บทที่117 คำพูดเหล่านี้พูดได้เพียงรอบเดียว
เย่โม่เซิน: “…”
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนโง่สินะ?
ต้องใช่แน่
ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่ถามคำถามโง่ ๆ ในเวลาอย่างนี้แน่
“นี่ฉันยังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกเหรอ?” เย่โม่เซินหรี่ตาลง ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย “หรือว่าเธอมันใสซื่อเกินไป?”
เสิ่นเฉียวอ้าปากค้าง เขาแสดงออก…อะไรเหรอ?
“แม่ผู้หญิงแต่งงานรอบสอง คำพูดบางอย่างฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว เธออย่าหวังว่าฉันจะพูดให้เธอฟังเป็นครั้งที่สอง” เย่โม่เซินพูดขึ้นอย่างเย็นชา คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความหยิ่งยโส
ดวงตาของเสิ่นเฉียวเบิกกว้างอย่างสงสัย: “อะไรคะ?”
ให้ตายสิ!
เย่โม่เซินมองดูเธอในเวลานี้ที่แสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นแล้วอยากจะจับคนที่อยู่ตรงหน้ามาตีตูดแรง ๆ สักที เขาพูดในสิ่งที่ไม่สามารถจะพูดออกไปได้หมดแล้ว สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ฟังสักนิด
คิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของเย่โม่เซินกระตุกเบา ๆ และเสียงของเขาก็เย็นลงเล็กน้อย
“ดูท่า ในสายตาของเธอคงจะไม่มีฉัน สามีคนนี้อยู่เลยสินะ”
เสิ่นเฉียว: “คุณพูดให้ชัดเจนสิคะ สุดท้ายแล้วคุณหมายความว่ายังไง? ก่อนหน้านี้ฉันนอนที่เตียงหลังเล็กก็สบายดี ทำไมจู่ ๆ จะนอนเตียงเดียวกัน หรือว่าเป็นเพราะฉันกับคุณ…”
คำพูดต่อไปยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเย่โม่เซินขัดจังหวะอย่างเกรี้ยวกราด: “พอแล้ว!”
ความหงุดหงิดอย่างกะทันหันนั้นน่ากลัว ระหว่างคิ้วและดวงตาของเย่โม่เซินถูกย้อมด้วยความดุดัน
“ไม่รู้อะไรก็อย่าถาม ยายผู้หญิงหน้าโง่ อยากจะนอนเตียงหลังเล็กก็เรียกคนงานให้ย้ายขึ้นมาเองก็แล้วกัน เธอคิดว่าฉันอยากจะนอนร่วมเตียงกับผู้หญิงที่แต่งงานสองครั้งอย่างเธอเหรอ? มันทั้งลดค่า! เสียเกียรติ!
เสิ่นเฉียว: “…”
เย่โม่เซินหมุนล้อวีลแชร์แล้วหันหลังออกไปจากห้อง
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เสิ่นเฉียวโกรธจนใจกระเพื่อมแรง ให้สาวใช้ยกเตียงกลับมาคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเขาคิดว่าการนอนกับเธอทำให้ลดค่าและเสียเกียรติแล้ว ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากจะเสนอหน้าเข้าไป
เธอปูพื้นเอาได้รึเปล่า?
เสิ่นเฉียวออกไปของผ้านวมสองผืนจากสาวใช้ พื้นก็ถูกเช็ดทำความสะอาดหมดแล้ว เธอใช้ผ้านวมสองผืนนั้นปูไปกับพื้น และย้ายเครื่องนอนและของของเธอกลับมา
ทันใดนั้นเครื่องนอนสี่ชิ้นก็ขาดไปสองชิ้น เหลือเพียงผ้าปูและหมอนสีฟ้า มันดูว่างเปล่าไปหมด ดูแล้วร้างอย่างน่าประหลาด
เสิ่นเฉียวจัดการกับของของตัวเองเสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จเธอก็เข้านอนทันที
เธอหลับไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนเลิกผ้าห่มเธอ
เพราะเธอง่วงมาก เธอจึงห่มผ้าไว้แน่นมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าผ้าห่มมันถูกเลิกออกอยู่ดี
เสิ่นเฉียวลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว มันบังเอิญไปชนกับดวงตาที่เย็นชาและลึกล้ำคู่หนึ่ง
เย่โม่เซิน! ! !
“คุณทำอะไรน่ะ” เสิ่นเฉียวถามออกมา
เย่โม่เซินมองเธอด้วยสายตาเย็นชา: “เธอว่าไงล่ะ?”
เสิ่นเฉียวสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นนั่ง กำผ้านวมในมือแน่น “ฉันกำลังนอนอยู่ดี ๆ คุณมาแย่งผ้าห่ม แล้วคุณยังจะมาถามฉันอีก”
เย่โม่เซินหัวเราะคิกคัก: “ผ้านวมเป็นของเธอเหรอ?”
“…”
ก็ได้ เธอหยิบผ้าห่มมาจากเตียงของเย่โม่เซิน
“คุณก็ใช้ผ้าปูก่อนหน้านั้นสิ” เสิ่นเฉียวพูด: “คุณให้คนงานเก็บของของฉันไปหมดแล้ว ผ้านวมนี่ควรจะให้ฉันถึงจะถูก”
ตอนนี้เธอง่วงจนทนไม่ไหว ตั้งแต่เธอตั้งท้องเธอก็ยิ่งอยากจะนอน หลังจากที่พูดกับเย่โม่เซินแล้ว เสิ่นเฉียวรำคาญที่จะโต้เถียงกับเขาอีกและถือผ้าห่มไว้ในอ้อมแขนของเธอ “เครื่องนอนของคุณก่อนหน้านี้อยู่ในตู้ รบกวนคุณไปหยิบเองก็แล้วกัน ฉันนอนก่อนแล้ว”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็ล้มตัวนอนและห่มผ้ากลับไปเหมือนเดิม
เธอไม่ได้สนใจว่าท้ายที่สุดแล้วเย่โม่เซินแสดงออกอย่างไร เสิ่นเฉียวรู้เพียงหลังจากเธอล้มตัวลงได้ไม่นานเธอก็หลับไป
เธอหลับไปถึงกลางดึก จู่ ๆ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ที่หลังของเธอเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวและส่งผ่านความร้อนออกมาอยู่ตลอด ผ่านชุดนอนบาง ๆ ความร้อนถูกถ่ายเทมายังผิวหนังของเธออย่างต่อเนื่อง
อุณหภูมิในร่างกายของเสิ่นเฉียวค่อย ๆ สูงขึ้น เธอขมวดคิ้วและเตะผ้าห่มออกอย่างช่วยไม่ได้
สุดท้ายก็สบายขึ้นหน่อย
ผ่านไปแค่วินาทีเดียว ผ้าห่มผืนนั้นก็กลับมาอยู่บนตัวเธออีก
เสิ่นเฉียวก็เตะอีก เพียงแค่ไม่นาน ผ้าห่มก็กลับมาห่มบนตัวเธออีก
เสิ่นเฉียวร้อนจนทนไม่ไหว เธอนอนร้อนจนเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เธอพลิกตัว ความร้อนที่ด้านหลังหายไปแล้ว แต่ความร้อนที่ด้านหน้ากลับสูงขึ้น
เสิ่นเฉียวลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ดวงตาที่เย็นชาทั้งงัวเงียและเกียจคร้าน ด้วยวิธีนี้มันวิ่งเข้าไปในตาของเย่โม่เซินแบบไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
ตาของเขา เหมือนกับมีดาวเด่นแวววาว สวยงามเกินจะบรรยาย
เสิ่นเฉียวจ้องมองนิ่ง ๆ อยู่นาน กะพริบตาปริบ ๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปที่หน้าของเย่โม่เซิน เมื่อนิ้วของเธอใกล้จะโดนผิวของเย่โม่เซิน ความง่วงก็กลับมาอีกครั้ง เธอหลับตาแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยความง่วงที่เข้ามา พร้อมกับลมหายใจร้อนก่อนหน้านี้ มีอะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มประทับอยู่ที่ริมฝีปากเธอ
เสิ่นเฉียวมีปฏิกิริยาตอบกลับด้วยกันหลบไปข้างหลัง เจ้าบางอย่างที่อ่อนนุ่มนั้นรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ ขยับไปข้างหน้าเล็กน้อยเช่นเดียวกับเธอและกดอย่างหนักกับริมฝีปากนุ่มของเธอ
เอาเถอะ ในเมื่อหลบไม่พ้นเสิ่นเฉียวก็ขี้เกียจจะไปสนใจแล้ว นอนต่อดีกว่า
เธอหลับต่อไปได้เพียงไม่นานเท่านั้น เจ้าบางอย่างที่อ่อนนุ่มบนริมฝีปากก็เริ่มขยับอีก มันโลมเลียริมฝีปากเธอ เหมือนกำลังกินเยลลี่ มันค่อย ๆ ลิ้มชิมรส
เลียมัน กัดมัน ดันมัน
เสิ่นเฉียวร้องออกมาเบา ๆ ภายใต้การรุกของฝ่ายตรงข้าม ทำให้อีกฝ่ายสูญเสียตำแหน่งของเขาเพียงใช้ปลายลิ้นดุนดันเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย เป็นเหมือนการทะลุประตูเมืองของกองทัพศัตรู
“อืม” เสียงของเสิ่นเฉียวที่ดังขึ้นในขณะที่เธอยังหลับดังเข้าไปในหูของเย่โม่เซินราวกับมีเวทมนตร์ เสียงนั้นทำให้ท้องเขาร้อน มือใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนไปที่แผ่นหลังของเธอ
จูบค่อย ๆ ดื่มด่ำ ค่ำคืนที่เงียบสนิท เย่โม่เซินราวกับจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
ตึก!
ตึก! !
ดังขึ้นเป็นจังหวะ มันดังเหมือนพลุที่ถูกจุดขึ้นในคืนที่เงียบสงัด
ถึงแม้จะห่างไกล แต่เสียงนั้นเหมือนกำลังกระแทกหัวใจ ทีละนิด ๆ
“อือ…” เขาร้องขอมากเกินไป ในที่สุดเสิ่นเฉียวไม่สามารถจะนอนสงบ ๆ ได้อีก คิ้วงามคู่นั้นขมวดหากันแน่น มือน้อยผลักเขาโดยไม่รู้ตัว
เย่โม่เซินจับข้อมือของเธอไว้ ร่างใหญ่หันกลับมาตามใจทาบทับร่างของเธอ
เพียงชั่วครู่ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ เธอค่อย ๆ ตื่นจากฝัน
วินาทีแรกที่ลืมตา ข้างหน้ามืดไปหมดไม่เห็นอะไร แต่กลับจำได้ชัดเจนถึงร่างแกร่งของชายหนุ่มที่กำลังทาบทับเธออยู่ และริมฝีปากของชายหนุ่มคนนั้นก็กำลังประกบปากเธออยู่
ตัวแข็งทื่ออยู่เกือบสิบวินาที เสิ่นเฉียวก็ได้สติว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาสวยเบิกโพลงท่ามกลางความมืด ร่างเล็กของเธอต่อสู้ดิ้นรนอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเย่โม่เซิน
“ปล่อยฉันนะ…อือ…”
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ: “หึ ตอนนี้เพิ่งจะมาตอบโต้มันช้าไปแล้วรึเปล่า”
เสียงของเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นเธอก็ใช้แรงกัดเย่โม่เซิน
ฟู่——
เสียงหายใจของเย่โม่เซินดังออกมาจากความมืด เสิ่นเฉียวแอบสบถออกมาเบา ๆ แล้วผลักร่างของเขาออก