บทที่ 1158 พูดจาตลบตะแลง
ตาจางอารมณ์ดุเดือด และเสียงพูดก้องกังวาน ร่างกายของเขาก็ไม่ได้เล็ก ตอนที่เขาเดินออกมา สีหน้านั้นดุมาก ดูท่าแล้วยากที่จะรับมือ โดยปกติแล้วสองสามีภรรยาบ้านจางนั้นเป็นคนอัธยาศัยดี กับเพื่อนบ้านแล้ว แม้จะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ก็พยักหน้าทักทายยามที่เจอกันเสมอ พวกเขาเป็นคนมีความเมตตาและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดี
เพราะฉะนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นตาจางดูดุร้ายขนาดนี้ เพื่อนบ้านที่ล้อมรอบอยู่ทยอยถอยออกมาเล็กน้อย
พวกเขาแค่มารับรู้สถานการณ์เอง โดยปกติแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรก็นั่งจิบชาแล้วพูดคุยกันพวกเขาไม่ได้ตั้งใจมาเทน้ำมันใส่เพลิงเพื่อเผาตัวเอง
หลังจากที่ทุกคนถอยออกไป ก็ไม่มีคนพยุงป้าจางแล้ว ผู้หญิงคนแรกที่เข้าไปพยุงป้าจาง เมื่อเห็นว่าทุกคนถอยออกไป ก็รีบพยุงให้ป้าจางยืนตรง แล้วพูดขึ้นว่า “ป้าจาง ป้ายืนเองดีๆนะคะ”
พูดจบ ก็ถอยออกไปพร้อมกับคนอื่น
ป้าจาง:“……”
ทำไมถึงขี้ขลาดกันขนาดนี้!
เมื่อสักครู่แต่ละคนยังกรูกันเข้ามาเลยไม่ใช่เหรอ? ทุกคนกลัวตาจาง แต่ป้าจางไม่กลัว เธอยืดเอวเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า “ตาจางแกมาได้เวลาพอดีเลย ฉันอยากจะถามแกหน่อยว่าแกสั่งสอนลูกสาวของตัวเองยังไง? ถึงกล้าพูดจาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้? ฉันเห็นเธอตั้งแต่เล็กจนโต ก็เหมือนพ่อแม่แท้ๆของเธอใช่ไหม? แม้อายุฉันจะเยอะและไม่มีลูกหลานอยู่ข้างๆ แต่พวกแกก็ไม่ควรรังแกคนแก่อย่างฉันแบบนี้นะ ฮือๆๆๆ”
หลัวหุ้ยเหม่ยที่เดินตามหลังตาจางมา เมื่อได้ยินสิ่งที่ป้าจางพูด ก็รู้สึกว่าคนๆนี้หน้าไม่อายจริงๆ
อะไรคือบอกว่าเห็นเธอตั้งแต่เล็กจนโต ก็ถือว่าเป็นเหมือนพ่อแม่ของเธอแล้ว?
เมื่อนึกถึงคู่เดทที่เธอแนะนำให้ เกือบรังแกลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของตัวเอง และป้าจางยังมาสร้างความลำบากให้คนอื่นแต่เช้า ดึงดูดผู้คนรอบข้างมาดูด้วยความตื่นเต้น
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของบ้านจางและลูกสาวของพวกเขาจะเอาไปไว้ที่ไหน?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยนั้นแม้แต่ยิ้มยังไม่อยากยิ้มให้ป้าจางเลย เธอพูดถากถางออกไปโดยตรงว่า “ฉันว่านะคะป้าจาง ที่ป้าบอกว่าป้าอุตส่าห์หาคู่เดทให้ลูกสาวของเราด้วยความหวังดี ฉันยังพอรับฟังได้ และที่ป้าบอกว่าป้าเห็นเธอตั้งแต่เด็กจนโต อันนี้ฉันยอมรับค่ะ แต่ที่ป้าบอกว่าป้าก็เหมือนพ่อแม่แท้ๆของลูกสาวฉัน ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ อะไรคือป้าเป็นพ่อแม่แท้ๆของลูกสาวฉัน? และที่ฉันกับตาจางเลี้ยงดูลูกสาวมาจนโตอย่างยากลำบาก กลับกลายเป็นพ่อแม่แท้ๆงั้นเหรอคะ?”
ป้าจางคิดไม่ถึงว่าเธอจะจุดประเด็นนี้ขึ้นมา เธอนิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉันแค่เปรียบเปรย ไม่ได้บอกว่าเป็นพ่อแม่ของเธอจริงๆ ถึงยังไงฉันก็เป็นผู้อาวุโสกว่าใช่ไหมล่ะ?
“ในเมื่อไม่ได้เป็นพ่อเป็นแม่ งั้นก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนลูกสาวของพวกเราค่ะ”หลัวหุ้ยเหม่ยเดินเข้าไป แล้วผลักพ่อจางออกไปข้างๆ
เรื่องฝีปากปล่อยให้ผู้หญิงจัดการกันเองดีกว่า ยิ่งเป็นป้าจางแล้ว หลายปีมานี้หลัวหุ้ยเหม่ยได้ฝึกฝนสกิลปากเพื่อมาเผชิญหน้ากับเธอไว้แล้ว
เมื่อสักครู่ทั้งสองคนยืนฟังอยู่ในตึกเป็นเวลานาน ตอนนี้ในใจของหลัวหุ้ยเหม่ยกำลังพยายามระงับความโกรธอยู่ ก็เลยไม่ปล่อยให้ป้าจางมีโอกาสได้พูด เธอพูดต่อเลยว่า “แล้วก็ เมื่อกี้ฉันยืนฟังอยู่บนตึกเป็นนานแล้ว คำพูดที่ป้ายัดเยียดบอกว่าลูกสาวของฉันมีแฟน และเรื่องที่เรายังขอให้ป้าหาคู่เดทให้อีก ทว่าเรื่องนี้พวกเรายังไม่เอ่ยรับปากเลย ป้าก็โทรให้เขามาแล้ว มาจนถึงตอนนี้ทำไมกลายเป็นว่าเสี่ยวเหยียนไปขอให้ป้าหาคู่เดทให้ล่ะคะ? ป้าจางพูดจากตลบตะแลงอย่างนี้ ฉันสงสัยจริงๆเลยค่ะ เรื่องที่ป้าบอกว่าแฟนของลูกสาวฉันทำร้ายหลี่ซือห้านจนเข้าโรงพยาบาล และกระดูกหักไปหลายซี่นั้น เป็นการพูดจาตลบตะแลงอีกไหม เป็นเรื่องที่ป้าสร้างขึ้นเองหรือเปล่า?”
เสี่ยวเหยียนยืนดูแม่ของตัวเองอยู่ข้างๆ หลังจากได้ยินสิ่งที่แม่พูดในใจของเธอก็รู้สึกสนุกขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ตอนแรกเธอคิดว่าพ่อแม่จะแคร์ชื่อเสียงและจะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ปิดเรื่องนี้แล้วมาจัดการกันเอง ไม่คิดว่าพวกเขามาถึงก็มาออกหน้าแทนเธอแล้ว
“เธอ! หุ้ยเหม่ย! เธอว่าใครพูดจาตลบตะแลง? พูดให้มันเคลียร์เลยนะ”
“ป้าจางคะ เป็นป้าเองหรือเปล่าที่วิ่งมาบอกถึงที่ร้านว่าจะหาคู่เดทให้? ในชีวิตประจําวันเราพบกับผู้คนมากมาย แต่ ใช่ว่าอยากจะกำจัดหรือว่าใครย่อมทำได้! ตอนนี้ป้าก็ยังไม่ยอมรับ ดูท่าแล้วเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่คงจะเป็นจริงสินะคะ”
“ฉัน ฉันแค่ลืมมันไปชั่วคราว ฉันเป็นคนเสนอหาคู่เดทให้เสี่ยวเหยียนแล้วยังไง? แต่ก็เพราะหวังดีกับเธอไม่ใช่เหรอ? เสี่ยวหลี่เป็นเด็กดีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกทำร้ายร่างกายจนเข้าโรงพยาบาล บาปกรรมจริงๆเลย”
“ป้าจางไม่ต้องมาเปลี่ยนประเด็นเลยค่ะ เรามาพูดให้มันชัดเจนเลยดีกว่าค่ะ ป้าบอกว่าตัวเองลืมเรื่องนี้ไปชั่วคราว ก็เลยมาตัดสินและใส่ร้ายลูกสาวของฉันแบบนี้ มันได้เหรอคะ? ป้าบอกว่าเสี่ยวหลี่ถูกทำร้ายร่างกายจนเข้าโรงพยาบาลแถมกระดูกก็หักไปหลายซี่ ฉันคิดว่าเรื่องนี้คงน่าจะพูดไม่เคลียร์แล้ว เอาแบบนี้ไหมคะ พวกเราไปแจ้งความด้วยกัน แล้วให้ตำรวจมาพิจารณาคดีว่าใครผิดใครถูก”
พูดจบ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ไม่ลังเล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาท่ามกลางผู้คนมากมาย ท่าทางจริงจังมากว่าจะโทรหาตำรวจ
ดวงตาของป้าจางกลอกไปมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ และเธอก็เดินเข้าไปหนึ่งก้าวแล้วรั้งมือของหลัวหุ้ยเหม่ยไว้
“น้องหุ้ยเหม่ย เธอจะโทรหาตำรวจทำไมล่ะ? แม้จะเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์และเก่งกาจ ก็ยากที่จะตัดสินเรื่องของครอบครัวนะ! แต่เสี่ยวหลี่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆนะ ถ้าพวกเธอไม่เชื่อ ไปดูที่โรงพยาบาลพร้อมกับฉันก็จะรู้เอง”
“ทุกคนว่าใช่ไหม?”
เพื่อนบ้านที่อยู่ระแวกนั้น ต่างก็จ้องกันไปมา ไม่สามารถตัดสินได้
“ลองดูสิ ถ้าโดนทำร้ายร่างกายจริงๆตอนนี้ก็คงยังอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าอาการจะสาหัสอย่างที่ป้าจางพูดหรือเปล่า?”
“ใช่ ฉันคิดว่าไปดูหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนะ แต่ถ้าทำร้ายร่างกายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นจริงๆ งั้นก็ไม่สมเหตุสมผลแล้ว”
“ใช่ไหมทุกคน? วันนี้ขอให้ทุกคนมาเป็นพยานด้วยกัน และไปดูที่โรงพยาบาลพร้อมกับฉัน”
ในตอนที่ทุกคนคิดที่จะไปโรงพยาบาล เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ไม่ต้องค่ะ!”เสี่ยวเหยียนยืนอยู่ที่เดิมและมองทุกคนด้วยสายตาที่เยือกเย็น “คุณลุงคุณป้าทุกท่านคะ ทุกคนนั้นล้วนเป็นเพื่อนบ้านกัน และเพราะทุกท่านนั้นเป็นผู้อาวุโสกว่า ฉันก็เลยให้ความเคารพ แต่ถ้าเรื่องแบบนี้ยังทำให้มันวุ่นวายได้ ต่อไปก็อย่าหาว่าฉันจิตใจอำมหิตไม่สนโลกนะคะ เรื่องในวันนี้ฉันจะพูดแค่ว่า เพื่อนของฉันไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ แต่ถึงจะทำร้ายจริงๆ นั่นก็เป็นเพราะเขาหาเรื่องเอง และน่าจะทำจนเป็นสันดานแล้วนะคะ”
“เอ๊ะ ฉันว่านะยัยเด็กนี่ ให้ทุกคนไปดูที่โรงพยาบาลสิ หรือเธอเกิดอาการกลัวแล้ว?”
“ฉันกลัว?”เสี่ยวเหยียนยิ้มมุมปาก ทันใดนั้นสายตาของเธอก็หันไปมองหานชิงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลัง เพราะเธอขอให้เขาไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ถึงแม้เขาจะไม่เข้ามายุ่ง ทว่าก็ไม่ได้ออกไปไหนเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่าเขายังอยู่ก็เพื่อที่จะสนับสนุนเธอ
ตอนที่มา เธอดูพวกเอกสารที่ซูจิ่วถ่ายเอาไว้ให้แล้ว หลี่ซือห้านมีคดีมากมาย เธอสุ่มหยิบเอกสารออกมาหนึ่งฉบับก็ย่อมได้
ทั้งสองคนสบตากัน หานชิงเหมือนทายความหมายของหญิงสาวที่จะสื่อถูก จึงพยักหน้าให้กับเธอ
ในใจของเสี่ยวเหยียนแน่วแน่และตัดสินใจได้แล้ว
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรอกค่ะ เพราะพวกคุณอาจจะไปเสียเที่ยว เพราะอะไรน่ะเหรอคะ บางที รอให้เขาเข้าคุกก่อนแล้วทุกคนจะรู้ค่ะ”