บทที่ 1163 เรื่องพวกนั้นมีความหมายอะไร
ไม่นานนัก หานชิงก็เดินไปล้างมือ ทุกคนนั่งลงประจำที่
คนที่นั่งอยู่รายล้อมโต๊ะอาหารล้วนแล้วแต่เป็นคนกันเอง เดิมทีอาหารมื้อนี้ควรเป็นมื้ออาหารที่ทานกันได้อย่างสบายใจ แต่เป็นเพราะเรื่องความสัมพันธ์ของเสี่ยวเหยียนกับหานชิง บรรยากาศการทานอาหารมื้อนี้จึงติดขัดพอสมควร
เสี่ยวเหยียนแสร้งทำเป็นเงียบตลอด ไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับหานชิง ทำเพียงแค่มองดูข้าวของตัวเอง หานชิงก็ไม่พูดอะไรด้วย สีหน้าเยือกเย็นราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หานมู่จื่อรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ใช่วิธีที่ดี ต้องลงมือทำอะไรสักหน่อยจึงจะถูก
แต่ถ้าหากตอนนี้อยู่ต่อหน้าเสี่ยวหมี่โต้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ดังนั้นหล่อนจึงต้องแอบใช้สายตาชำเลืองมองลูกชายตัวเอง
ไม่เสียชื่อที่เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกของหล่อน ส่งสายตามองแวบเดียวก็เข้าใจทันที เขาวางตะเกียบและชามลง “หม่ามี๊ คุณลุง น้าเสี่ยวเหยียน ผมกินอิ่มแล้ว ผมกลับไปที่ห้องก่อนนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมูจื่อจึงแสร้งทำเป็นถามขึ้น: “อิ่มแล้วเหรอ? ลูกเพิ่งกินไปเท่าไหร่กันเอง กินอีกสักนิดไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วส่ายหน้า: “กินไม่ลงแล้วครับหม่ามี๊”
หานชิงเม้มริมฝีปาก จดจ้องสายตามองไปที่เสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มแห้ง จากนั้นก็เดินออกไปจากโต๊ะอาหาร
หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว หานมู่จื่อก็ยิ้ม เงยหน้าขึ้นกำลังเตรียมจะพูดบางอย่างกับหานชิง แต่ทันใดนั้นกลับพบว่าแววตาของหานชิงกำลังจ้องมองหล่อนอยู่ แม้ว่าจะไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดๆ แต่กลับดูเหมือนเป็นสีหน้าของความรู้สึกเหนื่อยใจ
รู้บ้างรึเปล่าว่าน้องสาวคนนี้คิดจะทำอะไร?
เข้าใจหล่อนขนาดนั้นเลยเหรอ? หานมู่จื่อคิดในใจ
“พี่ เอ่อคือ…”
หานมู่จื่อเพิ่งจะเอ่ยปากพูดขึ้น เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างจู่ๆก็ไม่รู้เป็นอะไร ตื่นตกใจจนลุกขึ้นยืน “ฉันไปดูเสี่ยวหมี่โต้วก่อนนะ เขากินน้อยเกินไป”
เมื่อพูดจบ ก็ไม่สนใจว่าทั้งสองจะมีท่าทียังไง รีบวิ่งออกไปด้วยท่าทีร้อนรนทันที
หานมู่จื่อ: “…”
เอ๊ะ? หล่อนอยากจะเรียกเสี่ยวเหยียนไว้แต่ก็ไม่ทัน เงาที่อยู่ตรงหน้าหายไปแล้ว จะเสแสร้งไม่พูดไม่จาไปถึงไหน? หานมู่จื่อรู้สึกกลุ้มใจ หล่อนอุตส่าห์ให้เสี่ยวหมี่โต้วออกไป เพราะอยากพูดเรื่องที่เด็กไม่ควรฟัง แต่สุดท้ายเสี่ยวเหยียนกลับหนีหายไปเช่นนี้
เสียแรงที่หล่อนทุ่มเทพยายามให้
หานมู่จื่อถอนหายใจไม่หยุด จากนั้นหันไปมองหานชิง
“พี่น่ากลัวขนาดไหน? ทำคนตกใจกลัวจนหนีไปแล้ว”
หานชิงซดน้ำซุปอย่างไม่สะทกสะท้าน ท่าทางเหมือนปกติ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบสายตามองหล่อน
“คนที่ทำให้หล่อนตกใจจนหนีไป ไม่ใช่เธอหรือไง?”
หานมู่จื่อหัวเราะเย้ย “ฉันทำให้หล่อนตกใจหนีไปที่ไหนล่ะ? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะพี่อยู่ตรงนี้ หล่อนต้องกลัวขนาดนั้นไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานชิงไม่ตอบอะไร กลับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
จนถึงตอนนี้ สาวน้อยยังคงกลัวเขาอยู่เช่นเคย
หลังจากคืนวันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็คงที่ ไม่มีการพัฒนาใดๆ ทว่าปฏิกิริยาเมื่อหล่อนเจอเขากลับไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน แต่…ก็ไม่ได้ดีกว่าก่อนหน้านี้ เหมือนนกที่ตื่นตกใจกลัว และเขาก็เป็นนายพรานที่กำลังล่าเหยื่อคนนั้น
แม้ว่าในมือของเขาไม่มีคันธนูก็ตาม
เมื่อคิดถึงตอนนี้ หานชิงเม้มริมฝีปาก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ: “คงเป็นเพราะฉันมีหน้าตาน่ากลัว?”
หานมู่จื่อ: “…”
พูดอะไรเพ้อเจ้อ?
“พี่ สรุปแล้วพี่คิดยังไงกันแน่?”
หานชิงเงยหน้ามองหล่อน
“เมื่อก่อนพี่บอกว่าพี่ไม่อยากจะคบกับใคร แค่อยากดูแลน้องสาวคนนี้ให้ดีๆ ใช่ไหม? ฉันเชื่อพี่นะ แต่ดูพี่ตอนนี้สิ ทั้งจูบ ทั้งพูดจ้าเย้าแหย่สาวน้อย และยังนั่งทำตัวสบายใจอยู่ตรงนี้อีก ไม่คิดว่าขาดความรับผิดชอบมากไปหน่อยเหรอ? ”
แม้ว่าคำพูดพวกนี้ดูเหมือนกำลังหาเรื่องหานชิงอยู่ แต่น้ำเสียงของหานมู่จื่อกลับไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย และยังมีสีหน้าที่ยิ้มอย่างทีเล่นทีจริงอีกด้วย
น้องสาวของเขาคนนี้ กำลังเล่นตลกให้พี่ชายคนนี้ดูอยู่เหรอ?
“หล่อนบอกเธอ?”
หานมู่จื่อตกใจตะลึง รีบตั้งสติขึ้นมาเมื่อหานชิงพูดขึ้น ผงกหัวลงด้วยความมั่นใจ: “ใช่สิ มีปัญหาไหม? พี่กล้าทำ และยังไม่ให้คนอื่นพูดออกมาด้วยงั้นเหรอ?”
หานชิงไม่พูดอะไรต่อ
แต่หานมู่จื่อยังไม่ยอมปล่อยเขา
“พี่ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจพี่มากเลยนะ พี่คงหวั่นไหวมาตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้พี่ต้องคอยควบคุมตัวเองไว้ รู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้ไม่อยากมีความรักกับใครอีกแล้วใช่ไหม? พูดความจริงนะ พวกเราเป็นพี่น้องตระกูลหานเหมือนกัน ฉันในฐานะที่เป็นญาติสนิทของพี่เพียงคนเดียว ไม่อยากให้พี่ต้องโดดเดี่ยวจนแก่เฒ่าเพราะเรื่องบางอย่าง อีกทั้ง…สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บางครั้งอะไรที่พลาดไปแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสกลับไปคว้ากลับคืนมาได้อีกนะ”
หานชิง: “…”
“ฉันรู้”
เรื่องนี้ ตั้งแต่ที่สาวน้อยเริ่มเย็นชาใส่ เขาก็เริ่มคิดได้แล้ว
แค่เพียงตอนนั้นความรู้สึกของเขายังไม่ชัดเจนขนาดนั้น จนกระทั่งหล่อนเบื่อตัวเขาขึ้นมา เขายืนรออยู่หน้าร้านหนึ่งวันเต็ม หล่อนไม่มีท่าทีอะไรเลย ทั้งยังไปคุยกับผู้ชายคนใหม่ที่ถูกแนะนำให้รู้จักด้วย
“พี่รู้? ฉันคิดว่าพี่ไม่รู้เสียอีก จูบแล้วไม่มีท่าทีอะไรเลย ฉันบอกความจริงกับพี่นะ แม้ว่าพี่จะเป็นพี่ชายของฉัน แต่ฉันก็ไม่คาดหวังให้พี่ต้องทำร้ายเสี่ยวเหยียน ถ้าพี่ไม่ได้ชอบหล่อนจริงๆ ต่อไปก็อย่าไปเจอหล่อนอีก”
หานชิงตะลึง หรี่สายตามองหล่อน
“หล่อนไม่ต้องการมอบความรักของตัวเองให้กับคนที่ไม่แน่ใจกับความรู้สึกตัวเอง หล่อนต้องการคนที่จริงใจรับผิดชอบ ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ต่อไป เซียวซู่คงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า”
แม้ว่าพูดแบบนี้จะเป็นการพาดพิงที่ไม่ดีกับเซียวซู่ แต่หานมู่จื่อคิดแบบนี้จริงๆ เมื่อก่อนหล่อนรู้สึกว่าเซียวซู่กับเสี่ยวเหยียนเหมาะสมกันมาก เพียงแต่เรื่องความรักเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน คนนอกไม่มีทางเข้าใจได้
เสี่ยวเหยียนชอบหานชิง หล่อนก็ไม่อยากพูดอะไรมากแค่นั้น
สองพี่น้องสบตามองกันเป็นเวลานานสักพัก หานชิงก็หลบสายตา ก้มหน้าค่อยๆซดน้ำซุปต่อ จากนั้นก็วางชามลงบนโต๊ะ ไม่พูดอะไรสักพักใหญ่
“พี่?”
“เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ ควรทำยังไง ฉันรู้ตัวเองดี เธอรอคลอดได้อย่างสบายใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อเริ่มรู้สึกไม่พอใจ อยากจะพลิกจานขึ้นมาครอบหัวเขา หล่อนโกรธจนกัดฟันแน่น “พี่คิดยังไงกันแน่ พี่บอกฉันหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? อะไรที่บอกว่าคิดเองได้!”
สายตาของหานชิงขยับเล็กน้อย ในที่สุดก็ยอมพูดขึ้น: “ฉันอยากพูดกับหล่อนก่อน”
“……”
“???”
“!!!”
หลังจากอึ้งตะลึงสักพัก หานมู่จื่อก็ตั้งสติขึ้นมาได้ ที่แท้…ก็หมายความว่าแบบนี้เหรอ? ปล่อยให้รอตั้งนาน หล่อนคิดมากไปเอง???
หานมู่จื่อจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าเจื่อน รู้สึกว่าตำแหน่งน้องสาวอันดับหนึ่งกำลังจะหายไป แต่…ก็รู้สึกดีใจแทนเสี่ยวเหยียน
เพราะอีกไม่นานความฝันของหล่อนก็จะกลายเป็นจริงแล้ว
คนที่ตัวเองชอบก็ชอบตัวเองเหมือนกัน ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากจริงๆ
เสี่ยวเหยียนแสร้งทำตัวเงียบตามเสี่ยวหมี่โต้วกลับไปที่ห้อง แต่ก็ทำได้ไม่นาน หลังจากทานอาหารเสร็จ หล่อนก็ถูกหานมู่จื่อเรียกออกมา บอกว่าพี่ของหล่อนมีเรื่องจะคุยด้วย ให้หล่อนออกไปข้างนอก
เสี่ยวเหยียนขนลุกซู่ขึ้นมาทันที “เธอคงไม่ได้เล่าเรื่องที่ฉันบอกเธอให้เขาฟังใช่ไหม?”
หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆ: “เปล่า เธอก็ไม่อยู่ ฉันพูดไปจะมีความหมายอะไร? เขาเรียกเธอคงมีธุระเรื่องอื่น ยังไงก็แล้วแต่ เธอไม่ต้องกลัว กล้าเข้าไว้”
“……”
เสี่ยวเหยียนมองหล่อนด้วยแววตาเหนื่อยใจ รู้สึกเสียใจภายหลังที่ไม่ปิดปากไว้ให้ดี สุดท้ายหล่อนยังคงเดินก้มหน้าคอตกไปหาหานชิง