรียมผ้าแพรไหมแท้กับหมอนไหมแท้ไว้ให้คุณ คุณนายน้อยสองลองดูว่ามีตรงไหนที่ไม่ชอบ ก็สั่งเราได้เลยค่ะ”
เสิ่นเฉียวส่ายหน้า: “ดีมากแล้วค่ะ”
“ถ้าหากว่าคุณนายน้อยสองไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อน”
“ค่ะ”
หลังจากที่พวกเธอออกไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็ค่อย ๆ เดินไปที่เตียงหลังเดียวที่อยู่ในห้องนั้น
เธอยืนอยู่ข้างเตียง เสิ่นเฉียวมีสีหน้าเรียบเฉย
เตียงหลังนี้เป็นของเย่โม่เซิน เธอเคยใช้มันในวันที่เธอแต่งเข้ามาตระกูลเย่ครั้งแรก ในตอนนั้นเธอสวมชุดเจ้าสาว จากนั้นเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้มันอีก ตลอดมามันมีหมอนใบเดียว มันเป็นของเย่โม่เซิน แต่วันนี้กลับมีกลับมีหมอนสีชมพูอ่อนใบหนึ่งวางอยู่ข้างหมอนของเย่โม่เซิน หมอนชุดสีฟ้าอ่อนของเย่โม่เซิน บอกได้ว่ามันเป็นหมอนชุดที่เข้าคู่กันสีฟ้าและชมพู
ยังมีการเปลี่ยนผ้านวมเปลี่ยนผ้านวมลายสีชมพูและสีฟ้าซึ่งดูเหมือนเป็นชุด
เสิ่นเฉียวแววตาสับสนมาก เธอกำมือแน่นแล้วแน่นอีกอยู่เงียบ ๆ
ถ้าหากบอกว่า…เป็นเพียงเพราะเรื่องคืนนั้น เขาเป็นหนี้ตนเอง หรือด้วยอารมณ์อย่างอื่น แล้วมันเกิดทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไป เช่นนั้นเธอเองก็ไม่ต้องการ
แต่ว่า…ลึกลงไปในใจของเธอกลับโหยหาอารมณ์ที่อบอุ่นเหล่านี้
เย่โม่เซินผู้ชายคนนี้ เป็นคนที่ภายนอกเย็นชาแต่ร้อนรุ่มอยู่ภายใน
นี่เป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง
“พอใจกับสิ่งที่เธอเห็นรึเปล่า?” เสียงที่เย็นชาดังมาจากทางด้านหลัง เสิ่นเฉียวได้สติกลับมา ทันใดนั้นเธอหันกลับมา เจอเย่โม่เซินที่กำลังหมุนล้อวีลแชร์เข้ามา จากนั้นก็หยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว
มือของเสิ่นเฉียวยังวางไว้บนผ้าห่ม เธอเก็บมือด้วยความตื่นเต้น มองไปที่เขาด้วยความเกร็ง
เย่โม่เซินมองหน้าเธอ เหมือนกำลังพยายามค้นหาปฏิกิริยาบางอย่าง
“คือว่า…ไม่ใช่ว่าคุณไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้คุณไม่ใช่เหรอคะ? ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้ว คุณไม่ให้ฉันแตะตัวคุณ แต่ว่า…คุณก็ย้ายเตียงฉันออกไปแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็นิ่งไป เธอมองดูสีหน้าของเย่โม่เซินด้วยความลังเล แล้วจึงค่อย ๆ พูดขึ้น: “ถ้านอนร่วมเตียงเดียวกันอย่างนี้ แล้วฉันเกิดไม่ระวังไปโดนตัวคุณ จะทำยังไงคะ?”